page4

เดลินิวส์ 27/2/2542

กมธ.ปอกเปลือกธัมมชโย ระบุพัวพันกับสีกาถึง 6 คน

ปอกเปลือก"ธัมมชโย" กรรมาธิการศาสนาเผยแพร่ผลสรุปที่เตรียมเสนอมหาเถรสมาคมฯ ระบุ ลวงโลกปาราชิกตั้งแต่การอวดคุณวิเศษไม่มีในตัว พัวกันกับสีกาถึง 6 คน ขนาดเคยอยู่ในห้อง 2 ต่อสอง กับสีกาที่ใส่ชุดนอนไม่มียกทรง พอลูกศิษย์เห็นก็เหงื่อแตกเต็มหัว ชอบโทรฯอ้อนจ๊ะจ๋า ใช้เงินวัดที่ได้ปีละ 2 พันล้าน ไปพัวพันธุรกิจมากมายตั้งแต่พัฒนาที่ดินไปถึงค้าน้ำมัน กว้านซื้อที่ใส่ชื่อตัวเองเป็นพันไร่ทำเหมืองทอง มีสินทรัพย์มหีมา 5 หมื่นล้าน เคยพูดต่อหน้าคนขับรถ"อาชีพศาสดารวยสุดในโลก" รวมถึงความฝันตั้งแต่เด็กอยากเป็นจักรพรรดิ์ ใช้กลยุทธ์ปูเสฉวน แอบเข้ามายึดครองศาสนา

เมื่อวันที่ 26 ก.พ.ที่ผ่านมาผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า กรรมาธิการการศาสนาแจกจ่ายรายงานกรณีวัดพระธรรมกาย ซึ่งข้อมูลทั้งหมดได้มีการเตรียมพร้อมสำหรับการเสนอที่ประชุมมหาเถรสมาคม โดยได้มีการแบ่งปัญหาวัดพระธรรมกายไว้ 4 ด้าน

ปัญหาด้านแรก เกี่ยวกับการสอนที่ผิดเพี้ยนในเรื่องวิชชาธรรมกาย ,การสอนว่าธรรมกายและนิพพานเป็นอัตตา ทั้งจากตัวของพระไชยบูลย์ สุทธิผล เจ้าอาวาสเองรวมถึงพระสำคัญอื่น ๆของวัด ,การประกาศรื้อพระไตรปิฎกของวัดพระธรรมกายที่อ้างว่าผิดพลาดและขาดหายไปมาก โดยนำรายงานข่าวของเดลินิวส์เข้าไปประกอบด้วย ,การอ้างตัวเป็นต้นธาตุ ต้นธรรมเป็นต้นกำเนิดของพระพุทธเจ้าของพระไชยบูลย์ ,การเน้นอิทธิปาฎิหารย์,การทำบุญให้กลายเป็นสินค้า และการระดมทุน

