เดลินิวส์ 14/2/2543
พระธรรมกิตติมุนี เด็ง 1เจ้าคณะภาค 1
ทนายธรรมกายตั้งแง่ยื้อสอบนิคหกรรม"ไชยบูลย์-พระเผด็จ"อีก ระบุคณะผู้พิจารณาชั้นต้น ลงนามสรุปกระบวนการสิ้นสุดมีผลไปแล้ว มหาเถรฯจะมีมติเหนือกฎหมายไม่ได้ เตรียมใช้แผนเดิมเข้าตีสนิทเจ้าคณะภาค 1 รูปใหม่ เผยล่าสุด"พระธรรมกิตติมุนี"เต็งหนึ่ง เจ้าคณะใหญ่หนกลางทาบทามแล้ว จับตา"พระเทพสุธี"รองเจ้าคณะภาค 1 แนวร่วม"พระพรหมโมลี" ชี้หากขวางศาลสงฆ์เหมือนที่ผ่านมาอาจถูกปลดอีกราย
ผู้สื่อข่าวรายงานจากวัดพระธรรมกาย อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานีว่า เมื่อวันอาทิตย์ที่ 13 ก.พ.มีผู้มาร่วมกิจกรรมวัดกันบางตามาก บรรยากาศโดยทั่วไปเงียบเหงาอย่างเห็นได้ชัด เวลา 09.30 น. นายไชยบูลย์ สุทธิผล เจ้าลัทธิธรรมกาย ได้ออกมากล่าวที่สภาธรรมกายสากล โดยยังคงหว่านล้อมให้สาวกร่วมกันบริจาคเงินเป็นประธานรอง และประธานกองฉลองมหาธรรมกายเจดีย์ ซึ่งในส่วนของประธานรองนั้นทางวัดกำหนดไว้ว่าต้องบริจาค 1 ล้านบาทถึงจะได้เป็น ทั้งนี้ นายไชยบูลย์ยังคงใช้นิพพานมาเป็นจุดดึงดูดใจสาวกเช่นเดิม
นายไชยบูลย์กล่าวตอนหนึ่งว่า เราจะมีชีวิตอยู่ในโลกไปไม่นานเท่าไหร่ ชีวิตในสงสารวัฏยาวนานมาก ผู้ที่จะได้สมบัติจักรพรรดิ์ตักไม่พร่องต้องมีหัวใจเดียวกับพระจักรพรรดิ์ถึงจะมีสิทธ์ได้ครอบครองสมบัตินั้น คือท่านมีหัวใจปราศจากความตระหนี่ไม่มีความเสียดาย ความเสียดายไม่มีในหัวใจท่าน ไม่กลัวว่าจะอด ไม่กังวลว่าจะมีกินหรือไม่มีกิน ท่านประกอบไปด้วยปัญญามองการณ์ไกลไปถึงภพเบื้องหน้า เพราะท่านมีจุดหมายปลายทางไปถึงพระปรินิพพาน จึงต้องสร้างบารมีให้มากอย่างเต็มเปี่ยมบริบูรณ์
"เราจะต้องไม่เสียดายทรัพย์ ไม่อาลัยอาวรณ์ทรัพย์ ไม่ตระหนี่ ไม่เหมือนต้นตาลที่โดนฟ้าผ่าจนยอดด้วน ฉะนั้นควรจะขจัดความตระหนี่ให้ได้" นายไชยบูลย์กล่าวและว่า ตนปรารถนาให้ลูกๆ ทั้งหลายมีสมบัติจักรพรรดิ์ที่ตักไม่พร่อง เพราะฉะนั้นจึงเชิญชวนให้ลูกๆ ทุกคนชนะความตระหนี่ ต้องตีกระหน่ำความตระหนี่โดยไม่มีปรานีปราศรัย ไม่เอาอกเอาใจความตระหนี่ ไม่มีเชื้อเป็นอาหารให้ความตระหนี่มันงอกงามขึ้นมาอีก ใครปรารถนาจะเป็นประธานรอง ประธานกองตั้งใจเอาไว้ และต้องทำให้ได้
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ภายหลังจากที่ประชุมมหาเถรสมาคม (มส.) มีมติให้พระพรหมโมลี เจ้าอาวาสวัดยานนาวา พ้นจากตำแหน่งเจ้าคณะภาค 1 ซึ่งหมายถึงต้องพ้นจากตำแหน่งหัวคณะผู้พิจารณาชั้นต้นในการสอบนิคหกรรมนายไชยบูลย์ และพระเผด็จ ทัตตชีโว รักษาการเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายด้วย ปรากฏว่าท่าทีของเจ้าหน้าที่วัดพระธรรมกายได้เปลี่ยนไปมาก ผู้สื่อข่าวพยายามติดต่อซักถามในประเด็นต่างๆก็ถูกบ่ายเบี่ยง และแม้แต่การติดต่อทางโทรศัพท์มือถือที่เคยเปิดรับ ล่าสุดก็ถูกปิดหรือปฏิเสธที่จะสนทนาด้วย
