เดลินิวส์ 21/2/2542

บิ๊กขรก.บอกปัดเป็นประธาน 'ดูดบุญ'ธรรมกาย-วันมาฆบูชา

ธรรมกายป่วน หาคนเป็นประธานดูดบุญวันมาฆบูชาไม่ได้ ข้าราชการระดับบิ๊กบอกปัดหมด ถึงขั้นเตรียมเอาศิษย์ที่มีชื่อเสียงเป็นแทน พบแล้วสามเณรีแอบอยู่ในวัดทั้ง 12 คน "ธัมมชโย"ฝึกวิชาให้กับมือ ระบุจะเป็นผู้เผยแพร่วิชชาธรรมกายยุคต่อไป วัดฉาวระดมกำลังกั้นนักข่าว พร้อมติดรูปหราหน้าวัดห้ามเข้าตลอดไป พบอีกหลักฐาน"ทัตตชีโว"เขียนหนังสือย้ำนิพพานเป็นอัตตา มีธรรมกายพระอรหันต์สูง-กว้าง 20 วา ตั้งอยู่ สงสัยงานนี้จะต้องไปกันแบบยกวัด "อาคม"เชื่อประชุมมหาเถรนัดพิเศษต้องมีมาตรการสกัดธรรมกายออกมา

เมื่อวันที่ 20 ก.พ.ที่ผ่านมานายอาคม เอ่งฉ้วน รมช.ศึกษาธิการ ให้สัมภาษณ์กรณีที่มีข่าวว่า วัดพระธรรมกายจ้างพระพม่า มาเขียนพระไตรปิฎกลงในคอมพิวเตอร์ ว่า เรื่องนี้คงต้องดูข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร โดยจะให้กรมการศาสนาเข้าไปตรวจสอบ เพราะการเขียนพระไตรปิฎกหากเขียนธรรมดาเพื่อใช้ประโยชน์ในการออนไลน์เผยแพร่ศาสนาก็คงไม่เป็นอะไร แต่หากมีการสอดแทรกคำสอนของวัดพระธรรมกายก็คงไม่ถูกต้อง เพราะการเขียน
พระไตรปิฎกไม่สามารถเปลี่ยนหรือเขียนความเห็นเพิ่มเติมได้ จะต้องเหมือนของเดิมทั้ง 100% เพราะหากจะมีการสอดแทรกอะไรจะต้องมีการชำระพระไตรปิฎกใหม่ ซึ่งก็ไม่ใช่หน้าที่
ของวัดใดวัดหนึ่ง
"การกระทำดังกล่าวหากจะทำเพื่อนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้เพื่อความทันสมัยหรือ
ความเป็นสากลก็น่าจะดี
แต่ผมขอตั้งข้อสังเกตว่าทำไมถึงต้องไปจ้างพระพม่ามาเขียนทั้งที่พระ
ไทยก็มีความรู้มากมาย"
รมช.ศึกษาธิการ กล่าวและว่า นอกจากนี้ในเรื่องที่ศึกษาธิการอำเภอคลองหลวง จ.ปทุมธานี เข้าไปตรวจสอบทรัพย์สินของวัดพระธรรมกายนั้นคิดว่า เมื่อทางอำเภอดำเนินการเสร็จแล้วก็คงส่งให้กระทรวงศึกษา
ธิการพิจารณา

สำหรับประเด็นที่ทางวัดพระธรรมกายจะมีการจัดกิจกรรมในวันมาฆบูชา ซึ่งหลายฝ่ายเกรงว่า อาจจะมีการนำเรื่องปาฎิหาริย์เข้ามาเกี่ยวข้องอีกนั้น เรื่องนี้คงต้องรอดูก่อน เพราะหากไม่ถูกต้อง
หรือไม่เหมาะสม ก็จะมีผู้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์เอง จากนั้นกรมการศาสนาก็จะดำเนินการขั้นตอนต่อไปเอง
และที่สำคัญหากมีอะไรที่ไม่ชอบมาพากลกรมการศาสนาก็จะเป็นเจ้าทุกข์ในการขอเข้าไปดำเนินการได้ อย่างไรก็ตามถือว่าองค์กรปกครองคณะสงฆ์ได้รับทราบเรื่องและข้อมูลหมดแล้ว เชื่อว่าวันที่ 24 ก.พ.ที่จะมีการประชุมมหาเถรสมาคมก็น่าจะมีปฏิกิริยาอะไรออกมาบ้าง

ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.สุราษฎร์ธานี ว่า มีสานุศิษย์วัดพระธรรมกายศูนย์กัลยาณมิตรสุราษฎร์ธานี ออกไปชักชวนเข้าปฏิบัติธรรมขที่ ศาลากลาง ตึกอาคารส่วนราชการชั้น 5 วันอาทิตย์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2542 ลงทะเบียน เวลา 08.00 น. จากนั้นมีการทำวัตรเช้า-นั่งสมาธิ กล่าวถวายสังฆทาน ทอดผ้าป่า ปล่อยปลา จนถึงเวลา 14.00 น.เสร็จพิธี ท้ายข้อความเขียนคำว่า สุขอื่นยิ่งกว่าความสงบไม่มี โดยการแจกจ่ายใบปลิวเชิญชวน เป็นที่วิพากวิจารณ์ กันว่า ในขณะที่เรื่องของวัดธรรมกายยังไม่มีความกระจ่างแก่สังคมในหลายๆเรื่อง แต่ทำไมจึงสามารถใช้สถานที่ของ
ทางราชการเป็นศูนย์รวมในการปฏิบัติธรรม

นายภุชงค์ รุ่งโรจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ภายหลังรับทราบตนได้แจ้งให้ทางสำนักงานจังหวัด
ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบอาคาร ส่วนราชการจังหวัดตามที่ระบุในใบปลิว ก็ทราบว่ามีหนังสือขอใช้ห้องประชุม จากอุบาสิกาสุมลทิพย์ กาญจนกำเนิด ยื่นมาถึงตนจริง เมื่อวันที่ 15 ก.พ. แต่เนื่องจากช่วงดังกล่าวตนติดราชการในหลายๆเรื่อง จึงยังไม่ได้มีหนังสือตอบกลับไป แต่ก็มาทราบว่า ได้มีใบปลิวเป็นหนังสือเชิญชวนประชาชนร่วมปฏิบัติธรรม โดยระบุว่าเป็นสถานที่ราชการ จึงได้แทงหนังสือกลับไปว่า ศูนย์แห่งนี้ มีการกระทำเช่นเดียวกับวัดธรรมกาย ที่กำลังมีปัญหา ซึ่งกรมศาสนากำลังสอบสวนพฤติกรรมอยู่ เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนของราชการ คณะสงฆ์และประชาชนทั่วไป
จึงไม่อนุญาติให้ใช้สถานที่จนกว่าผลการสอบสวนจะสรุปผลที่เด่นชัด