ด้านที่ 2 เป็นศาสนาบุคคลเกี่ยวกับวัดตั้งแต่พระไชยบูลย์ ที่มีปัญหานานัปการตั้งแต่การอวดอุตริมนุสธรรม หลงตัวอย่างรุนแรง ซึ่งต้องอาบัติขั้นปาราชิก จับสึกจากการเป็นพระ,เป็นผู้รวบอำนาจทั้งหมดไว้ในมือ ,เป็นผู้ที่โลภไม่สิ้นสุด โดยพระไชยบูลย์มีการตั้งคำถามกับคนขับรถผู้ใกล้ชิดว่า"อาชีพอะไรรวยสุดในโลก" ซึ่งพระไชยบูลย์ได้ตอบคำถามว่า"อาชีพศาสดาไง ร่ำรวยสุดในโลก",เป็นคนลึกลับ ,ชอบคบหาสตรีรูปร่างดี มีฐานะ โดยมีการให้ข้อมูลว่าพระไชยบูลย์อยู่ในห้องแอร์เย็บเฉียบ
กับสีกาแกนนำบางคนสองต่อสอง โดยสีกาคนนี้ใส่เสื้อนอนไม่สวมยกทรง และเมื่อลูกศิษย์คนอื่นไปพบก็เห็นสภาพผิดปกติ จีวรไม่ค่อยเรียบร้อย และหน้าผาก ใบหน้าศรีษะมีเหงื่อผุดเป็นเม็ด ผู้หญิงที่เกี่ยวพัน กับพระไชยบูลย์มี 6 คน คนแรกเข้าวัดปี 2524 รูปร่างเล็ก ผิวคล้ำ คมขำ และมีการจับจดหมายแสดงความสัมพันธ์ได้ ,สีกาคนที่ 2 ปัจจุบันอายุ 54 ปี อดีตภรรยาข้าราชการผู้ใหญ่ พบพฤติกรรมไม่เหมาะสมอยู่ 2 ต่อ 2,สีกาคนที่ 3 เป็นเจ้าของบริษัทโฆษณา โดยมีการสนทนาทางโทรศัพท์แบบไม่เหมาะสม อาทิการพูดกับสีกาว่า"ถ้าตัวเองไม่เลิกสูบบุหรี่ ต่อไปเค้าจะไม่พูดด้วยแล้วนะจ๊ะ ซึ่งบทบาทสีกาคนนี้ มีส่วนสำคัญในการโฆษณาปาฎิหารย์ของวัด,สีการายที่ 4 อายุ 48 ปี อดีตภรรยาน้อยนักธุรกิจ และนักเล่นหุ้นชื่อดังที่เสียชีวิตแล้ว ,สีกาคนที่ 5 เป็นหญิงโสดอายุ 42 ปี ทำหน้าที่ดูแลเจ้าอาวาส และคนที่ 6 อายุ 52 ปี โดยมีผู้พบเจ้าอาวาสไปพบสีกาในหมู่บ้าน
แห่งหนึ่งในกรุงเทพฯเสมอ

จากพยานหลักฐานพบว่า พระไชยบูลย์ต้องอาบัตปาราชิกครบ 4 ข้อ และการที่วัดชี้แจงข้อมูลว่าพระไชยบูลย์ปฏิบัติตนดี ปฏิบัติชอบมาตลอดน่าจะเป็นการสร้างภาพและจัดฉากเพื่อลวงโลกเท่านั้น

ในรายงานนี้ยังกล่าวถึงบุคคลอื่นที่เป็นคนสำคัญของวัดแม่ชีจันทร์ ขนนกยูง ที่ถูกสร้างภาพให้มีฤทธิ์ปาฎิหารย์ถึงขั้นปัดระเบิดปรมาณู,พระเผด็จ ทัตตชีโว รองเจ้าอาวาสที่สอนแบบอวดอุตริมนุสธรรม และสอนธรรมวินัยวิปริต บ่อย ๆๆเช่นเดียวกับพระไชยบูลย์ รวมถึงเป็นผู้มีส่วนในการบีบซื้อที่ดินจากเจ้าของ
โรงเรียนอนุบาลแสงเทียน

ปัจจุบันวัดพระธรรมกายมีพระภิกษุ 652 รูป สามเณร 263 รูป และจ่ายเงินให้กับครอบครัวพระเณรที่สอบได้เปรียญธรรมสูง ๆ เพื่อดึงพระเณรเหล่านี้เข้ามาอยู่ในวัดเพื่ออวดว่าวัดมีพระเณร
เปรีญสูงมากกว่าวัดอื่น ส่วนเจ้าหน้าที่ประจำทำงานเต็มเวลาปี 475 คน การศึกษาสูงและมีการสร้างกิจกรรมในหมู่นักศึกษา การสร้างกลุ่มอาสากัลยาณมิตร

