เดลินิวส์ 21/3/2543
ไชยบูลย์ เบี้ยวนัด ตามเคย
"ไชยบูลย์" เบี้ยวนัดฟังข้อกล่าวหากฎนิคหกรรมตามคาด เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี เดือดปุดปุดถูกตบหัวแล้วลูบหลัง ไม่มาแล้วยังไม่ยอมแจ้งล่วงหน้า เผยทนายวัดธรรมกาย ได้ไปยื่นคำฟ้องศาล หวังให้ช่วยเพิกถอนการพิจารณาเพราะเชื่อขัดต่อกฎหมาย ล่าสุดร่อนแถลงการณ์ออกมา จะฟ้องร้องพระสงฆ์ได้ ต้องเป็นผู้บรรลุพระโสดาบันตามพระไตรปิฎกกำหนดเท่านั้น
เกี่ยวกับกรณีการเรียกตัวนายไชยบูลย์ สุทธิผล เจ้าลัทธิธรรมกาย เพื่อไปรับฟังข้อกล่าวหา ตามกฏนิคหกรรมครั้งใหม่นั้น เมื่อช่วงเช้าวันที่ 20 มี.ค. ที่วัดมูลจินดาราม อ.ธัญญบุรี จ.ปทุมธานี ได้มีบรรดาสื่อมวลชนจำนวนมากเดินทางมารอทำข่าว กรณีที่พระสุเมธาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ได้เรียกตัวนายไชยบูลย์ มารับฟังข้อกล่าวหาของศาลสงฆ์เป็นครั้งที่ 4 โดยก่อนหน้านี้ได้ทำ หนังสือเรียกตัวไปพร้อมกับระบุในหนังสือฉบับเดียวกันว่า"ให้เดินทางมาด้วยตนเอง ไม่ใช่ส่งผู้รับมอบอำนาจมาเหมือนทุกครั้ง" แต่ยังไม่ถึงเวลานัดหมายนายสนธยา โพธิ์แดง ทนายความของนายไชยบูลย์ พร้อมบรรดาศิษย์ธรรมการจำนวนหนึ่ง ก็ได้เดินทางมาแจ้งกับทางเจ้าคณะปทุมธานีว่า นายไชยบูลย์ และพระทัตตชีโว จะไม่มารับข้อกล่าวหาเนื่องจากกระบวนการตามกฎนิคหกรรมได้สิ้นสุดไปแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อพระสุเมธาภรณ์ รับทราบก็มีความไม่พอใจพร้อมกับกล่าวว่า เรียกไปแล้วไม่มาทำไมไม่ยอมมาแจ้งให้ทราบล่วงหน้าจะได้ไม่ต้องเตรียมการให้เสียเวลา พอไม่มาแล้วถึงเพิ่งจะแจ้งเช่นนี้มันเหมือนกับตบหัวแล้วลูบหลังกัน ขณะเดียวกันนายสนธยา ก็ชี้แจงว่า หนังสือพึ่งจะร่างเสร็จเมื่อเช้า และการเรียกตัวครั้งก่อนๆก็ได้ยืนยันไปแล้วว่า นิคหกรรม ได้สิ้นสุดไปตั้งแต่ที่คณะผู้พิจารณาชั้นต้นมีมติ อย่างไรก็ตามหลังมีการปะทะคารมกันพักใหญ่ จากนั้นพระภานุมาศ ภานุปัญโญ พระนักกฎหมายของวัดพระธรรมกาย ก็ได้เดินทางมาสมทบพร้อมกับพระลูกวัดอีก 44 รูป จนทางตำรวจที่มาดูแลรักษา ความสงบเรียบร้อยต้องเข้าไปเคลียร์และอนุญาตให้เข้าไปในสถานที่ไต่สวนได้เพียง 4 รูปเท่านั้น
ทั้งนี้นายสนธยา โพธิ์แดง ยังกล่าวด้วยว่า วันนี้ได้ไปยื่นคำฟ้องต่อศาลธัญญบุรี เพื่อขอให้ใช้อำนาจในการเพิกถอนการพิจารณาตามกฎนิคหกรรม โดยขออำนาจศาลในการคุ้มครองอดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ไม่ให้เข้าสู่กระบวนการนิคหกรรมจนกว่าศาลจะพิจารณาสิ้นสุดว่าเป็นการขัดต่อกฎหมายหรือไม่ ด้านพระปริยัติวโรปการ รองเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี