พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ของมหามกุฏราชวิทยาลัยในพระบรมราชูปถัมภ์
เล่มที่ 26
สังยุตตนิกาย นิทานวรรค หน้า 673 ข้อ 582 ภินทิสูตร
๑. ภินทิสูตร
ว่าด้วยลาภสักการะเป็นเหตุทำลายสงฆ์
[ ๕๘๒ ] พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่
ณ พระเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี กรุงสาวัตถี ณ
ที่นั้นแลพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลายลาภสักการะและความสรรเสริญ
ทารุณ เผ็ดร้อน หยาบคาย เป็นอันตรายแก่การบรรลุธรรมอันเกษมจากโยคะ ไม่มีธรรมอื่นยิ่งไปกว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เทวทัตถูกลาภสักการะ
และความสรรเสริญครอบงำย่ำยีจิตแล้ว จึงทำลายสงฆ์
ดูก่อนภิกษุทั้งหลายลาภสักการะ และความสรรเสริญ
ทารุณ
เผ็ดร้อน หยาบคาย เป็นอันตรายแก่การบรรลุธรรมอันเกษมจากโยคะ ซึ่งไม่มีธรรมอื่นยิ่งกว่า
เพราะฉะนั้นแหละ เธอทั้งหลาย
พึงศึกษาอย่างนี้ว่า เราทั้งหลายจักละลาภสักการะและความสรรเสริญที่เกิดขึ้นแล้วเสีย
และลาภสักการะและความสรรเสริญ ที่บังเกิดขึ้นแล้ว จักครอบงำจิตของเราทั้งหลายตั้งอยู่ไม่ได้
เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้แหละ
พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ของมหามกุฏราชวิทยาลัยในพระบรมราชูปถัมภ์
เล่มที่ 26
สังยุตตนิกาย นิทานวรรค หน้า 674 ข้อ 583 มูลสูตร
๒. มูลสูตร
ว่าด้วยกุศลมูลของพระเทวทัตถูกลาภสักการะครอบงำ
[ ๕๘๓ ] พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่
ณ พระเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี กรุงสาวัตถี ณ
ที่นั้นแลพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลายลาภสักการะและความสรรเสริญ
ทารุณ เผ็ดร้อน หยาบคาย เป็นอันตรายแก่การบรรลุธรรมอันเกษมจากโยคะ ไม่มีธรรมอื่นยิ่งไปกว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย กุศลมูลของเทวทัตผู้ถูก
ลาภสักการะสรรเสริญครอบงำย่ำยีจิต ถึงความขาดสูญแล้ว ลาภสักการะ
และความสรรเสริญ ทารุณ เผ็ดร้อน
หยาบคาย เป็นอันตรายแก่การบรรลุธรรมอันเกษมจากโยคะ ซึ่งไม่มีธรรมอื่นยิ่งกว่า
เพราะฉะนั้นแหละ เธอทั้งหลายพึง ศึกษาอย่างนี้ว่า เราทั้งหลายจักละลาภสักการะและความสรรเสริญที่เกิดขึ้นแล้วเสีย
และลาภสักการะและความสรรเสริญ ที่บังเกิดขึ้นแล้ว จักครอบงำจิตของเราทั้งหลายตั้งอยู่ไม่ได้
เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้แหละ
พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ของมหามกุฏราชวิทยาลัยในพระบรมราชูปถัมภ์
เล่มที่ 26
สังยุตตนิกาย นิทานวรรค หน้า 676-678 ข้อ 586-591 ปักกันตสูตร
๕. ปักกันตสูตร
ว่าด้วยลาภสักการะเกิดแก่พระเทวทัตเพื่อฆ่าตนเอง
[ ๕๘๖ ] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่
ณ ภูเขา คิชฌกูฏ กรุงราชคฤห์ เมื่อพระเทวทัตหลีกไปยังไม่นาน
ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงปรารภพระเทวทัต ตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายมาว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ลาภสักการะ และความสรรเสริญเกิดแก่เทวทัต
เพื่อฆ่าตนเอง เพื่อความเสื่อม
[ ๕๘๗ ] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนต้นกล้วยเผล็ดผลเพื่อฆ่าตนเอง เพื่อความเสื่อม ฉันใด ลาภสักการะ และความสรรเสริญเกิดแก่เทวทัต เพื่อฆ่าตนเอง เพื่อความเสื่อม ฉันนั้นเหมือนกัน
[ ๕๘๘ ] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนไม้ไผ่ออกขุย เพื่อฆ่าตนเอง เพื่อความเสื่อม ฉันใด ลาภสักการะ และความสรรเสริญเกิดแก่เทวทัต เพื่อฆ่าตนเอง เพื่อความเสื่อม ฉันนั้นเหมือนกัน
[ ๕๘๙ ] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนไม้อ้อออกดอก เพื่อฆ่าตนเอง เพื่อความเสื่อม ฉันใด ลาภสักการะ และความสรรเสริญเกิดแก่เทวทัต เพื่อฆ่าตนเอง เพื่อความเสื่อม ฉันนั้นเหมือนกัน
