เดลินิวส์ 22/1/2542

ธรรมกายแจกแหลก พระดูดทรัพย์
วัดธรรมกายแจกแหลก หวังดูดคนมาร่วมบวชอุบาสกแก้วแสนคน ออกพระมหาสิริราชธาตุรุ่นพิเศษใครเฉียดเข้ามาแจกให้ฟรี ๆ ถ้าใครมาบวชจะได้เหรียญอุบาสกแก้วเป็นค่าอยู่วัด 2 วัน แต่ไม่วายขายบุญให้คนเป็นเจ้าภาพบวชรับอีก 160 ล้าน ผู้ช่วยอธิการบดีมหาจุฬาลงกรณ์ฯระบุอยู่บ้านถือศีล 5 ก็เป็นอุบาสกแล้ว ส่วนที่ไปนุ่งขาว ห่มขาว นั้นเรียกให้ถูกคือไปเป็นชีปะขาว กรมศาสนาเตะลูกไม่เอาหนังสือ
"เสถียรพงษ์
"ที่จี้ให้จัดการวัดฉาวเข้าที่ประชุมมหาเถรฯกลับส่งให้เจ้าคณะภาค 1 แทน "อาคม"สอบข้าราชการพัวพันมูลนิธิความหวังใหม่แล้ว
เมื่อวันที่ 21 ม.ค.ที่ผ่านมาดร.กล้า สมตระกูล รองอธิบดีกรมการศึกษานอกโรงเรียน(กศน.)กล่าวว่าได้มอบหมายให้ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนจังหวัดปทุมธานีและ
ศูนย์บริการการศึกษานอกโรงเรียนอำเภอไปตรวจสอบกรณีที่ครูประจำกลุ่มกศน.บางคนในจังหวัดปทุมธานีบังคับให้นักศึกษา
บวชอุบาสกแก้วกับวัดโดยใช้คะแนนเป็นข้ออ้างเพราะถือว่าไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของกรมที่ไม่ให้เอาคะแนนเป็นตัวตั้งและไม่ให้บังคับ แต่ก่อนยอมรับว่ากศน.เคยเร่งส่งเสริมให้ร่วมกิจกรรมของวัด แต่หลังจากมีข่าวออกมาก็ให้อยู่ในดุลยพินิจและห้ามบังคับ เท่าที่ทราบจำนวนคนที่ร่วมกิจกรรมของวัดลดลง 60-70% โดยเฉพาะที่อยุธยา อ่างทอง ปทุมธานีและนนทบุรี
ผู้สื่อข่าวรายงานจากวัดพระธรรมกายว่าวัดได้จัดแผนที่จะระดมคนมาร่วมโครงการบวชอุบาสกแก้ว1 แสนคนใน
ระหว่างวันที่ 29-31 มกราคมนี้ โดยมีการปรับแผนใหม่หมด เพราะเกรงว่าคนจะมาไม่มาก
ทั้งนี้ ทางวัดได้เตรียมที่จะมีการแจกแหลก แจกสะบัดเพื่อดูดคนให้มาในวันงาน เริ่มจากตัวคนที่จะมาบวชเป็นอุบาสก
จะได้รับการแจกเหรียญอุบาสกแก้ว ที่วัดโฆษณาสรรพคุณว่าเป็นเหรียญแรกของโลกคนละ 1 เหรียญเป็นการประเดิมชัย
เพื่อให้เป็นของขวัญตอบแทนในการมาบวช
นอกจากนั้นใครก็ตามที่มาในงานวันที่ 31 มกราคม วัดจะแจกพระสิริมหาราชธาตุ ชนิดเดียวกับที่เคยแจกให้กับคนที่
สร้างพระธรรมกายประจำตัวองค์ละ 1 หมื่นบาทแต่ข้อแตกต่างระหว่างพระสิริมหาราชธาตุในงานวันนั้นก็คือจะเป็นรุ่น"ปราบมาร " ขณะที่การทำบุญสร้างพระประจำตัวเป็นรุ่น"ดูดทรัพย์" นอกจากนั้นพระที่แจกฟรี ๆ จะไม่มีการเลี่ยมทองให้ ผิดกับพระ
"ดูดทรัพย์"ที่มีการเลี่ยมทองอย่างดี
"วัดเตรียมพระรุ่นปราบมารไว้แจกนับแสนองค์ โดยประเมินว่าน่าจะดูดคนเข้ามาได้มาก เพราะรู้ ๆอยู่แล้วว่าคนชอบ
