เดลินิวส์ 12/1/2542
2 ปราชญ์จี้ธัมมชโย เร่งชี้แจง 2 ปราชญ์ศาสนาจี้แก้ปัญหาธรรมกาย หลวงพ่อปัญญาให้เจ้าอาวาสออกมาชี้แจง พร้อมหาเถรฯต้องเร่งตัดสิน ขณะที่หลวงพ่อประยุทธ์ระบุมีคำสอนผิดเพี้ยน หลงบุญ หลงอิทธิฤทธิ์ ในศาสนาพุทธไม่มีคำว่า"วิชชาธรรมกาย"
หรือต้นธาตุ ต้นธรรม ถ้าพระไม่เชื่อพระไตรปิฎกก็ต้องสึกไป ขณะที่กองปราบระดมพล 3 กองกำกับสืบข้อมูล
วัดฮื้อฉาว ถ้าผิดจัดการทันที ส่วนปัญหากรีน การ์ด-สัญชาติอเมริกัน"ธัมฺมชโย" ยังไม่ชัด สถานทูตสหรัฐฯปฎิเสธ
จะให้ข้อมูล ต้องติดต่อสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองของสหรัฐฯเอาเองเมื่อวันที่ 11 มกราคมที่ผ่านมาพ.ต.อ.วิเชียร สมานพงษ์-รองผบก.ป. เปิดเผยว่าพล.ต.ต.อดิศร นนทรีย์ ผบก.ป. มีคำสั่งให้ตนเป็นหัวหน้าชุดพนักงานสอบสวนคดีวัดพระธรรมกาย ชุดสอบสวนประกอบด้วยกองกำกับการ 1 -3 ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยพ.ต.อ.วิษณุ ม่วงแพรสี ผกก.1ป.เดินทางไปตรวจสอบเกี่ยวกับที่ดินของ
วัดที่กรมที่ดิน,ธุรกิจการค้าจากกระทรวงพาณิชย์ และประสานงานไปยังกระทรวงศึกษาธิการเรื่องข้อมูล ส่วนเจ้าหน้าที่หน่วยอื่นให้สอบสวนทางลับ คดีนี้เกี่ยวกับศาสนาเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ต้องรอบคอบ"ต้องดูจากพยานหลักฐานก่อนเป็นความผิดทางอาญาหรือไม่ หากผิดเป็นใครก็ได้ที่ร้องทุกข์กล่าวโทษ เป็นผู้เสียหายแต่หากทำผิดด้านศาสนา เป็นหน้าที่ของกรมศาสนาที่เป็นผู้เสียหายเจ้าพนักงานสอบสวนต้องประสานข้อมูลต่อไป" ในวันเดียวกันเวลาประมาณ 09.00 น.เศษ ที่หอประชุมวชิราวุธานุสรณ์ หอสมุดแห่งชาติ ท่าวาสุกรี ได้มีการอภิปรายพิเศษ
เรื่อง "พระพุทธศาสนากับสถานการณ์ปัจจุบัน"พระศรีปริยัติโมลี (สมชัย กุสลจิตฺโต)ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดจันทารามกล่าวอภิปรายว่า ปัจจุบันชาวพุทธยังไม่มีปัญญาอย่างแท้จริง ยังหลงเชื่ออะไรที่งมงาย หวังผลแบบปุบปับ เป็นศรัทธาวิปริต นำไปสู่วิกฤติ พระบางส่วนจึงไปตั้งสำนักสอนธรรมะไปเรื่อยเปื่อย บางทีก็ผิดหลักแต่ชาวพุทธเห็นว่าแปลกเลย
แห่กันศรัทธา ซึ่งที่ถูกต้องศรัทธาและปัญญาต้องมีควบคู่กันจึงจะทำให้ไม่หลงเชื่ออะไรง่ายๆ"กรณีหลงบุญปัจจุบันมีบางสำนักใช้วิธีชักชวนต่างๆนาๆเพื่อให้คนบริจาคเงินมากๆ ซึ่งที่จริงการทำบุญไม่จำเป็นต้องใช้เงิน
