เดลินิวส์ 7/1/2543
ทนาย'ธรรมกาย'ยัน'ไชยบูลย์'เมินข้อกล่าวหา
วัดพระธรรมกายแสดงท่าทีไม่เห็นด้วยกับกรณีที่สมเด็จพระมหาธีราจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนกลาง เจ้าอาวาสวัดชนะสงคราม ในฐานะพระผู้ปกครองสูงสุดที่ดูแลวัดพระธรรมกายสั่งให้พระสุเมธาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี เรียกตัวนายไชยบูลย์ สุทธิผล เจ้าลัทธิธรรมกายและพระเผด็จ ทัตตชีโว รองเจ้าอาวาส มารับฟังข้อกล่าวหาตามกฎนิคหกรรม ซึ่งนายมาณพ พลไพรินทร์ ผู้เชี่ยวชาญพิเศษกรมการศาสนาและนายสมพร เทพสิทธิทา ประธานสภายุวพุทธิกสมาคมแห่งชาติยื่นฟ้องเป็นคดีความข้ามปี
เมื่อวันที่ 6 ม.ค.ที่ผ่นมานายสนธยา โพธิ์แดง ทนายความวัดพระธรรมกายกล่าวว่าตนงง ที่เรื่องนี้วกไปวนมาก็มาที่เดิม แต่ยืนยันจะไม่มีใครไปรับฟังข้อกล่าวหาอีกอย่างแน่นอน เพราะธรรมกายเชื่อว่าขบวนการนิคหกรรมได้ยุติลงแล้ว หากผู้กล่าวหาเป็นบุคคลเดิมและข้อกล่าวหาเดิม เนื่องจากไม่มีคุณสมบัติตามกฎนิหคกครรมและการดำนินการตามหลัก ต้องปฏิบัตการแบบลับ ๆ เรียกไปฟังอย่างลับ ๆ แต่ที่ผ่านมากลับดำเนินการอย่างเปิดเผย โจ่งแจ้งให้เกิดความวุ่นวายเป็นข่าวใหญ่โต
"หากจะเริ่มต้นใหม่ก็ได้แต่ต้องเปลี่ยนผู้กล่าวหาก่อน หากสมเด็จวัดชนะฯเป็นผู้กล่าวหาเองวัดจะปฏิบัติตาม เชื่อว่าไท่านไม่ยอมรับเป็นผู้กล่าวหา เพราะตัวท่านทราบดีว่าข้อกล่าวหาเป็นเท็จ และหากจะยืนยัน ให้ปฏิบัติตามคำสั่งไม่ชอบธรรม ก็ขอให้ประกาศออกมาเลยจะเล่นกันนอกกฎหมาย"
นายสนธยากล่าวอีกว่าล่าสุดเมื่อเร็ว ๆ นี้นายมานพ ติดต่อขอขมาที่ยื่นฟ้องตามกฎนิคหกรรม แต่วัดบอกให้นายมาณพไปขอขมาพระประธานและสาธุชนเองถ้ายกโทษให้ก็ไม่เป็นไร เรื่องนี้ที่ไม่จบสักทีเพรสะสื่อมวลชนไม่เลิกรา ต้องการให้จับคนถอดผ้าเหลืองหรือให้หนีไปต่างประเทศ
สำหรับการแต่งตั้งรักษาการณ์เจ้าอาวาสในวันที่ 9 ม.ค.นี้ นายสนธยาจะเดินทางไปกราบนมัสการพระ ปริยัติวโรปการ รักษาการณ์เจ้าคณะตำบลคลอง 1 เพื่อหารือเรื่องนี้
ส่วนที่มีข่าววัดมีตู้เซฟเก็บเงิน และของมีค่ามากมายนั้นนายสนธยากล่าวว่าเงินบริจาค จะมีเจ้าหน้าที่ดำเนินการจัดการอยู่ และต้องเก็บรักษาไว้โดยวันรุ่งขึ้นส่งเข้าธนาคาร ถ้าไม่ทันก็เก็บไว้ก่อน เพราะในอดีตเคยเกิดเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่แบงก์มารับเงินแล้วโกงไปจำนวนมาก
ด้านมาณพเปิดเผยว่าเรื่องที่นายสนธยาพูดว่าตนจะไปขอขมาไร้สาระ และใครไปขอขมาใคร รายงานข่าวจากพนักงานสอบสวนคดีธรรมกายเปิดเผยว่าในวันที่ 10 ม.ค.นี้พนักงานอัยการจะพิจารณาข้อกล่าวหานายมัยฤทธิ์ ปิตวนิค ที่ถูกพนักงานสอบสวนฟ้องร่วมกับนายไชยบูลย์ในคดีอาญา โดยถ้าพนักงานอัยการสั่งฟ้องก็จะนำตัวไปที่ศาลเพื่อพิจารณาให้หรือไม่ให้ประกัน
จากนั้นในวันที่ 11 ม.ค.พล.ต.ท.ล้วน ปานรศทิพ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ในฐานะหัวหน้าทีมสอบสวนคนใหม่ จะเรียกประชุมพนักงานสอบสวนหลังจากที่นำข้อมูลเอกสารไปศึกษาแล้ว
ขั้นตอนต่อไปสำหรับคดีธรรมกายก็คืออัยการ คงรอให้คดีที่พนักงานสอบสวนสรุปหลักฐานและตั้งข้อกล่าวหาไปแล้ว 5 คดีเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของศาล โดยอัยการสั่งฟ้องแล้ว 2 คดีซึ่งคดีที่รับฟ้องนั้นศาลสั่งสืบพยานนัดแรกในวันที่ 12 ม.ค. และจะสืบพยานทุกพุธเต็มวัน เพื่อให้การดำเนินคดีมีประสิทธิภาพ และนัดแรกนี้จะเป็นการสืบพยานโจทก์ และนายไชยบูลย์พร้อมกับผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมดต้องไปฟังการสืบพยานด้วย
ส่วนคดีอื่น ๆ หน้าที่ของพนักงานสอบสวนคือเก็บรวบรวมหลักฐานเพิ่ม โดยมีการแยกทีมงานไปหลายด้าน อาทิทำเรื่องการฟอกเงิน,การบุกรุกพื้นที่ป่า และการฉ้อฉลหลอกหลวงประชาชน