อย่างไรก็ตาม นายสนธยา โพธิ์แดง ทนายความนายไชยบูลย์ กล่าวถึงกรณีที่มหาเถรฯมีมติให้พระพรหมโมลีพ้นจากตำแหน่งเจ้าคณะภาค 1 ว่า ที่จริงพระพรหมโมลีก็คิดที่จะพักจากตำแหน่งอยู่แล้ว และโดยส่วนตัวเห็นว่าท่านไม่ได้ขัดขวางกระบวนการนิคหกรรม แต่เพราะท่านยึดหลักกฎหมายอย่างเคร่งครัด
ส่วนที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่ากรณีปัญหาวัดพระธรรมกายทำให้มีพระถูกปลดออกจากตำแหน่งไปแล้วถึง 2 รูป โดยก่อนหน้านี้พระครูปทุมกิจโกศล เจ้าอาวาสวัดสว่างภพ ก็ถูกปลดจากตำแหน่งเจ้าคณะตำบลคลองหนึ่งนั้น เรื่องนี้ มีสาเหตุมาจากสื่อมวลชน กรณีพระครูปทุมกิจโกศลที่ไม่ยอมพักตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายของนายไชยบูลย์ สื่อมวลชนก็โจมตีท่านว่าช่วยเหลือกัน จนมีคำสั่งปลดท่านในที่สุด
นายสนธยากล่าวต่อไปว่า ขณะนี้ทางวัดพระธรรมกายไม่ได้เคลื่อนไหวอะไร เพียงแต่เตรียมงานวันมาฆบูชาในวันที่ 19 ก.พ.นี้ คงไม่ต้องหารือหรือเตรียมการอะไรเรื่องกระบวนการนิคหกรรม เพราะตามที่ตนเคยบอกแล้วว่าพระสุเมธาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ลงนามในสรุปของคณะผู้พิจารณาชั้นต้นว่าการสอบนิคหกรรมได้จบสิ้นไปแล้ว แล้วจะเรียกนายไชยบูลย์และพระเผด็จไปรับฟังข้อกล่าวหาอีกได้อย่างไร "มหาเถรสมาคมจะมีมติเหนือกฎหมายได้อย่างไร ถ้าหลวงพ่อท่านจะต้องผิดท่านก็อยากรู้ว่าท่านผิดอย่างไร แต่ที่ผ่านมาทั้งหมดก็พิสูจน์แล้วว่าหลวงพ่อไม่ผิด"
แหล่งข่าวจากวัดพระธรรมกาย เปิดเผยว่า ขณะนี้กรรมการวัดพระธรรมกายได้มีการหารือกันและได้ข้อสรุปว่า ทางวัดจะรอดูสถานการณ์เรื่องการแต่งตั้งเจ้าคณะภาค 1 รูปใหม่ว่าจะเป็นพระรูปใด เพื่อปรับกลยุทธ์ของวัด ทั้งนี้ทางวัดได้วิเคราะห์ว่าพระผู้ใหญ่รูปใดบ้างที่อยู่ในเกณฑ์ที่อาจจะมาดำรงตำแหน่งเจ้าคณะภาค 1 รูปใหม่แทนพระพรหมโมลี เพื่อหาโอกาสเข้านมัสการทำความรู้จักต่อไป
ทางด้านแหล่งข่าวจากกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยถึงการสรรหาผู้ที่จะทำหน้าที่เจ้าคณะภาค 1 รูปใหม่ว่า ขณะนี้พระผู้ใหญ่ที่มีความเหมาะสมกับตำแหน่งมี 2 รูปคือ พระธรรมกิตติมุนี เจ้าอาวาสวัดเฉลิมพระเกียรติ เจ้าคณะจังหวัดนนทบุรี และพระธรรมโมลี เจ้าคณะภาค 15 เจ้าอาวาสวัดพิชยญาติการาม กรุงเทพฯ