การรักษาศีลทำความดีก็เป็นบุญ รู้สึกเป็นห่วงเรื่องพระที่ไม่ดี มีพฤติกรรมปล้นศาสนา พุทธศาสนิกชนต้องช่วยกันกีดกันพระเหล่านี้ให้ออกไป"ด้านพระราชกวี(เกษม สัญญโต) วัดราชาธิวาสวิหารกล่าวว่า ปัจจุบันความโลภ โกรธ หลงรุนแรงขึ้น สังคมชาวพุทธจึงวิกฤติ ชาวพุทธต้องพัฒนาปัญญา การมีแต่ศรัทธาโดยขาดปัญญานั้นทำให้โง่ การทำบุญนั้นบางแห่งก็มากเกินไป ที่จริงแค่ได้ยินเสียงบอกบุญแล้วยกมืออนุโมทนาก็ได้บุญแล้ว ขอเตือนว่าอย่าหวังแต่สวรรค์ ไม่มีหน้าไหนหรอกที่จะพาคนไปสวรรค์ได้ทั้งหมด ทางด้าน รศ.เสฐียรพงษ์ วรรณปก ราชบัณทิตกล่าวอภิปรายว่า ศรัทธาในพระพุทธศาสนาวิปริตทำให้เกิดวิกฤตินั้น
อาจมาจาก 2 ประการคือ เข้าใจหรือตีความหลักธรรมคำสอนผิด และจงใจให้ผิดให้บิดเบี้ยว ปัจจุบันการแก้ปัญหาอืดอาด มหาเถรฯที่มีอำนาจหน้าที่ไม่พยายามแก้ไขจึงยิ่งบิดเบี้ยว ตนเคยถามกรรมการ
เถรสมาคมบางรูปว่า ถ้ารู้ว่าเขาสอนผิดแล้วทำไมไม่ตักเตือน คำตอบที่ได้รับก็คือ "คนนับถือกันมากเสียแล้ว""เราคงคาดหวังมหาเถรสมาคมไม่ได้ เพราะไม่แก้ ชาวพุทธต้องช่วยกันรวบรวมข้อมูลแล้วนำเสนอ ช่วยกัน ร่วมกันแสดงความคิดเห็นถึงมหาเถรสมาคมผ่านสื่อ ก็ยังหวังว่าท้ายที่สุดให้มหาเถรสมาคมก็คงต้องทำ เพราะยิ่งนานไปข้อมูลต่างๆก็ยิ่งเด่นชัดขึ้นมาเอง แต่เป็นห่วงแต่ว่าศรัทธาชาวบ้านจะยิ่งวิปริตไปใหญ่ จะเหมือนคำโบราณที่ว่า กว่าถั่วจะสุกงาก็ไหม้ ซึ่งไม่เท่านั้น กะทะเองก็จะทะลุเสียก่อน รัฐบาลยังเป็นรัฐบาลมิจฉาทิฐิ ทั้งๆที่ควรต้องเป็นไม้เป็นมือแก้ปัญหา " ส่วนที่บอกว่าการดึงคนเข้าวัดได้มากๆหรือเป็นห่วงกันเรื่องสถิติเปอร์เซ็นต์คนนับถือศาสนาพุทธนั้น ไม่ใช่ประเด็น ถ้ามีคนนับถือศาสนาพุทธมากๆแต่ไม่มีคุณภาพก็อย่ามีมากเสียดีกว่า ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีผู้เข้ารับฟังการอภิปรายรายหนึ่งเขียนคำถามถาม รศ.เสฐียรพงษ์ว่า แนวทางการปฏิบัติตามอย่าง
หลวงพ่อสด วัดปากน้ำภาษีเจริญ หรือวิชชาธรรมกายนั้นไม่ดีไม่ถูกต้องอย่างไร รศ.เสฐียรพงษ์ตอบว่า ไม่ได้บอกว่าผิด แต่การที่สำคัญผิดคำนึงถึงแต่นิมิตพระพุทธรูปแล้วเข้าใจว่าเป็นการบรรลุธรรมกายได้ธรรมกาย จะถูกดูดเข้านิพพานไปอยู่ร่วมกับพระพุทธเจ้าอย่างนี้มันถูกหรือไม่"รู้หรือไม่ว่าหลวงพ่อสดเองช่วงหนึ่งยังต้องไปพึ่งพระเกจิอาจารย์มีชื่อรูปหนึ่งถึงได้ผ่าทางตัน
ในการปฏิบัติธรรมได้ซึ่งป่านนี้ท่านผ่านไปถึงจุดไหนแล้วก็ไม่ทราบแต่ศิษย์ชั้นหลานชั้นเหลนยัง
ไม่ไปไหน สิ่งที่หลวงพ่อสดทิ้งไว้นั้นเป็นมรดกชำรุดซึ่งถูกบางคนนำมาใช้เป็นสินค้าพา
ให้พระพุทธศาสนาผิดเพี้ยนไปกันใหญ่"เรื่องการทำบุญก็เช่นกัน นิสัยคนไทยยังยึดติดกับเรื่องผี ไสยศาสตร์ กราบไหว้ของแปลกเพื่อขอ อยากมีทางลัด ไม่มีความเพียร คนบางคนเข้าใจจุดด้อยของคนไทยจุดนี้จึงนำมาใช้ อ้างเรื่องบุญว่าทำมากได้มาก อย่างที่บางคนเรียกว่า "บุญแดกด่วน" มีสอนกันถึงขั้นอัดมรรคผลนิพพานได้ แล้วก็เชื่อกัน "มีการเลือกคนที่จะอัด แล้วก็แปลกว่าส่วนใหญ่คนที่ถูกเลือกมักจะรวยเสียด้วย เรื่องนี้มีพระผู้ใหญ่ออก