สำหรับศูนย์กัลยาณมิตรสุราษฎร์ธานี คาดว่าน่าจะเป็นเครือข่ายของธรรมกาย เมื่อปีที่แล้วได้มีการใช้ห้องประชุมของ อาคารส่วนราชการ เป็นสถานที่ ปฏิบัติธรรมมาตลอด ซึ่งมีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ของจังหวัดหลายคน เช่นอดีตอัยการ นายอำเภอ ข้าราชการระดับหัวหน้าส่วน รวมถึงข้าราชการที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่ศาลากลางจังหวัดเป็นสมาชิกเข้าร่วมปฏิบัติ แต่ในช่วงหลัง ก็หยุดไปและเพิ่งได้รับหนังสือแสดงความจำนงขอใช้ห้องประชุมดังกล่าวอีก ในส่วนของความเคลื่อนไหวของศูนย์ฯ แห่งนี้จะได้สั่งการให้สำนักงานจังหวัดสุราษฎร์ธานีเข้าดูแลเป็นกรณีพิเศษอีกด้วย นอกจากนั้นนายศิริ รุ่งแก้ว หัวหน้าสำนักงานจังหวัดสุราษฎร์ธานี ยังรายงานว่า ได้ตรวจสอบ ไปยังสถาบันการศึกษา ในจังหวัด เพราะเคยมีการชักจูงให้ นักเรียนโรงเรียนสุราษฎร์ธานีและโรงเรียนอื่นๆส่งนักเรียนเข้าร่วมกิจกรรม ของศูนย์กัลยาณมิตรสุราษฎร์ธานี โดยนายศิริแจ้งว่า ในการปฏิบติธรรมของวันที่ 21 ก.พ.นี้ ไม่ได้มีการติดต่อ ไปยังสถานศึกษา พร้อมระบุว่าศูนย์แห่งนี้ตั้งขึ้นโดยแม่ชีสุมลทิพย์ พื้นเพเดิมเป็นคนอำเภอหาดใหญ่ จ.สงขลา ได้บวชที่วัดปากน้ำ และมาตั้งศูนย์โดยทำกิจกรรม นั่งสมาธิ ให้เช่าพระและเปิดรับบริจาคอีกด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานจากวัดพระธรรมกายว่า ทางวัดเริ่มติดป้ายประกาศ เชิญชวนพิธีทอดผ้าป่า จุดโคมประทีบในวันมาฆบูชาวันที่ 1 มีนาคมนี้ หน้าปากทางเข้าวัด และยังมีการจัดเวรยาม เป็นรปภ.จากองค์การทหารผ่านศึก ทำหน้าที่ตรวจคนอย่างเข้มงวด และยังตั้งเต๊นท์สื่อมวลชนอยู่นอกเขตวัด พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่แต่งชุดขาวมีอุปกรณ์สื่อสาร กล้องวิดีโอ กล้องถ่ายภาพ กล้องส่องทางไกล รวมถึงมีภาพถ่ายและยานพาหนะของสื่อมวลชน ที่เคยทำข่าวในวัดจำนวนหลายภาพ เพื่อป้องกันไม่ให้เข้าไปในวัด

นอกจากนั้นรถทุกคันจะถูกตรวจสอบหากไม่ได้มาบริจาคเพื่อทำบุญหรือเป็นเจ้าหน้าที่วัดจะไม่ได้รับอนุญาต และถึงแม้จะมีการอ้างว่ามาพบนายวีระศักด์ ฮาดดา หัวหน้าสำนักงานมูลนิธิธรรมกายก็ยังไม่ได้เข้าพบ โดยรปภ.ได้ใช้วิทยุประสานงาน และอ้างว่าไม่สามารถติดต่อนายวีระศักดิ์ได้ รายงานข่าวจากมูลนิธิธรรมกายกล่าวว่าการห้ามไม่ให้ผู้สื่อข่าวเข้าวัด ฝ่ายกฎหมายของวัดให้เหตุผลว่าข่าวที่ออกมาวัดได้รับความเสียหาย และควรห้ามไม่ให้เข้าตลอดไป นอกจากนั้นในวัดยังเกิดความวุ่นวายและเรียกประชุมกันบ่อยครั้ง เนื่องจากงานบุญใหญ่ของวัดวันมาฆบูชานี้ ยังหาประธานไม่ได้ไม่มีข้าราชารผู้ใหญ่ยอมตกลงมาเป็นประธาน และอาจต้องใช้คนที่มีชื่อ
เสียงในวงสังคมเป็นชาวธรรมกายด้วยกันเป็นประธานไปแทน

ส่วนกรณีสามเณรีของวัดนั้น รายงานข่าวกล่าวว่าวัดถือว่าเป็นนักเรียนโรงเรียนอภิญญา ถือศีล 8 ขณะนี้มี 12 คน อยู่ในวัด โดยสาเหตุที่ต้องโกนผม โกนคิ้ว นุ่งห่มด้วยสีเทาเพื่อแยกประเภทผู้ถือ
ศีลปฏิบัติธรรมได้ถูกต้อง

กิจกรรมของนักเรียนอภิญญานี้จะตื่นมาเวลา 5.00 น. ทำภารกิจสว่นตัว แล้วออกกำลังกาย จากนั้นจะนั่งสมาธิโดยมีพระธัมมชโย หรือพระทัตตชีโวเป็นผู้ฝึกสอนให้จนถึงเวลา 10.00 น. และทราบว่านักเรียนหญิงผ่านการศึกษานักธรรมเอกไปแล้วทั้งหมด บางครั้งได้พาไปนั่งสมาธิที่อ.ฮอด จ.เชียงใหม่ วัดหวังว่ากลุ่มนักเรียนนี้จะเป็นผู้เผยแพร่วิชชาธรรมกายสืบไป