ของฟรี โดยเฉพาะการแจกพระฟรี ๆ"
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่านอกจากการแจกพระ ทางวัดก็จะเตรียมระดมอุบาสิกาแก้ว ที่วัดเคยบวชไปเมื่อเดือนสิงหาคม 2540 ให้มาร่วมงานในวัดบวชอุบาสกแก้วในวันที่ 31 มกราคมด้วย โดยถือว่าเป็นการคืนสู่เหย้า และยังมีการทำพิธีมอบ
รางวัลให้กับเด็กนักเรียนที่ตอบปัญหาธรรมะ"ทางก้าวหน้า" ในวันเดียวกัน เพราะจะสามารถดึงพ่อแม่ ญาติที่น้องและผู้ปกครองของเด็กที่ชนะให้เข้าวัดได้อีก
สำหรับโครงการบวชอุบาสกแก้วนี้ทางวัดยังได้มีการออกระดมทุนหาเงินให้คนมาบริจาคเป็นเจ้าภาพการ
บวชด้วย โดยใครต้องการเป็นเจ้าภาพบวชอุบาสกแก้ว 1 คนจะต้องบริจาค 1,500 บาท และสำหรับตัวผู้ชาย
ที่มาบวชเป็นอุบาสกแก้วต้องบริจาคเป็นค่าลงทะเบียน 100 บาท รวมแล้วถ้าตรงตามเป้าหมายวัดจะได้เงิน 160 ล้านบาท ทั้งที่ผู้มาบวชอุบาสกต้องเตรียมเสื้อผ้า อุปกรณ์ของใช้มาเองอยู่แล้ว
ทางด้านพระมหาบุญถึง ชุตินฺธโร ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายกิจการนิสิต มหาวิทยาลัย มหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย
กล่าวถึงคำว่า "อุบาสก" ว่า คำว่าอุบาสกนั้นความหมายหมายถึงผู้ที่เข้าใกล้พระพุทธศาสนา อาจจะแค่ถือศีล 5 หรือศีล 8 ปฏิบัติตามหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ดังนั้นฆาราวาสชายทั่วไปที่นับถือพระพุทธศาสนา แสดงตนหรือประกาศตนว่าเป็นพุทธศาสนิกชน
ไม่จำเป็นต้องผ่านพิธีบวกอุบาสกก็ถือว่าเป็นอุบาสกแล้ว
ส่วนการที่มีการนุ่งขาวห่มขาวไปอยู่ในสถานที่ที่กำหนดเพื่อรักษาศีล 8 จะเรียกว่าเป็นอุบาสกก็ได้
แต่ก็มีคำที่ใช้เรียกเฉพาะที่ถูกคือคำว่า "ชีปะขาว"
ในวันเดียวกันมีการประชุมมหาเถรสมาคม ซึ่งปรากฎว่าไม่มีการประชุมเรื่องปัญหาวัดพระธรรมกาย โดยพระพรหมโมลี
เจ้าคณะภาค 1 ที่ได้รับมอบหมายให้สอบสวนปัญหาวัดพระธรรมกายและสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ
ภาษีเจริญ ที่ขัดพระอดิศักดิ์ วิริยะสักโก อดีตพระแกนนำวัดพระธรรมกายออกจากวัดปากน้ำ ก็ไม่ได้มาประชุม
นายอุดม สุขสุวรรณ-รองอธิบดีกรมการศาสนาเปิดเผยภายหลังการประชุมว่าที่ประชุมไม่ได้พูดถึงปัญหาวัดพระธรรมกาย
ส่วนกรณีที่นายเสถียรพงศ์-วรรณปก ราชบัณฑิต ยื่นหนังสอผ่านกรมการศาสนาเพื่อให้เสนอมหาเถรสมาคมขอให้พิจารณา
ปัญหาของวัดในเรื่องคำสอนที่ผิดเพี้ยน และการทำธุรกิจนั้น ได้มีการอมบหมายหนังสอดังกล่าวให้อธิบดีกรมการศาสนาแล้ว