มาตอกย้ำข้อเท็จจริง เป็นอันตรายที่สุด ขัดหลักธรรมคำสอน การนำระบบธุรกิจมาใช้กับวัด ถึงไม่ผิดแต่ก็ต้องดูเจตนา ถ้าเอามาใช้เพื่อบังคับคนทำบุญไม่ได้เด็ดขาด เป็นการหา เหยื่อ สิ่งนี้ไม่ควรเกิดขึ้น"ที่รัฐสภานายวรวัจน์ เอื้ออภิญญากุล ส.ส.แพร่ พรรคชาติไทย ออกมาแถลงปฏิเสธข่าวที่ว่าบริษัทในตระกูลเอื้ออภิญญากุล เกี่ยวข้องกับวัดพระธรรมกายและกล่าวว่าส่วนตัวเห็นว่าสิ่งที่วัดทำไม่เหมาะสม โดยนายนรวัฒน์ สุวรรณ อธิบดีกรมทะเบียนการค้าร่วมแถลงด้วยว่าจากการตรวจสอบตระกูลเอื้ออภิญญากุลไม่มีส่วนเกี่ยวพันกับวัดเลย นายสุรินทร์- พิศสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยเกี่ยวกับกรณีกรีนการ์ดของพระไชยบูลย์ ธัมฺมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายว่าอยู่ระหว่างการตรวจสอบกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองของสหรัฐฯ ซึ่งสถานทูตไทย ณ
กรุงวอชิงตันดีซี ยังไม่ได้รายงานความคืบหน้า ไม่สามารถชี้ชัดได้ส่วนนายองอาจ คล้ามไพบูลย์-เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่ากระทรวงจะทราบเรื่อง
นี้อย่างชัดเจนต่อเมื่อองค์กรของสหรัฐฯให้ข้อมูลมา และจะให้หรือไม่ก็เป็นสิทธิของสหรัฐฯรายงานข่าวจากสถานทูตอเมริกาประจำประเทศไทย เปิดเผยว่าสถานทูตจะไม่เข้าไปตรวจสอบหรือให้ข้อมูลใด ๆ เนื่องจากเป็นสิทธิส่วนบุคคล หลักเกณฑ์การขอกรีนการ์ดก็กว้างขวางหลากหลาย เช่นการเข้าไปลงทุนก็ขอได้ คนอเมริกันเป็นผู้ขอให้ก็ได้ นอกจากนี้ยังมีวีซ่าพิเศษในการเผยแพร่ศาสนาคิดว่ากรณีพระไชยบูลย์จะเป็นกรณีหลัง และยังมีวีซ่าพระธรรมทูต ที่ต้องผ่านการอนุมัติของมหาเถรสมาคมก่อน ผู้สื่อข่าวรายงานว่าได้มีเอกสารระบุชื่อกลุ่มชาวพุทธจรรโลงธรรมวางอยู่ในห้องนักข่าวกระทรวงศึกษาธิการระบุการชักชวน
กันไปประชุมเพื่อสะสางปัญหาวัดพระธรรมกาย โดยเมื่อได้รับจดหมายแล้วจะมีการโทรศัพท์ติดต่อในภายหลังในเวลา 15.00 น. พระธรรมโกศาจารย์หรือหลวงพ่อปัญญา นันทะภิกขุ แห่งวัดชลประทานฯ ได้เข้าเยี่ยมพระธรรมปิฎก
(ประยุทธ์ ปยุต์โต) ที่มีปัญหาสุขภาพ หลังจากนั้นหลวงพ่อปัญญากล่าวว่าเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายควรออกมาชี้แจงเพราะ
ปัญหานี้ทำให้สับสน โดยเฉพาะถ้าชี้แจงทางโทรทัศน์ได้ยิ่งดี นอกจากนั้นมหาเถรสมาคมต้องเร่งตัดสิน และทางวัดชลประทานฯพร้อมจะรับพระอดิศักดิ์ วิริยะสักโก ที่ถูกขับออกจากวัดปากน้ำมาอยู่ด้วยเพราะวัด
