เดลินิวส์ 31/12/2542
ธรรมกายแก้ไขอืด ก.ม.มีช่อง
"สมศักดิ์"ระบุปัญหา"ธรรมกาย"แก้ไขช้า เพราะรัฐมนตรีรับผิดชอบคนเดิมไม่กล้าตัดสินใจซ้ำกฎหมายมีช่องว่างเพียบ "หลวงพ่อปัญญา" เตือนสติสาวกธรรมกาย โง่แล้วยอมรับจะดีขึ้น ถ้าโง่งมงายแล้วอวดฉลาดจะแย่หนักเข้าไปอีก แนะพระสังฆาธิการต้องประมาณตน อย่าเอาความเชื่อประชาชนไปสร้างประโยชน์ ชี้พระเก๊ควรปลดระวางตนเอง ให้โอกาสพระหนุ่มทำงานขั้นตอนศาลสงฆ์จะได้รวดเร็วขึ้น เผยวัด ต่างจังหวัดเงินสะพัด ไล่ถวายวัดละ 1-2 หมื่น เงื่อนไขเหมือนเดิมให้มาร่วมงานวัดธรรมกาย คราวนี้มีแคมเปญเที่ยวเกาะเสม็ดฟรีด้วย
นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยถึงการดำเนินการแก้ปัญหากรณีวัดพระธรรมกายว่า หลังจากเข้ามารับหน้าที่ราว 2 เดือนเศษนั้นถือว่าคดีทางโลกมีความคืบหน้าอย่างมาก ขณะที่คดีทางสงฆ์ที่ต้องดำเนินการตามกระบวนการนิคหกรรมนั้น ยังไม่ได้เดินหน้าไปแต่อย่างใด ที่ผ่านมาทุกวันนี้เป็นเพียงการรับเรื่องราวข้อกล่าวหาของฆราวาสที่มีต่อสงฆ์เท่านั้น และเมื่อสมเด็จพระมหาธีราจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนกลาง สั่งการอย่างไรในเรื่องนี้ก็คงจะมีการนำเข้ากระบวนการนิคหกรรมอย่างจริงจัง
การดำเนินการแก้ไขปัญหาวัดพระธรรมกายนั้น ยอมรับว่าเป็นการดำเนินการที่ช้ามาก ในช่วงที่ดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการนั้น ได้ศึกษาและดูแนวทาง การทำงานของรัฐมนตรีที่รับผิดชอบงานกรมการศาสนาแล้วเห็นว่าไม่มีความคืบหน้า ไม่กล้าที่จะตัดสินใจดำเนินการ ทำให้สังคมเกิดความสับสน เมื่อเข้ามารับตำแหน่งจึงต้องเร่งดำเนินการแก้ไขเพื่อให้สังคมทราบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น
"ปัญหานี้ต้องยอมรับว่าละเอียดอ่อน คงต้องใช้เวลาพอสมควร แต่รับรองว่าจะไม่ช้าเหมือนที่ผ่านมาอย่างแน่นอน 1 ปีแทบไม่มีความคืบหน้า แต่ 2 เดือนที่ผมเข้ามารับตำแหน่งทุกอย่างชัดเจนขึ้น ผมว่าไม่น่าจะเกิน 3 เดือนปัญหานี้จะต้องสำเร็จเสร็จสิ้น"
นายสมศักดิ์กล่าวต่อไปว่า ปัญหาความล่าช้านั้นไม่ใช่แต่รัฐมนตรีที่รับผิดชอบไม่กล้าตัดสินใจ แต่กฎหมายเปิดช่องว่างจนเป็นอุปสรรค มากมาย จึงได้มอบหมายให้นายไพบูลย์ เสียงก้อง อธิบดีกรมการศาสนาเป็นประธานคณะทำงานแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย เพื่อให้กระบวนการตัดสินความผิดของสงฆ์สะดวกและเร็วขึ้น
