เดลินิวส์ 11/1/2543
ล็อบบี้'เจ้าคณะ' ช่วยอุ้มไชยบูลย์
เมื่อวันที่ 10 ม.ค. นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยว่า กรณีที่พระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 ได้รับรองรายงานเรื่องการดำเนินการตามกฏนิคหกรรมกับนายไชยบูลย์ สุทธิผล เจ้าลัทธิธรรมกาย และพระเผด็จ ทัตตชีโว รองเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ว่าจบสิ้นไปแล้วตั้งแต่วันที่ 16 ส.ค. 2542 เพื่อนำเสนอต่อที่ประชุมมหาเถรสมาคม (มส.) นั้น ตนได้สั่งการให้นายไพบูลย์ เสียงก้อง อธิบดีกรมการศาสนา ทำบันทึกตั้งข้อสังเกตุการสรุปผลของคณะผู้พิจารณาชั้นต้นว่าน่าจะไม่ถูกต้อง ตนเห็นว่าเป็นการดำเนินการที่ขัดต่อมติมหาเถรฯ
อย่างไรก็ตาม การประชุมมหาเถรฯในวันที่ 10 ม.ค. ไม่มีการนำเรื่องนี้เข้าพิจารณา เนื่องจากสมเด็จพระสังฆราชทรงเสด็จเข้าร่วมประชุมด้วย จึงเกรงจะกระทบเบื้องพระยุคลบาท ประกอบกับ สมเด็จพระมหาธีราจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนกลาง ก็ยังไม่ส่งหนังสือที่พระพรหมโมลีรายงานมาให้
"เชื่อว่าสังคมรับไม่ได้กับสิ่งที่คณะผู้พิจารณาชั้นต้นระบุ ซึ่งจะเป็นจุดหนึ่งที่ทำให้สถาบัน พระพุทธศาสนาสั่นคลอน และกล่าวได้ว่าเป็นกระบวนการที่ทำลายล้างพุทธศาสนา ดังนั้นหลังวันที่ 10 ม.ค. ได้มอบหมายให้นายวิชัย ตันศิริ รมช.ศึกษา และอธิบดีกรมการศาสนา ไปนมัสการหารือเจ้าคณะใหญ่หนกลางอีกครั้ง"
นายวิชัย ตันศิริ กล่าวว่า ในวันที่ 11 ม.ค.นี้ตนจะไปนมัสการสมเด็จ พระมหาธีราจารย์เพื่อหารือเรื่องวัดพระธรรมกาย โดยอาจจะเสนอย้ายเจ้าคณะภาค 1 ในลักษณะเดียวกับการโยกย้ายอธิบดี เพื่อให้มีการเปลี่ยนหัวหน้าคณะผู้พิจารณาชั้นต้น มิฉะนั้นเรื่องก็ติดขัดอยู่อย่างนี้ ทำให้สังคมเคลือบแคลงสงสัย
นายไพบูลย์ เสียงก้อง กล่าวว่า ขณะนี้เจ้าคณะใหญ่หนกลางยังไม่รายงานกรณีที่เจ้าคณะภาค 1 ระบุว่าการดำเนินการตามกฎนิคหกรรมจบสิ้นแล้ว ให้กรมการศาสนาทราบอย่างเป็นทางการ ซึ่งหากได้รับรายงานก็จะพิจารณา 2 ด้านคือ ท่านได้สั่งการให้ดำเนินการด้านใดบ้าง และจะรายงานต่อที่ประชุมมหาเถรฯถึงผลการดำเนินการตามมติที่ผ่านมาว่าเป็นอย่างไร โดยจะนำ เข้าที่ประชุมมหาเถรฯครั้งต่อไปในวันที่ 20 ม.ค. "ส่วนเรื่องการเปลี่ยนหัวคณะผู้พิจารณาชั้นต้นนั้น เป็นอำนาจหน้าที่ของเจ้าคณะใหญ่หนกลางที่จะพิจารณา ส่วนผลจะเป็นอย่างไรก็ต้องผ่านที่ประชุมมหาเถรฯเพื่อให้มีมติสั่งการออกมา หรือเจ้าคณะใหญ่หนกลางจะแจ้งมายังกรมการศาสนาให้นำเรื่องเข้าที่ประชุมมหาเถรฯก็ได้"
ที่สำนักงานอัยการสูงสุด เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 10 ม.ค. นายมัยฤทธิ์ ปิตะวนิค นายเทิดชาติ ศรีนพรัตน์ และน.ส.อมรรัตน์ สุวิพัฒน์ ผู้ต้องหาฐานเป็นผู้สนับสนุนให้เจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณีที่นายไชยบูลย์ยักยอกทรัพย์วัดพระธรรมกายไปกว้านซื้อที่ดินที่ จ.เพชรบูรณ์ ได้เดินทางเข้าพบ นายอำพล เหมาคม อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 5 เพื่อรับฟังการสั่งคดี อย่างไรก็ตาม นายอำพลได้แจ้งให้ กลุ่มผู้ต้องหาทราบว่าทางอัยการยังพิจารณาสำนวนไม่แล้วเสร็จ จึงต้องเลื่อนไปเป็นวันที่ 10 ก.พ. เวลา 10.00 น.
นายอำพล เหมาคม เปิดเผยว่า คณะทำงานอัยการได้มีคำสั่งให้พนักงานสอบสวนสอบพยานหลักฐานเพิ่มเติมหลายประเด็น และพนักงานสอบสวนเพิ่งจะส่งมาให้อัยการเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเอกสารมีจำนวนมาก ต้องใช้เวลาในการพิจารณา ประกอบกับพยานปากสำคัญในคดีนี้ก็ยังไม่มาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน จึงต้องเลื่อนการสั่งคดีออกไป อย่างไรก็ตามยืนยันว่าในวันที่ 10 ก.พ.จะพิจารณาคดีแล้วเสร็จตามกำหนด
สำหรับการนัดสืบพยานโจทย์ นัดแรกในส่วนของคดีที่อัยการได้สั่งฟ้องนายไชยบูลย์และนายถาวร พรหมถาวร สาวกคนสนิทไปแล้ว ทางอัยการจะนำนายเชลียง เทียมสนิท หัวหน้ากลุ่มงานนิติกร กรมการศาสนา เข้าเบิกความเป็นพยานโจทย์ปากแรก ในวันที่ 12 ม.ค. เวลา 09.00 น. ซึ่งมั่นใจว่าฝ่ายโจทย์จะไม่ขอเลื่อน และไม่รู้สึกหนักใจเพราะได้เตรียมพยานบุคคลและพยานเอกสารไว้พร้อมแล้ว
ด้านนายสนธยา โพธิ์แดง ทนายความวัดพระธรรมกาย เปิดเผยว่า ภายในวันที่ 11 ม.ค. ตนจะไปพบพระปริยัติวโรปการ รักษาการเจ้าคณะตำบลคลองหนึ่ง เพื่อหารือแนวทางที่จะแต่งตั้งรักษาการเจ้าอาวาส และจะหารือถึงความเป็นไปได้กรณี ที่จะขอให้ยกเลิกคำสั่งถอดถอนนายไชยบูลย์ออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาส เนื่องจากคณะกรรมการวัดเห็นว่าการที่นายไชยบูลย์ต้องคดีอาญาไม่ได้สร้างความเสียหายแก่คณะสงฆ์ ซึ่งพระปริยัติวโรปการเองก็ยอมรับว่าวัดไม่ได้เสียหาย ทางวัดเห็นว่าการถอดถอนนายไชยบูลย์สร้างความเสียหายให้วัดมากกว่า