เดลินิวส์ 1/2/2543
มั่นใจในสัปดาห์หน้าได้ลุย"ธรรมกาย"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 31 ม.ค. ในช่วงบ่ายมีการประชุมมหาเถรสมาคม (มส.) โดยสมเด็จพระพุฒาจารย์ เจ้าอาวาสวัดสระเกศ เป็นประธานในที่ประชุมแทน สมเด็จพระสังฆราช ภายหลังการประชุมนายไพบูลย์ เสียงก้อง อธิบดีกรมการศาสนา เปิดเผยว่า ที่ประชุมได้รับรองผลการประชุมเมื่อวันที่ 19 ม.ค. กรณีมีมติให้ดำเนินการ ตามกฎนิคหกรรมกับนายไชยบูลย์ สุทธิผล เจ้าลัทธิธรรมกาย และพระเผด็จ ทัตตชีโว รองเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายต่อไป โดยไม่มีกรรมการรูปใดโต้แย้ง ซึ่งขั้นตอนต่อไปคือส่งผลการพิจารณาของที่ประชุมมหาเถรฯไปให้พระสุเมธาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ดำเนินการ
นายไพบูลย์กล่าวถึงกรณีมีการเสนอให้สลับตำแหน่งพระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 ฐานขัดมติมหาเถรฯเรื่องวัดพระธรรมกายว่า ยังไม่มีการเสนอและที่ประชุมไม่ได้มีการพูดถึง อย่างไรก็ตามหากการดำเนินการเรื่องนี้ไม่สามารถดำเนินต่อไปได้เพราะติดปัญหาตัวบุคคล หากจะรักษาความศักดิ์สิทธิ์ของกฎนิคหกรรมไว้เพื่อประโยชน์ของพระพุทธศาสนาก็จะต้อง มีการเปลี่ยนแปลงตัวบุคคล แต่ยังไม่ทราบว่าใครจะดำเนินการ
"ผมยังคิดในแง่ดี จากการได้พูดคุยกับพระปริยัติวโรปการ รักษาการเจ้าคณะตำบลคลองหนึ่ง ท่านก็บอกว่าทราบมติมหาเถรฯแล้ว หากมีการรับรองรายงานการประชุมแล้วแจ้งมา ท่านก็จะดำเนินการทันที"
อธิบดีกรมการศาสนากล่าวอีกว่า เรื่องนี้สะดุดตรงที่มีการเรียกมารับทราบข้อกล่าวหาแต่ผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 2 ไม่เคยมาตามนัดหมาย และมีข้ออ้างตลอด ซึ่งจุดนี้ผู้เชี่ยวชาญบอกว่าทำให้การดำเนินการที่ผ่านมาไร้ผล เพราะฉะนั้นต้องทำใหม่ให้ถูกต้อง ทางเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีต้องส่งเรื่องเสนอไปยังเจ้าคณะภาค 1 ตามขั้นตอนที่ระบุไว้ โดยต้องมีการเรียกผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 2 มารับทราบข้อกล่าวหาอีกครั้ง ส่วนจะมาหรือไม่มาเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีต้องทำบันทึกส่งเจ้าคณะภาค 1
"ในการทำงาน มหาเถรฯจะทำกันเป็นองค์คณะ ดังนั้นหากมีผู้ใดขัดแย้งหรือมีความเห็นต่างไปจากคณะ ซึ่งมีหลักฐานโดยชัดเจนนั้น ท่านจะต้องใคร่ครวญและพิจารณาตัวเอง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ท่านเจ้าคณะภาค 1 ยังไม่ถอนตัวและยังคงยืนยันเจตนารมณ์เดิม ยังอยู่ในตำแหน่งครบทั้ง 3 ตำแหน่ง การที่จะจัดการเกี่ยวกับปัญหาจึงต้อรอจนกว่าจะเจอว่าปัญหาติดขัดตรงไหนจะทำตรงนั้น"
นายวิชัย ตันศิริ รมช.ศึกษาธิการ กล่าวว่า ที่ยังมีปัญหาอยู่คือในการประชุมมหาเถรฯครั้งก่อน พระพรหมโมลียังยืนยันว่ากระบวนการนิคหกรรมสิ้นสุดแล้ว แต่กรรมการส่วนใหญ่เห็นว่ายังไม่ยุติ กรมการศาสนาจึงได้เสนอให้ที่ประชุมพิจารณารับรองมติครั้งก่อน เพื่อให้พระพรหมโมลีดำเนินการเรื่องนี้อีกครั้ง ซึ่งหลังจากมหาเถรฯมีมติรับรองแล้วกรมการศาสนาจะส่งมติให้คณะผู้พิจารณาชั้นต้นดำเนินการ ตามกฎนิคหกรรมในสัปดาห์หน้า
รายงานข่าวแจ้งว่า ภายหลังการประชุมมหาเถรฯ อธิบดีกรมการศาสนาได้ลงนามในเอกสารรับรองรายละเอียดผลการประชุมวันที่ 19 ม.ค. และมอบหมายให้นายเริงฤทธิ์ เบ้านุวงศ์ หัวหน้าฝ่ายนิติกรกรมการศาสนา นำไปมอบให้สมเด็จพระมหาธีราจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนกลาง เจ้าคณะภาค 1 และเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ในวันที่ 1 ก.พ. โดยในเอกสารดังกล่าวมีความเห็นของเจ้าคณะใหญ่หนกลางกรณีการปฏิบัติตามกฎมหาเถรฯ และการดำเนินการตามกฎนิคหกรรม ที่เสนอต่อที่ประชุมมหาเถรฯด้วย
นายวิสุทธิ์ โพธิแท่น กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่วัดพระธรรมกายใช้เครื่องขยายเสียง ประกาศเชิญชวนให้ผู้ที่มาร่วมกิจกรรมของวัดไปลงคะแนนเสียงให้แกนนำของวัด 2 คนที่ลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ว่า จะต้องมีการตรวจสอบให้ชัดเจนก่อน หากทำจริงถือว่าทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ต้องระวางโทษตามมาตรา 91 คือห้ามมิให้บุคคลใดหรือผู้สมัคร ส.ว.หาเสียงเลือกตั้ง ยกเว้นแนะนำตัว ฝ่าฝืนมีโทษจำคุก 1 ปี หรือไม่เกิน 10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท แต่กรณีนี้ยังไม่มีการร้องเรียนมา หากมีผู้ร้องเรียนก็ต้องมีหลักฐาน เช่น เทปบันทึกเสียง ภาพถ่าย และหากมีพยานบุคคลก็จะด
ด้านนายสวัสดิ์ โชติพานิช กกต. ในฐานะดูแลด้านการสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย กล่าวถึงกรณีเดียวกันนี้ว่า ต้องมีพยานหลักฐานว่ามีบุคคลสนับสนุนผู้สมัคร ส.ว.รายนั้น ๆ หากมีการแจ้งเข้ามาก็จะดำเนินการ แต่ขณะนี้ยังไม่ได้รับแจ้งอย่างเป็นทางการ ทั้งนี้ สื่อมวลชนที่ไปทำข่าวก็สามารถเป็นพยานได้.