ปัญหาด้านที่ 3 เกี่ยวกับศาสนวัตถุและศาสนสมบัติ มีการกล่าวถึงการสร้างมหาธรรมกายเจดีย์ และการสร้างวัดใหญ่โตด้วยการบีบซื้อที่ดินชาวบ้าน โดยเฉพาะกรณีโรงเรียนอนุบาลแสงเทียน ด้วยวิธีโหดร้าย โดยอ้างถึงข้อมูลจากเดลินิวส์อีกครั้ง ,การถือครองที่ดินจำนวนมากทั้งในนามพระไชยบูลย์และมูลนิธิธรรมกาย ถึง 4,800 ไร่เศษ

ที่ดินเหล่านี้มีการร้องเรียนในหลายจุด อาทิที่เกาะยาว จ.พังงา นอกจากนั้นที่ดินของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับวัด ของกัลยาณมิตรคนสำคัญและของพระไชยบูลย์ปรากฎว่ามีบางพื้นที่อย่างที่จ.เลย เข้าครอบครองพื้นที่เขตป่าสงวนแห่งชาติ

กรรมาธิการการศาสนาฯสรุปว่าการถือครองที่ดินโดยใช้ชื่อจริงนามสกุลจริงว่าพระไชยบูลย์ สุทธผล ไม่ได้ใช้สมณสักดิ์ ที่เป็นราชทินนามที่ได้รับพระราชทานน่าจะเข้าข่ายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และไม่มีเหตุผลที่ไม่ใช่ชื่อวัด รวมถึงมูลนิธิธรรมกายที่ครอบครองที่ดินอยู่นั้นพระไชยบูลย์ก็มี
สิทธิขาดเพียงผู้เดียวในการจัดการทรัพย์สิน และข้ออ้างของวัดที่แจ้งมาที่ว่ามีคนซื้อบริจาคให้ก็ฟังไม่ขึ้น โดยเฉพาะที่ดินบางแห่งซื้อในนามพระไชยบูลย์ และได้ขอประทานบัตรทำเหมืองทองเช่นที่พิจิตร

ในรายงานด้านนี้ยังกล่าวถึงธุรกิจพัฒนาที่ดินและการค้า ที่เกี่ยวกับพระไชยบูลย์ด้วยได้แก่ โครงการบัณฑิตนคร ,โครงการเมืองมหาวิทยาลัยหรือยูนิเวอร์ซิตี้ วิลเลจ หรือยูทาวน์ ,โครงการตะวันธรรม ตะวันทอง และการเข้าลงทุนในกิจการน้ำมัน รวมถึงความเกี่ยวพันกับคอนโดมิเนียมที่กำลังก่อสร้างในโครงการเมืองแก้วมณี กับบ้านสวนตะวันธรรม

วิธีการตั้งเครือข่ายธุรกิจของวัดจะใช้ 3 รูปแบบคือ
การตั้งบริษัทและให้อุบาสกคนสนิทเป็นผู้ก่อตั้งหรือถือหุ้น,
การให้อุบาสิกาเป็นผู้ก่อตั้ง
และการให้ญาติเจ้าอาวาสคือน้องสาวและน้องชายต่างมารดามาร่วมถือหุ้นหรือก่อตั้ง จากการศึกษายังพบว่าเงินบริจาคของวัดตลอดปีมีโครงการเรี่ยไรใหญ่เล็กประมาณปีละ 50 โคงการ คาดว่าแต่ละปีจะได้เงินเข้าวัดและมูลนิธิประมาณ 2,000 ล้านบาท และวัดและมูลนิธิมีสินทรัพย์รวมกันประมาณ 5 หมื่นล้านบาท แต่ไม่ยอม เปิดเผยบัญชี โดยเมื่อวันที่ 25 ม.ค. 2542 วัดยังได้ทำหนังสือให้ธนาคารค้ำประกันการสั่งซื้อสินค้า จากบริษัทล็อกซ์เล่ย์ ในวงเงิน 10 ล้านบาทด้วย แสดงให้เห็นถึงฐานะที่มั่งคั่ง