[ ๕๙0 ] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนแม่ม้าอัสดรตั้งครรภ์
เพื่อฆ่าตนเอง เพื่อความเสื่อม ฉันใด ลาภสักการะ
และความสรรเสริญเกิดแก่เทวทัต เพื่อฆ่าตนเอง เพื่อความเสื่อม ฉันนั้นเหมือนกัน
ดูก่อนภิกษุทั้งหลายลาภสักการะ และความสรรเสริญ
ทารุณ เผ็ดร้อน หยาบคาย เป็นอันตรายแก่การบรรลุธรรมอันเกษมจากโยคะ ซึ่งไม่มีธรรมอื่นยิ่งกว่า
เพราะฉะนั้นแหละ เธอทั้งหลายพึง ศึกษาอย่างนี้ว่า
เราทั้งหลายจักละลาภสักการะและความสรรเสริญที่เกิดขึ้น
แล้วเสีย และลาภสักการะและความสรรเสริญ ที่บังเกิดขึ้นแล้ว จักครอบงำจิตของเราทั้งหลายตั้งอยู่ไม่ได้
เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้แหละ
[ ๕๙๑ ] พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้สุคตศาสดา
ครั้นได้ตรัสไวยากรณภาษิตนี้แล้ว จึงได้ตรัสคำเป็นคาถาประพันธ์ต่อไป
อีกว่า
ผลกล้วยฆ่าต้นกล้วย
ขุยไผ่ฆ่าไม้ไผ่ ดอกอ้อฆ่าไม้อ้อ ลูกม้าฆ่าแม่ม้าอัสดร ฉันใด สักการะก็ฆ่า
คนชั่วฉันนั้น
อรรถกถาปักกันตสูตรที่ ๕
ความว่า แม่ม้าอัสดร ผสมครรภ์นั้นกับพ่อม้า
แม่ม้าอัสดรนั้นตั้งท้อง ไม่สามารถออกลูกได้เมื่อถึงเวลา ยืนเอาเท้า
ตะกุยดิน เมื่อเป็นเช่นนั้น เขาจึงมัดเท้า ๔ เท้าของแม่ม้าอัสดรนั้นไว้ที่หลัก
๔ หลัก ผ่าท้องเอาลูกออก แม่ม้าอัสดรนั้น
ตายในที่นั้นนั่นเอง เพราะเหตุนั้น ท่านจึงกล่าวข้อนั้น
พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ของมหามกุฏราชวิทยาลัยในพระบรมราชูปถัมภ์
เล่มที่ 26
สังยุตตนิกาย นิทานวรรค หน้า 678-679 ข้อ 592-594 รถสูตร
๖. รถสูตร
ว่าด้วยพระเจ้าอชาตสัตรูราชกุมารบำรุงพระเทวทัต
[ ๕๙๒ ] พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่
ณ พระเวฬุวัน กลันทกนิวาปสถาน กรุงราชคฤห์ สมัยนั้น พระเจ้าอชาต
สัตรูราชกุมาร เสด็จไปบำรุงพระเทวทัต ทั้งเวลาเย็นเวลาเช้า ด้วยรถประมาณ ๕00
คัน และรับสั่งให้นำภัตตาหารสำหรับ บูชาไปพระราชทาน ๕00 ถาด ครั้งนั้นภิกษุทั้งหลายเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า
ครั้นเข้าไปเฝ้าแล้ว ถวายบังคมแล้วนั่ง
อยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นภิกษุเหล่านั้นนั่งเรียบร้อยแล้ว ได้กราบทูลว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระเจ้าอชาตสัตรู ราชกุมารจักเสด็จไปบำรุงพระเทวทัต
ทั้งเวลาเย็นเวลาเช้า ด้วยรถประมาณ ๕00 คัน และจักรับสั่งให้นำภัตตาหารสำหรับ
บูชาไปพระราชทาน ๕00 ถาด พระเจ้าข้า
[ ๕๙๓ ] พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
เธอทั้งหลายอย่ายินดีลาภสักการะและความ
สรรเสริญ ของเทวทัตเลย เพราะพระเจ้าอชาตสัตรูราชกุมารเสด็จไปบำรุงพระเทวทัต
ทั้งเวลาเย็นเวลาเช้า
ด้วยรถประมาณ ๕00 คันและจักรับสั่งให้นำภัตตาหารสำหรับบูชาไปพระราชทาน ๕00
ถาดเพียงใด เทวทัตพึงหวังความเสื่อมในกุศลธรรมทั้งหลายไม่พึงหวังความเจริญเพียงนั้น
[ ๕๙๔ ] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
เปรียบเหมือนสุนัขดุที่เขาขยี้ดี [ ดีหมีดีปลา ] ใส่ในจมูก เมื่อเป็นเช่นนี้
มันก็ยิ่ง ดุร้ายกว่าเดิมหลายเท่าโดยแท้ ฉันใด พระเจ้าอชาตสัตรูราชกุมารจักเสด็จไปบำรุงเทวทัตทั้งเวลาเย็น
เวลาเช้า ด้วยรถประมาณ ๕00 คันและจักรับสั่งให้นำภัตตาหารสำหรับบูชาไปพระราชทาน
๕00 ถาดเพียงใด เทวทัตพึงหวังความเสื่อมในกุศลธรรมทั้งหลาย ไม่พึงหวังความเจริญเพียงนั้น
ฉันนั้นเหมือนกัน ลาภสักการะ และความสรรเสริญ
ทารุณ เผ็ดร้อน หยาบคาย เป็นอันตรายแก่การบรรลุธรรมอันเกษมจากโยคะ ซึ่งไม่มีธรรมอื่นยิ่งกว่า
เพราะฉะนั้นแหละ เธอทั้งหลายพึง ศึกษาอย่างนี้ว่า
เราทั้งหลายจักละลาภสักการะและความสรรเสริญที่เกิดขึ้น
แล้วเสีย และลาภสักการะและความสรรเสริญ ที่บังเกิดขึ้นแล้ว จักครอบงำจิตของเราทั้งหลายตั้งอยู่ไม่ได้
เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้แหละ