กล่าวว่า การที่ฟ้องศาลโลกเพื่อให้ยุติศาลสงฆ์ไม่เคยมีมาในประวัติศาสตร์ เพราะศาลสงฆ์เป็นการไต่สวนความผิดของพระที่กระทำผิดตามหลักพระธรรมวินัยเท่านั้น ดังนั้นศาลโลกไม่มีสิทธิ์จะมายุติศาลสงฆ์ ถ้าเขาอยากจะฟ้องก็ไม่เป็นไรแต่เรา จะยังดำเนินการส่งสำนวนทั้งหมดไปให้พระเทพสุธี เจ้าอาวาสวัดสามพระยา รักษาการเจ้าคณะภาค 1 เพื่อไต่สวนต่อใน 2-3 วันนี้
ส่วนที่วัดพระธรรมกายได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงกรณีนายสมพร เทพสิทธา และนายมาณพ พลไพรินทร์ ยื่นข้อกล่าวหานิคหกรรมนายไชยบูลย์ สุทธิผล เจ้าลัทธิธรรมกาย และพระเผด็จ ทัตตชีโว รักษาการเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ซึ่งพระสุเมธาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ได้เรียกตัวผู้ถูกกล่าวหาเข้ารับฟังข้อกล่าวครั้งใหม่ในวันที่ 20 มี.ค. โดยทางวัดพระธรรมกายชี้แจงว่า คฤหัสถ์ผู้กล่าวหาไม่ใช่ผู้เสียหาย จะฟ้องร้องพระสงฆ์ได้ก็ต่อเมื่อมีคุณสมบัติตามที่พระไตรปิฎกกำหนด คือต้องเป็นผู้ที่บรรลุพระโสดาบันขึ้นไป พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้เช่นนี้เพื่อป้องกัน คฤห์สถ์กลั่นแกล้งกล่าวหาพระสงฆ์
นอกจากนี้ กรณีนิคหกรรมได้จบไปแล้วตั้งแต่วันที่ 13 ส.ค. 2542 เมื่อเจ้าคณะจังหวัด ปทุมธานีไม่รับคำกล่าวหาโดยความเห็นชอบของคณะผู้พิจารณาชั้นต้น คำสั่งดังกล่าวถือเป็นอันสิ้นสุด การฝ่าฝืนดำเนินการใดๆ มีความผิดทั้งผิดพระธรรมวินัย กฎหมายบ้านเมือง วัดพระธรรมกายเคารพพระสังฆาธิการผู้ปกครองและมหาเถรสมาคม (มส.) แต่มส.ก็ต้องเคารพและปฏิบัติตามพระธรรมวินัย กฎหมาย จะมีมติลบล้างไม่ได้
สำหรับข้อกล่าวหานิคหกรรมนั้นสรุปได้ 2 ประการใหญ่ คือเรื่องที่ดินและการเงิน ซึ่งเรื่องที่ดินและการเงินต้องรอการวินิจฉัยของศาลทางโลกอยู่แล้ว ส่วนอีกประการ คือเรื่องทางธรรมวินัยคำสอนก็มีคำวินิจฉัยโดยการรับรองของมส.ออกมาตั้งแต่เดือน มี.ค. 2542 ถือเป็นอธิกรณ์ที่ชำระเสร็จแล้ว หากนายไชยบูลย์และพระทัตตชีโวไปรับฟังข้อกล่าวหา นิคหกรรมจะเป็นการสร้างบรรทัดฐานที่ไม่ถูกต้องให้เกิดขึ้น จะทำให้คฤหัสถ์กล่าวหาพระสงฆ์ได้ตามใจชอบ อาจมีผู้กล่าวหาพระเถระที่มีชื่อเสียง พระสงฆ์ที่ตั้งใจทำความดีจะถูกกลั่นแกล้งได้ง่าย
แถลงการณ์ยังระบุด้วยว่า การพยายามรื้อฟื้นนิคหกรรมขึ้นมาใหม่ทำให้พระทัตตชีโว จำเป็นต้องยื่นฟ้องต่อศาลทางโลกเพื่อให้วินิจฉัย และศาลได้รับเรื่องไว้แล้วขณะนี้อยู่ระหว่างไต่สวนมูลฟ้อง ขอให้ทุกฝ่ายเคารพกระบวนการยุติธรรม รอให้ศาลมีคำวินิจฉัยชี้ถูกผิดออกมาเสียก่อน จากนั้นทุกฝ่ายต้องยอมรับและปฏิบัติตาม