ด้านที่ 4 คือศาสนพิธี ใช้ศาสนพิธีแบบพิสดารเช่นการถวายข้าวพระ,การเป็นผู้ผูกขาดบอกบุญ ทำบุญกับวัดถึงได้บุญ การจัดฉากสร้างภาพบุญอวดยิ่งใหญ ่เพื่อขายบุญ ใช้เทคนิคแสงสีเสียง ใช้การดึงผู้มีอำนาจทางบริหารและทางการเมือง เช่นนายพล นายตำรวจ ข้าราชการระดับสูงมาวัด เพื่อขยายผลความเชื่อไปยังข้าราชการระดับล่าง

ผลสรุปของวัดพระธรรมกายจะสร้างผลกระทบทั้งด้านพระธรรมวินัย ที่ทำให้พระธรรมผิดเพี้ยน,ผลกระทบด้านสงฆ์ที่วัดพระธรรมกายใช้กลยุทธปูเสฉวน ที่อาศัยคราบกระดองที่คล้ายเปลือกหอย ไปอยู่ปะปนกับหอยกำบังธาตุแท ้เพื่อลวงโลกให้หอยเข้าใจว่าเป็นพวกเดียวกัน แล้วเข้ามาใกล้หอยจากนั้นก็กินหอยเสีย โดยวัดเป็นลัทธิแปลกปลอม ไม่ใช่พระพุทธศาสนาเถรวาทของคณะสงฆ์ เหมือนเป็นปูเสฉวนที่แฝงมายึดครองพระสงฆ์ไทย ด้วยการวางแผนยุทธวิธี ใช้บุคคลชั้นนำทางศาสนาและราชการ แฝงตัว กำบัง คืบคลานแทรกแซงยึดครองพระสงฆ์ไทยไปตามลำดับ โดยอาศัยฐานการเงินและคนที่หลอกล่อ ฉ้อฉล จากทุนทางสังคมที่ยิ่งใหญ่ของชาวไทย

การขยายฐานของวัดเพื่อแผนการใหญ่ ในการเป็นศูนย์กลางพุทธศาสนาของโลก ที่ชาวพุทธทุกคนต้องมาจาริกบุญที่วัดอย่างอย่างครั้งหนึ่งในชีวิต มีมหาวิทยาลัยพุทธศาสนานานาชาติ ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของพุทธศาสนาแนวเถรวาทที่คณะสงฆ์ไทยรักษาตลอดกว่า 700 ปี

ผลกระทบด้านอื่น ๆ อาทิด้านศาสนวัตถุและศาสนพิธี ที่ผิดเพี้ยน ทำตามใจชอบ, ผลกระทบด้านความมั่นคงสถาบันชาติ โดยทำให้วัดมีสภาพเหมือนองค์กรมาเฟียใหญ่ แผ่ขยายแทรกซึมทุกวงการ ทำความผิดด้านศาสนา ทำความเดือดร้อนทั้งด้านเศรษฐกิจ จิตใจ กระทบต่อสถาบันศาสนา และสถาบันกษัตรย์ ตัดต้นไม้ที่ราชวงศ์ชั้นสูงปลูกไว้ ,การย้ายพระุพทธรูปที่พระราชวศ์เททองและจัดสร้างหายไปจากวัด การอ้างอิงสถาบันชั้นสูงเพื่อดำเนินกิจกรรมส่วนตนเอง โดยได้มีนำบทความ ในวารสารกัลยณมิตรของวัดพระธรรมกายมาประกอบด้วยว่า ความใฝ่ฝันตั้งแต่เด็กของพระไชยบูลย์คือต้องการเป็นจักพรรดิ์ โดยถ้าอยู่ทางโลกต้องเป็นผู้นำประเทศ หรือมหาเศรษฐีใจบุญของโลก ถ้ามาทางธรรม ต้องไปที่สุดแห่งธรรม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าขณะนี้วัดพระธรรมกายได้เพิ่มโคมประทีปอีก 3 แบบขึ้นมา โดยเรียกว่าโคมประธานเอก โคมประธานโท และโคมประธานตรี ราคา 1.5 แสนบาท,1.3 แนบาท และ 1 แสนบาทตามลำดับ เพื่อระดมทุนในงานวันมาฆบูชาที่ 1 มี.ค.

