เดลินิวส์ 16/1/2543
19 ม.ค."มส."ชี้ชะตาพรหมโมลีผิด-ถูก
สมเด็จวัดชนะฯจัดการเองนำเรื่องเข้ามหาเถรฯเอง 19 ม.ค.นี้ ชี้ชะตาพระพรหมโมลียื้อไม่ยอมทำตามมติ มส.ให้สอบ"ไชยบูลย์" ตามกฎนิคหกรรม ขณะที่กรมการศาสนาเสนอทางออกเข้าไปด้วย "ประเวศ"ระบุไม่ใช่มีแค่เจ้าคณะภาค 1 ที่อยู่ขบวนการอุ้มธรรมกาย แต่ยังมีพระระดับบิ๊กรูปอื่นๆอีก ซัดไม่อายแม้ สมเด็จพระสังฆราชจะลงโทษด้วยการไม่เข้าประชุมสงฆ์ แต่ก็ไม่สะเทือนกันเลย
เมื่อวันที่ 15 ม.ค.ที่ผ่านมานายวิชัย ตันศิริ รมช.ศึกษาธิการ ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสเรียกร้องให้ มีการเสนอปลดเจ้าคณะภาค 1 ว่า ในการประชุมมหาเถรสมาคม(มส.)ในวันที่ 19 ม.ค.นี้ ทางกรมการศาสนาจะเสนอเรื่องที่พระพรหมโมลีได้ให้ความเห็น กรณีการดำเนินการ กระบวนการนิคหกรรมกับนายไชยบูลย์ สิทธิผล อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายว่าได้ยุติไปแล้ว จึงไม่ยอมพิจารณาใหม่อีกต่อไป ซึ่งเรื่องนี้ที่ประชุมมหาเถรฯจะเป็นผู้ชี้ขาดลงไปว่าจะให้ดำเนินการ อย่างไรต่อไปและมีทางออกในเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างไร โดยทางกรมการศาสนาก็จะได้เสนอทางออกในเรื่องนี้ถวายที่ประชุมด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้สมเด็จพระมหาธีราจารย์ เจ้าคณะกลางหนใหญ่ ในฐานะผู้บังคับบัญชาสูงสุดโดยตรงก็จะนำเรื่องที่พระพรหมโมลีไม่ยอมดำเนินการ ตามกฏนิคหกรรมเสนอที่ประชุมมหาเถรฯเช่นกันแต่ไม่ทราบรายละเอียด
อย่างไรก็ตามในการประชุมมหาเถรสมาคมครั้งนี้จะต้อง มีทางออกในเรื่องนี้เป็นอย่างใดอย่างหนึ่งออกมาอย่างแน่นอน ซึ่งผลจะออกมาอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับมติของที่ประชุม
"ขอยืนยันว่าเรื่องวัดพระธรรมกายที่คาราคาซังอยู่นี้ ไม่ใช่เป็น เพราะกระทรวงศึกษาทำงานล่าช้า ทั้งนี้การดำเนินการในเรื่องนี้ยิ่งล่าช้าออกไปมากเท่าใด ความเสียหายก็จะตกกับพระศาสนามากขึ้นตามไปด้วย จึงไม่มีใครประสงค์ให้พุทธศาสนาต้องมัวหมองมากไปกว่านี้"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเดิมทีกรมการศาสนจะเสนอที่ประชุมมหาเถรฯตั้งแต่วันที่ 10 ม.ค.ที่ผ่านมาให้ย้ายคณะผู้พิจารณา ชั้นต้นคดีธรรมกายทั้งหมด ประกอบด้วยพระพรหมโมลี ,รองเจ้าคณะภาค 1 และพระสุเมธาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี
นพ.ประเวศ วะสี ราษฏรอาวุโส กล่าวถึงกรณีปัญหาวัดพระธรรมกายว่า ถือว่าเป็นปัญหาใหญ่มากในสังคมไทย เห็นได้ชัดว่าที่ผ่านมาธรรมกายแสวงหาอำนาจและเงินตรามากมาย จนกลายเป็นอำนาจ เมื่อมีอำนาจก็เที่ยวทำอะไรต่างๆที่ไม่ถูกต้องผู้คนก็ไม่สามารถทักท้วงได้
"ผมเคยได้เตือนไว้แล้วว่าจะเกิดกรณีเช่นนี้กับวัดพระธรรมกายมาตั้งแต่ปี 2530 แล้ว และเป็นปัญหา ที่จะเข้าไปแก้ไขได้อ ยากมาก เพราะกระบวนการจัดตั้งของเขานั้นเข็มแข็งมาก ทั้งคำสอน สมาชิก คนที่เชี่ยวชาญทางด้านการตลาด ที่ดิน การขายตรง การเล่นหุ้น เมื่อทั้งหมดผนึกกันเข้า ก็ทำให้เกิดพลังของการจัดการ ที่แข็งแกร่ง ปัญหาของเรื่องนี้เป็นสิ่งที่สังคมเข้าใจได้อยาก เพราะผู้คนในสังคมมีความรู้และศึกษาพุทธศาสนาน้อย ถึงจะได้ชื่อว่าเป็นเมืองพุทธ ดังนั้นเวลา ที่มีพระปลอมเข้ามาบวชในพุทธศาสนา และหลอกลวงแสวงหาพรรคพวก อำนาจ และเงินตรา ผู้คนในสังคมก็จะรู้ไม่เท่าทันหรือไม่เข้าใจ"