มีการสั่งการให้นำข้อมูลเสนอตอ่พระพรหมโมลี รวมถึงนายสุวัฒน์ เงินฉ่ำ รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการในฐานะประธาน
รวบรวมข้อมูลปัญหาของวัดต่อไป และเป็นที่แน่นอนแล้วหนังสือของนายเสถียรพงษ์จะไม่เสนอมหาเถรสมาคม
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงศึกษาธิการว่าสำหรับปัญหามูลนิธิความหวังของชาวไทยที่ส่อจะล้างสมองเยาวชนและ
มุ่งให้บริจารเป็นหลักเหมือนกับเป็น"ธรรมกาย 2"จนคตณะกรรมาธิากรศษสนาฯ ให้กระทรวงศึกษาธิากรเร่งมาจัดการนั้นนั้น
นายอาคม เอ่งฉ้วน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการกล่าวว่าตนได้สั่งการไปยังกรมการศาสนาตรวจ
สอบเอกสารการจัดตั้งมูลนิธิว่าปลอมแปลงเอกสารหรือไม่ เพราะจากการตรวจสอบในอดีตพบว่ามีข้าราชการระดับ 7 ของกรมศาสนาปลอมลายมือนายเสมอ นาคพงษ์-อธิบดีกรมการศาสนาและนำไปยื่นของจดมูลนิธิจากสำนักงาน
คณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ (สวช.)โดยข้าราชการรายดังกล่าวถูกสอบสวนและลงโทษเพียงสถานเบา
"หลังจากสอบครั้งใหม่เสร็จจะส่งเรื่องไปยังสวช. ให้ยกเลิกมูลนิธิต่อไป และจะให้แจ้งผู้ปกครองและโรงเรียนให้ดูแลบุตรหลายด้วย ถ้าใครคิดว่ามูลนิธิสร้างความเดือดร้อนให้แจ้งความได้ แต่มูลนิธิสามารถเปลี่ยนเป็นชมรม แต่ต้องไม่ปฏิบัติขัดต่อกฎหมาย"
นอกจากนั้นจะต้องมีการพิจารณาบทบาทของนายประยูร รักแย้ม หัวหน้าฝ่ายสำนักงนเลขาธิการมหาเถรสมาคม ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการออกหนังสือยืนยันการจดทะเบียนของมูลนิธิไปยังสวช.ในอดีตด้วย ในสมัยนายประยูรเป็นเจ้าหน้าที่องค์การศาสนาในประเทศ และขณะนี้นายประยูรเป็นเลขานุการรวมรวมปัญหาวัดพระธรรมกายโดยมีนายสุวัฒน์ เงินฉ่ำ รองปลดักระทรวงศึกษาธิการเป็นประธาน ตนจะเชิญนายสุวัฒน์มาหารือถึงพฤติกรรมที่ผ่านมาของนายประยูร ถ้าไม่ชอบมาพากลจะถอนออกจากคณะกรรมการชุดพระธรรมกาย
นายอุดม สุขสุวรรณ รองอธิบดีกรมการศาสนากล่าวว่ามูลนิธิขอเปลี่ยนแปลวงวัตถุประสงค์มาเมื่อปี 2535 และครั้งแรกกรมยืนยันไปยังสวช.ว่าขัดข้อง เพราะหลักคำสอนมอเมายาวชน ต่อมาได้พบเอกสารที่ผิดลักษณะ โดยอ้างชื่ออธิบดีกรมการศาสนา ขึ่งมีการตั้งกรรมการสอบสวนประยูรและลงโทษภาคทัณฑ์ ส่วนที่จะมีการสอบนายสมคิ ดทองศรีอดีตหัวหน้าฝ่ายองค์การศาสนาที่เกี่ยวข้องอีกคนหรือไมต้องรอหนังสือถามอย่างเป็นทางการจากคณะกรรมาธิการ
ศาสนาฯก่อน