ชลประทานฯมีเสรีภาพในการรับพระสงฆ์ส่วนหลวงพ่อประยุทธ์กล่าวว่าถึงปัญหาวัดธรรมกายว่า ปกติจะไม่วิจารณ์ตัวบุคคล แต่พูดหลักการ ต้องอิงอาศัยหลักฐาน
คือหลักธรรมต้องพูดให้ชัด ไม่เอาความเห็นหรืออ้างประสบการณ์มาใช้ โดยเฉพาะผู้มีหน้าที่สมัยโบราณเมื่อจาบจ้วงเพียงคำสอนในพระพุทธศานาจนทำให้เกิดความเข้าใจผิด
เพียงเล็กน้อยก็ต้องออกมาชี้แจงให้เข้าใจ แล้ว เพราะเป็นเรื่องส่วนรวมสำหรับคำว่าธรรมกายมีความหมายว่ากองแห่งธรรม ครั้งแรกเกิดเรียกพระพุทธเจ้า เรียกพระนามเป็นแหล่งที่รวมและ
ที่หลั่งแห่งธรรม เป็นที่ชุมนุมของธรรมที่พระองค์ค้นพบ โดยคำว่าธรรมกายมีเกิดขึ้นในพระไตรปิฎก 3 ครั้ง แต่ไม่มีคำว่าวิชชาธรรมกายมาก่อน ในความหมายสุงสุดคือมรรคผล นิพพาน เป็นคำธรรมดาใช้ในคำประพันธ์ให้ไพเราะ อุปมา อุปไมย เท่านั้นไม่มีคำว่าวิชชาธรรมกาย"การนั่งนิมิต การเห็นดวงแก้ว เห็นธรรมกายก็ต้องเห็นด้วยปัญญาจักษุ คือใช้ปัญญา แต่ถ้าจะนั่งและเห็นด้วยสมาธิไม่ถูกแล้ว เพราะสมาธิจะมาช่วยแค่เสริมปัญญาเแต่สมาธิไม่เห็นธรรม เห็นแค่นิมิต คำสอนที่เพี้ยนไปต้องมาดูหลักการ ดูตามพระไตรปิฎก ถ้าพระไม่ยอมรับพระไตรปิฎก พระก็ต้องสึกเพราะถือว่าเป็นการปฏิเสธความเป็นพระของตัวเอง ปฏิเสธศีล คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า" หลวงพ่อประยุทธ์กล่าวอีกว่าปัจจุบันคนทั่วไปเชื่อฤทธิ์ เพราะอยากให้คนมีฤทธิ์มีปาฏิหารย์ดลบันดาลให้ตนเอง หลักการพุทธให้หวังผลจากการกระทำไม่ใช่จากการบันดาล คือหวังผลจากการกระทำ ,พัฒนาตนเอง พฤติกรรม จิตใจและปัญญา และทำให้ได้จากการทำของตนเอง,ไม่ประมาทใช้เวลาให้มีประโยชน์ไม่ต้องรอการบันดาล,ทำตนให้เป็นที่พึ่งได้ ปัญหาวัดพระธรรมกายขอให้ดูเอาเอง มองดูเองก็รู้ เอาหลักพระศาสนาไปวินิจฉัยด้วยตนเอง และเรื่องที่มีการสอนว่ามี ต้นธาตุ ต้นธรรม เป็นเรื่องน่าหัวเพราะ จะมีจากไหนอีก ธรรมะจะมีต้นธาตุ ต้นธรรมอะไรอีกเพราะธรรมะสูงสุดแล้ว "เรื่องฤทธิ์ทำให้หลักการศาสนาคลาดเคลื่อน พระพุทธเจ้าไม่เคยสรรเสริญ ท่านสรรเสริญเฉพาะปาฎิหารย์ในการสอนธรรมะอย่างเห็นผล ไปหวังผลจากการดลบันดาลไม่ได้หวังผลจากการกระทำ ประเทศไทยจมแต่อิทธิฤทธิ์- จมในลัทธิทำให้หมกมุ่นมัวเมามากแล้ว จนพระศาสนาลางเลือนมากขึ้นทุกที สับสนปะปนกับลัทธิภายนอก ศาสนาหายไปเหลือรูปแบบภายนอก และการที่เราประสบกัปบัญหาวิกฤตเพราะหวังผลจาก
การดลบันดาล เลยต้องหวังผลการดลบันดาลจากฝรั่ง เราต้องแก้ไขโดยทำด้วยตัวเอง"