เดลินิวส์ 8/2/2543
เสนอตร.ตั้งหน่วย รักษาพุทธศาสนา
พระผู้ใหญ่-องค์กรพุทธเสนอผบ.ตร.ตั้ง"กองบังคับการคุ้มครองพุทธศาสนา"เป็นการถาวร ระบุสถานการณ์วิกฤติร้ายแรงเทียบเท่าปัญหายาเสพติด ยกกรณีธรรมกาย-จาบจ้วงสังฆราชเป็นตัวอย่าง "สมพร เทพสิทธา"เผยจะไม่แจ้ง ความ"พระพรหมโมลี"ละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ปล่อยไปตามกฎแห่งกรรม เชื่อเจ้าคณะภาค 1 ฝันร้ายทุกคืนเพราะรู้ตัวดีทำอะไรลงไป
นายสมพร เทพสิทธา ประธานสภายุวพุทธิกสมาคมแห่งชาติ และประธานองค์กรเครือข่ายชาวพุทธเพื่ออุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 2 ก.พ. ได้มีการประชุมพระเถระ พุทธศาสนิกชนที่ทำงานและมีความห่วงใยในพระพุทธศาสนา อาทิ พระราชกวี รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหามงกุฏราชวิทยาลัย พระมหาบุญถึง ชุตินธโร พ.ท.ประสาร ทองภักดี อดีตรองอธิบดีกรมการศาสนา นายยงยุทธ ธนะปุระ ประธานมูลนิธิพุทธธรรม นายสุตทยา วชราภัย กรรมการบริหารพุทธธรรมสภา นายสมควร เหล่าลาภะ ผู้อำนวยการสถาบันพุทธลีลา นายจรัส ตรีสุทรรศน์ เลขาธิการสภายุวพุทธิกสมาคมฯ โดยมีตนเป็นประธาน
ทั้งนี้ ที่ประชุมมีการสรุปสถานการณ์พระพุทธศาสนาในปัจจุบันว่าอยู่ในภาวะวิกฤติ อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน ทั้งด้านศาสนวัตถุ ศาสนพิธีและศาสนธรรม ทั้งฝ่ายบรรพชิตและฆาราวาสไม่เคารพและประพฤติตามพระธรรมวินัย มีการเผยแพร่คำสอนที่เป็นสัทธรรมปฏิรูปเป็นเหตุให้ศาสนาเสื่อมโทรม ประชาชนเสื่อมศรัทธา อย่างกรณีวัดพระธรรมกายที่ตนได้ฟ้องร้องให้ดำเนินการตามกฎนิคหกรรมกับนายไชยบูลย์ สุทธิผล เจ้าลัทธิธรรมกาย ตั้งแต่เดือน พ.ค. 2542 จนถึงบัดนี้เกือบ 1 ปีแล้วยังไม่มีการดำเนินการแต่อย่างใด
นอกจากนี้ ที่ประชุมได้มีมติให้เสนอความเห็นเกี่ยวกับการฟื้นฟูและส่งเสริมพระพุทธศาสนา 5 ข้อคือ 1.ขอให้รัฐบาล จัดตั้งหน่วยงานเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาขึ้นในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกรมการศาสนา เป็นหน่วยงานถาวรไม่ใช่เฉพาะกิจ เพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบการกระทำที่เป็นภัยต่อพระพุทธศาสนา
"โดยเฉพาะทางตำรวจอยากให้มีกองบังคับการคุ้มครองพระพุทธศาสนา เพราะควร ให้ความสำคัญกับปัญหาของพระพุทธศาสนาที่ปัจจุบันมีภัยร้ายแรงเทียบเท่ากับปัญหายาเสพติด โดยจะเห็นว่ากรณีที่มีใบปลิวออกมาจาบจ้วงสมเด็จพระสังฆราช หรือโจมตีพระธรรมปิฎก แต่ไม่สามารถหาตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินการได้สำเร็จ ซึ่งแนวคิดนี้ผมจะทำเป็นหนังสือถึง ผบ.ตร. และรมว.ศีกษาฯต่อไป"
2.ให้เร่งรัดออกกฎหมายอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนาเพื่อให้เป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐบาล จะเห็นได้ว่าแม้กองบัญชาการทหารสูงสุดจะโยกย้าย พ.อ.บรรจง ไชยลังกา ประธานชมรมพุทธ 3 เหล่าทัพ ที่สนับสนุนวัดพระธรรมกายแล้ว แต่ยังไม่มีการปกป้องคุ้มครองพระธรรมปิฎกอย่างเป็นรูปธรรม เพราะตอนนี้ทางตำรวจก็ยังไม่สามารถติดตามตัว ดร.เบญจ์ บาระกุล มาดำเนินคดีได้ 3.เสนอให้มีการจัดสัมนาเรื่อง "พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ 2542 กับการส่งเสริมพระพุทธศาสนา" โดยให้คณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร เป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งได้เสนอให้จัดขึ้นในวันที่ 28 ก.พ. ที่อาคารวุฒิสภา