ต่อข้อถามที่ว่าสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ปัญหานี้ยังไม่ได้ข้อยุติมาจากการช่วยเหลือกันของพระสงฆ์ใช่หรือไม่ ราษฎรอาวุโสกล่าวว่าเป็นเช่นนี้ มานานแล้วและปัญหาธรรมกายจะส่งผลกระทบกระเทือน ต่อคณะสงฆ์เป็นอย่างมาก เพราะคนที่รู้และเข้าใจก็จะดูถูกได้ว่า พระไม่เข้าใจปมปัญหาหลักแล้ว ยังมาโอบอุ้มช่วยพรรคพวกอยู่อีก โดยส่วนตัวแล้วคิดว่าไม่ใช่แต่เฉพาะพระพรหมโมลีเท่านั้นที่มีพฤติกรรมเช่นนี้ แต่ยังมีพระรูปอื่นๆร่วมด้วยอีกมาก เพราะธรรมกายอยู่มานานมีอำนาจเงินตราทุกอย่าง และไม่แปลกใจเลยที่ปัญหานี้จะสร้างผลสั่นสะเทือนให้กับโครงสร้างสังคมได้มากมายเพียงนี้
น.พ.ประเวศกล่าวต่ออีกว่าคงตอบไม่ได้ว่าเห็นด้วยหรือไม่กับการปลดเจ้าคณะภาค 1 ออกจากตำแหน่ง เพราะจริงๆแล้วหลักใหญ ่ในการดำรงพุทธศาสนาที่พระพุทธเจ้าทรงฝากไว้ก็พุทธบริษัท 4 ความสัมพันธ์ดังกล่าวต้องเกื้อกูลกันไม่ใช่แยกจากกัน ความคิดที่ว่าเรื่องของพระชาวบ้านไม่เกี่ยวนั้น ก็เป็นสิ่งที่ผิดไปจากหลักการและจำเป็นที่ชาวบ้านต้องตรวจสอบสงฆ์ สงฆ์ต้องตรวจสอบชาวบ้าน หากไม่มีกระบวนการตรวจสอบดังกล่าวแล้วมันจะพังได้ง่าย ต้องพยุงกันเพื่อหลักความถูกต้อง
"หากเป็นเช่นนี้ก็จะทำให้ชาวบ้านเกิดความเสื่อมในตัวของพระสงฆ์ เนื่องจากรู้ข้อเท็จจริงมากขึ้น เดิมทีชาวบ้านเชื่อว่าพระดีทั้งหมด ทำให้พระอยู่สบายเต็มไปด้วยปัจจัยต่างๆที่มาถวาย โดยหารู้ไม่ว่าอีกด้านหนึ่งนั้นทำให้พระเกิดความประมาท ดังนั้นเมื่อพระทำไม่ดีเราต้องไปตักเตือ นอย่าไปหวังพึ่งพระชั้นผู้ใหญ่เลย เพราะขนาดสมเด็จพระสังฆราชฯทรงมีลายพระหัตถ์ ออกมาตัดสินอย่างชัดเจนแล้ว กลไกต่างๆในทางปฏิบัติตามกลับไม่เคลื่อนไหวเลยแม้แต่น้อย"
การแก้ไขปัญหาในทางสงฆ์นั้น เชื่องช้ามากเพราะมีความพยายามบ่ายเบี่ยงและหาช่องทางที่จะไม่ทำอะไร เมินเฉยแม้กระทั่งลายพระหัตถ์ของสมเด็จพระสังฆราช อยากถามเหลือเกินว่า พระเหล่านี้ไม่มีความเคารพพระสังฆราชเลยหรือไร ทำให้พระองค์ทรงประท้วงด้วยการไม่เข้าร่วม ประชุมมหาเถรฯอยู่นานมากในปี 2542 ที่ผ่านมา ในเมื่อการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ล่าช้าก็เปรียบเสมือนการ เพิ่มพิษร้ายให้ธรรมกายมากขึ้นไป เพราะที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่า เกิดขบวนการใส่ร้ายป้ายสีผู้ที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์แสดงความเห็นในเรื่องของวัดพระธรรมกาย ไม่ว่าจะเป็นพระธรรมปิฎก(ป.อ.ปยุตโต) นายเสฐียรพงษ์ วรรณปก ที่ร้ายไปกว่านั้นยังมีการข่มขู่ด้วยวาจาหรือปาระเบิดอีกด้วยซ้ำ
เมื่อแก้ไขปัญหาในเรื่องนี้ไม่ได้ ก็จะเกิดผลกระทบต่อพระพุทธศาสนาในอนาคตของเมืองไทยเป็นอย่างมาก เพราะคำสอนของวัดพระธรรมกายที่ผิดไปจากพระไตรปิฎกจะเผยแพร่ไป หากพูดให้ชัดก็คือธรรมกาย ไม่ใช่พุทธแท้ต้องเข้าใจพุทธศาสนาด้วยปัญญาไม่ใช่ด้วยความศรัทธาเพียงอย่างเดียว