ในส่วนของพระธรรมกิตติมุนีนั้นมีวิทยฐานะนักธรรมเอก เปรียญธรรม 7 ประโยค สมณศักดิ์และหน้าที่การงาน พ.ศ. 2508 เป็นเจ้าอาวสวัดบางแพรกใต้ พ.ศ. 2522 เป็นพระอมรเวที และเจ้าคณะอำเภอเมืองนนทบุรี พ.ศ.2528 เป็นเจ้าคณะจังหวัดนนทบุรี และเจ้าอาวาสวัดเฉลิมพระเกียรติ พ.ศ. 2530 เป็นพระราชกิตติโมลี พ.ศ.2535 เป็นพระเทพปริยัตยาจารย์ และพ.ศ. 2542 เป็นพระธรรมกิตติมุนี
สำหรับพระธรรมโมลีมีวิทยฐานะนักธรรมเอก เปรียญธรรม 9 ประโยค สมณศักดิ์และหน้าที่การงาน พ.ศ. 2516 เป็นพระศรีสุทธิพงศ์ พ.ศ. 2531 เป็นพระราชปริยัติโมลี พ.ศ. 2536 เป็นพระเทพปริยัติโมลี พ.ศ. 2541 เป็นพระธรรมโมลี และปัจจุบันยังเป็นรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) วิทยาเขตบาฬีศึกษาพุทธโฆส นครปฐมด้วย
"ล่าสุดทราบว่าทางสมเด็จพระมหาธีราจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนกลาง เจ้าอาวาสวัดชนะสงคราม กำลังทาบทามพระธรรมกิตติมุนีอยู่ ซึ่งท่านเป็นอดีตพระลูกวัดชนะสงครามด้วย"
อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวกล่าวว่า ขณะนี้พระเทพสุธี รองเจ้าคณะภาค 1 ยังเป็นหนึ่งในคณะผู้พิจารณาชั้นต้นการสอบนิคหกรรมกรณีวัดพระธรรมกายอยู่ โดยที่ผ่านมาท่านได้แสดงความคิดเห็นแนวทางเดียวกับพระพรหมโมลีมาตลอด จึงอาจจะสร้างความลำบากใจให้เจ้าคณะภาค 1 รูปใหม่ในการเข้ามาแก้ไขปัญหา ซึ่งหากกระบวนการนิคหกรรมเริ่มขึ้นอีกครั้งแล้วท่านยังมีบทบาทเหมือนเดิม ก็อาจมีการปรับเปลี่ยนกันอีก
ผู้สื่อข่าวรายงานจากวัดสว่างภพ จ.ปทุมธานีว่า เมื่อวันที่ 13 ก.พ.มีการจัดงานทำบุญครบ 75 ปี พระครูปทุมกิจโกศล อดีตเจ้าคณะตำบลคลองหนึ่ง โดยงานดังกล่าวทางวัดพระธรรมกายเป็นผู้ดำเนินการให้ มีการนำเต๊นท์ขนาดใหญ่จากวัดพระธรรมกายมากาง 6 เต๊นท์ ซึ่งเจ้าหน้าที่วัดพระธรรมกายระบุว่าจะมีผู้มาร่วมงานกว่า 8,000 คน แต่มีผู้มาร่วมจริงๆประมาณ 200 คนเท่านั้น และส่วนใหญ่มาจากที่อื่น ไม่ใช่ละแวกวัด
ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตุว่าพระครูปทุมกิจโกศลไม่มีโอกาสเป็นตัวของตัวเองมากนัก ไม่ว่าจะทำอะไรจะมีพระมหาชัยยะ พระเลขาฯ ซึ่งเป็นอดีตพระลูกวัดพระธรรมกาย คอยตามประกบและบอกบทตลอด นอกจากนี้ ภายในบริเวณงานยังมีการนำแผ่นป้ายพร้อมรูปของศิษย์คนสำคัญวัดพระธรรมกายคนหนึ่ง ซึ่งลงสมัครรับเลือกตั้ง สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) จ.ปทุมธานี มาติดไว้ทั่ว อีกทั้งยังมีการแจกบัตรแนะนำตัวแก่ผู้มาร่วมงานด้วย