4.ให้จัดตั้งศูนย์ประสานงานองค์กรชาวพุทธแห่งประเทศไทย เพื่อทำหน้าที่ในการปลุกจิตสำนึกถึงภัยที่จะเกิดแก่พระพุทธศาสนา และ 5.เสนอให้มีการจัดประชุมสมัชชาแห่งชาติเพื่อการฟื้นฟูและส่งเสริมพระพุทธศาสนา เพื่อประกาศเป็นยุทธศาสตร์แห่งชาติ แล้วพิจารณากำหนดแผนนโยบายและแผนการดำเนินงานต่อไป
นายสมพรยังกล่าวถึงความเป็นไปได้ในการฟ้องร้องดำเนินคดีกับพระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 กรณีไม่ยอมดำเนินการตามกฎนิคหกรรมนายไชยบูลย์ว่า มีผู้ทาบทามให้ตนเป็นตัวแทนฟ้องร้อง แต่ตนเห็นว่าเคยมีผู้ฟ้องร้องท่านไปแล้วไม่ควรไปซ้ำเติมอีก ก็รู้สึกเสียใจและเสียดายมากที่พระผู้ใหญ่มีความคิดเห็นและการกระทำเช่นนี้ แต่หากจะไปฟ้องร้องท่านอีกก็จะทำให้พระพุทธศาสนาเกิดความเสียหาย คิดว่าให้มหาเถรสมาคม (มส.) แก้ไขปัญหาพระพรหมโมลีไปตามแนวทางพระธรรมวินัยดีกว่าจะไปดำเนินการตามกฎหมาย
"เราต้องยอมรับกฎแห่งกรรม เชื่อว่าท่านเองก็คงนอนไม่หลับ ลองไปถามท่านดู ท่านคงฝันร้ายตลอดเวลา เพราะท่านไม่มีความสุข ในเมื่อท่านรู้ดีว่าสิ่งที่ทำลงไปนั้นผิดหรือถูก พระบางรูปแม้จะเป็นพระเถระแล้วแต่ก็ไม่ใช่จะพ้นถูกครอบงำด้วยโลภะ โทสะ และโมหะ ดังนั้นต้องหมั่นสำรวจตัวเองอยู่เสมอ เหมือนอย่างที่สมเด็จพระรัชมังคลาจารย์ เจ้าอาวสาสวัดปากน้ำ เคยเทศน์ว่า ให้พระสงฆ์พึงระวัง 3 ส ได้แก่ สตรี สตางค์ และสติ"
รายงานข่าวแจ้งว่า ได้มีบุคคลที่อ้างว่าเป็นศิษย์ของ พระพรหมโมลี ขอเทปบันทึกรายการวิทยุรายการ "ธรรมะร่วมสมัย" ทุกม้วนที่มีการกล่าวถึงพระพรหมโมลี โดยเนื้อหาในเทปส่วนใหญ่จะเป็นลักษณะประชาชนโทรศัพท์แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับบทบาท ท่าทีของพระพรหมโมลี ต่อการดำเนินการตามกฎนิคหกรรมกรณีวัดพระธรรมกายว่ามักจะเกิดปัญหา ในขั้นตอนของพระพรหมโมลีทุกครั้ง
หลังจากได้เทปไปแล้วบุคคลดังกล่าวได้ติดต่อกับผู้ดำเนินรายการอีกครั้ง โดยอ้างว่าพระพรหมโมลีได้ฟังเทปแล้วและได้แสดงความคิดเห็นว่า "ผู้ดำเนินรายการและประชาชน ทั้งหลายที่โทรศัพท์มาต่อว่าท่านนั้น ล้วนเป็นผู้ที่ไม่มีหิริโอตัปปะ หรือความ ละอายเกรงกลัวต่อบาป และยังบอกให้ระวังตัวไว้จะเป็นบาปติดตัว จะได้รับโทษทัณฑ์ เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน ที่มาต่อว่าพระผู้ใหญ่ทั้งๆที่ผู้ดำเนินรายการก็รู้จักกันดีกับท่าน"
นอกจากนี้ ผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นศิษย์พระพรหมโมลียังกล่าวว่า การที่พระพรหมโมลีไม่ดำเนินการตามกฎนิคหกรรม เป็นอุบายที่นุ่มลึกของท่าน หากมีการตัดสินอย่างรวดเร็วประชาชนจะไม่ได้เรียนรู้ว่าวัดพระธรรมกายไม่ดีอย่างไร พร้อมทั้งระบุว่าพระพรหมโมลีไม่พอใจที่ถูกกล่าวหาว่าอุ้มนายไชยบูลย์เพราะอามิสบูชา โดยยืนยันว่าวิหารจำลองที่สร้างที่วัดยานนาวาได้รับงบประมาณจากกรมการศานา ไม่ได้รับเงินจากวัดพระธรรมกาย