ก่อนหน้านี้วัดได้เปิดให้สาวกบริจาคค่าสร้างโคม ในวันดังกล่าว แต่เป็นโคมระดับปกติคิดแค่ดวงละ 300 บาท โดยกำหนดไว้ จำนวน 1 แสนดวง วิธีการขายโคมรุ่นใหม่วัดจะใช้วิธีส่งโทรสารไปยังบ้านผูนำบุญ และโทรศัพท์ติดต่อโดยตรงไปยังสมาชิกเพื่อย้ำให้ช่วยกันทำบุญตลอดเวลา นอกจากนั้นยังโทรสารเกี่ยวกับโครงการอบรมธรรมทายาทไปให้สมาชิกอีกด้วย ซึ่งคำถามที่เหล่าสมาชิกมักถามเจ้าหน้าที่ทางวัดคือพระไชยบูลย์อยู่ที่ไหน และเป็นอย่างไรบ้าง

นอกจากนั้นขณะนี้ได้มีใบบลิวโทรสารส่งไปตามสถานที่ต่าง ๆ 2 ชุด โดยชุดแรกเป็นการระบุว่าศาสนาอื่นให้เงินเข้ามาโจมตีวัดพระธรรมกาย
รวมถึงมีการกล่าวถึงบุคคลที่มีชื่อเสียงหลายคน ที่ออกมาเปิดเผยความไม่ชอบ
มาพากลของวัดโดยเฉพาะนายเสฐียพงษ์� วรรณปก ราชบัณฑิต และนายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ขนาดเรียกร้องให้ชาวพุทธสามัคคีร่วมกัน"ฆ่าทิ้ง"

สำหรับใบปลิวชุดที่ 2 เป็นการโจมตีพระธรรมปิฎก(ป.อ.ปยุตโต) ที่ออกมาเขียนหนังสือ"กรณีธรรมกาย"ชี้แจงความผิดของวัดในการสอนศาสนาอย่างผิดเพี้ยน โดยเฉพาะการสอนว่านิพพานเป็นอัตตา หรือเป็นสถานที่ มีตัวตน เข้าไปจับมือถือแขนพระพุทธเจ้าได้
โดยใบปลิวนี้กล่าวหาว่า ที่พระธรรมปิฎก ออกมาเขียนหนังสือ เพราะสู้วัดธรรมกายไม่ได้
กับอยากจะกู้ชื่อเสียงของตนเอง และได้มีการแจกใบปลิวอย่างหนักแถบพุทธมณฑลซึ่งเป็นที่ตั้ง
ของวัดญาณเวสกวรรณ ที่พระธรรมปิฎกเป็นเจ้าอาวาส

พระครูปลัดปิฎกวัฒน์ พระเลขาฯพระธรรมปิฎกล่าวว่าเรื่องใบปลิวพระธรรมปิฎกไม่ได้รู้สึกอะไร เพียงแต่ว่าอยากให้มีการแสดงตัว โดยถ้าสงสัยหรือมีข้อมูลเกี่ยวกับพระธรรมวินัยที่ถูกต้องก็พร้อมจะรับฟัง แต่ทว่าการที่ไม่ยอมเปิดเผยตัวเช่นนี้แสดงว่าเป็นบุคคลที่ไม่กล้าสู้ความจริง ขณะนี้ได้มีประชาชนทยอยมารับหนังสือ"กรณีธรรมกาย"ตลอดเวลา