วัดพระธรรมกายยังมีการประชุมกันภายในและลงมติว่า หากหน่วยงานของรรัฐหรือหน่วยงานใดต้องการข้อมูลอีก ให้ไปสอบถามจากฝ่ายปกครอง ได้ที่นายชาญนัน รักษายศ ปลัดฝ่ายทะเบียนราษฎร อ.คลองหลวง และพ.ต.อ.จิรุจจ์ พรหมโมบล ผกก.สภ.อ.คลองหลวง เพราะได้ข้อมูลไปหมดแล้ว

ขณะเดียวกันสำหรับความคืบหน้าในการประชุมกรรมการ มหาเถรสมาคมที่จะพิจารณา ปัญหาวัดพระธรรมกาย ทั้งในแง่คำสอนที่ผิดเพี้ยนอ้างนิพพานเป็นอัตตา และพระไชยบูลย์ ธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายที่มีหลักฐานการสอนที่เข้าข่ายปาราชิก อวดอุตตริมนุสธรรม
ต้องถูกจับสึกนั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ไม่เพียงแต่พระไชยบูลย์ ที่จะยืนยันคำสอนว่านิพพานเป็นอัตตา เป็นตัวตน สถานที่ สามารถเข้าไปจับมือถือแขนพระพุทธเจ้าได้ แม้กระทั่งพระเผด็จ ทัตตชีโว รองเจ้าอาวาสก็เชื่อเช่นนี้ โดยได้เขียนหนังสือเรื่อง"พระแท้" ยืนยันความเชื่อนี้

ในหนังสือเล่มดังกล่าวพระเผด็จเขียนไว้ตั้งแต่หน้า 317 เป็นต้นมาโดยยืนยันว่าธรรมกายคือกายภายในของพระพุทธเจ้า เป็นกายเป็นการตรัสรู้ธรรม รูปกายกับธรรมกายนั้นไม่ได้เป็นกายเดียวกัน รูปกายจะสิ้นไป เมื่อพระพุทธองค์เสด็จดับขันธ
ปรินิพพาน
ส่วนธรรมกายจะคงอยู่ตลอดไป คือธรรมกาย จะเป็นนิจจัง สุขขัง และอัตตา

พระเผด็จยืนยันว่า ธรรมกายคือพระรัตนตรัย โดยพุทธรัตนะคือธรรมกาย,ธรรมรัตนะคือธรรมที่กลั่นจากหัวใจธรรมกาย
และสังฆรัตนะ คือดวงจิตของธรรมกาย และ ธรรมกายของพระอรหัตน์ขนาดสูง 20 วา หน้าตัก 20 วา และยังมีธรรมกายอรหัตต์ละเอียดยิ่งขึ้น ก็จะมีขนาดใหญ่โตยิ่งขึ้นจนกะประมาณมิได้

ในบทส่งท้ายของหนังสือพระเผด็จได้สรุปว่าธรรมกายเป็นกายประเสริฐที่สุด เพราะเป็นกายแห่งการตรัสรู้ธรรมของพระสัมมนาสัมพุทธเจ้า จึงทรงอานุภาพมาก ที่พระพุทธเข้าตรัสให้พุทธสาสนิกชนทั้งหลาย ขอถึงพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งที่ระลึกก็หมายความ
ว่าให้ต้องถึงธรรมกาย ในตัวนั่นเอง เมื่อถึงธรรมกายในตนเองได้ ด้วยตาธรรมกายนั้นก็จะ
สามารถเห็นธรรมกายของพระพุทธเจ้า ทำให้มีโอกาสเข้าเฝ้าพระพุทธองค์โดยตรง มีปัญญาทวีขึ้นได้อย่างอัศจรรย์ เร่งบุญบารมียิ่งกว่าปุถุขนทั่วไป

สำหรับคำสอนทั้งหมดพระเผด็จอ้างว่าสืบทอดมาจากหลวงพ่อสด จันทสโร หรือหลวงพ่อวัดปากน้ำที่ล่วงลับไปแล้ว