ด้านพระธรรมโกศาจารย์ หรือหลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ เจ้าคณะภาค 18 และเจ้าอาวาส วัดชลประทานรังสฤษฏ์ กล่าวถึงกรณีปัญหา วัดพระธรรมกายว่า พระพุทธศาสนาไม่ได้กระทบ แต่มีผลกระทบต่อสังคมส่วนใหญ่ที่มีความเป็นอยู่ไม่ถูกต้อง ไปกระทบต่อสังคมที่ถูกต้อง กระทบคนที่เลื่อมใสที่เขาเห็นว่าพระเขาไม่ผิด และคนที่ไม่เลื่อมใสก็รู้สึกว่าทำกันอย่างนี้ได้อย่างไร ส่วนที่ทางวัดมักอ้างว่าคนเข้าวัดพระธรรมกายเป็นผู้มีการศึกษาสูงนั้น เรื่องนี้การเรียนสูงไม่ใช่เป็น เครื่องวินิจฉัย คนเรียนสูงเป็นดอกเตอร์ยังปัญญา อ่อนก็เยอะ เป็นดอกเตอร์ยังฆ่าตัวตายแสดงว่าปัญญาอ่อน การเข้าวัดต้องเอาปัญญาไปด้วย ความรู้สูงไม่ได้ช่วยอะไร ต้องเรียนธรรมะ ไม่ใช่งมงายหลงเชื่อคนที่มีกลอุบายมาจูงจมูกไปได้ง่าย ๆ
ต่อกรณีการต้องอธิกรณ์ที่เกิดขึ้นใช้เวลานานในการระงับสะสางนั้น พระธรรมโกศาจารย์กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องใช้เวลาพิจารณาอย่างรอบคอบ การลงโทษพระด้วยการสึกเท่ากับประหารชีวิต ฉะนั้นต้องให้เวลาบ้าง พระเถระไม่เหมือนทางโลก ศาลทางโลกมีเวลาทำงานขึ้นบัลลังก์กันเป็นเวลา แต่พระไม่มีบัลลังก์ พอเสร็จกิจแล้วก็มานั่งคิดพิจารณากัน แต่ก็ยอมรับว่าพระผู้ใหญ่เชื่องช้า พระสังฆาธิการอยู่มาจนแก่ก็เลยล่าช้าต้องมีการสับเปลี่ยนบ้าง องค์ไหนแก่มากไปก็เปลี่ยนบ้าง เอาพระหนุ่มที่มีไฟแรงเข้ามาทำหน้าที่ จะได้เป็นขั้นตอนและรวดเร็วขึ้น
"พระสงฆ์องคเจ้าเองก็ต้องรู้จักประมาณไม่ควรเอาความเชื่อของประชาชนไปใช้ในทางที่ไม่ควร เพราะคนที่มีความเชื่อแบบหลับหูหลับตานั้นจูงไปไหน ให้ทำอะไรก็ได้ เพราะมีความเชื่อแบบงมงาย เชื่อโดยไม่มีปัญญานำ ธรรมในพุทธศาสนานั้นถ้ามีความเชื่ออยู่ในที่ใด มีศรัทธา ต้องมีปัญญากำกับด้วย ศรัทธานำหน้า ปัญญาอยู่ท้าย เพื่อเป็นเครื่องเตือนจิตสะกิดใจ ทำด้วยปัญญาจะไม่เดือดร้อนใจทีหลัง หรือทำบุญแล้วเกิดความแตกแยกแตกร้าวในครอบครัว ต้องถือปัญหาของครอบครัวสำคัญกว่าปัญหาใด ๆ ถ้าเราเป็นคนเชื่อคนง่ายเราก็จะเจอปัญหา เดี๋ยวนี้นักโฆษณาเก่ง ๆ มีเยอะ สามารถพูดให้คนเคลิ้มหลง ควักกระเป๋าให้ไปไม่รู้ตัวว่าเท่าไร กลับมาบ้านจึงรู้ นึกเสียใจว่าทำมากเกินไป อย่างงี้เขาเรียกขาดสติ-ปัญญาทำโดยไม่ตรองเห่อตามเพื่อน ไม่ถูกต้อง"
ต่อข้อถามที่ว่าการที่จะยอมรับว่าสิ่งที่ตนเองเชื่อถือมานั้นไม่ถูกต้องเป็นการยอมรับว่าตนเองโง่ แล้วใครจะยอมรับ พระธรรมโกศาจารย์กล่าวว่า ถ้ายอมรับว่าโง่แล้วมันดีขึ้น แต่ถ้าโง่แล้วนึกว่าฉลาดนั้นมันจะแย่เข้าไปอีก เพราะฉะนั้นเมื่อรู้ว่าตัวเองเลื่อมใสศรัทธาแล้วมาพบภายหลังว่าพระที่ตนเคารพนับถือนั้นทำไม่ถูกต้อง ก็ถอนตัวออกมาเสีย เหมือนเรือที่กำลังจะจมก็ต้องรีบกระโดดขึ้นฝั่งในทันที
พระธรรมโกศาจารย์กล่าวอีกว่า ปีใหม่แล้วต้องเปลี่ยนชีวิตจิตใจให้เป็นไทย อย่าเป็นไทยแบบทาส อย่าเป็นชาวพุทธบริษัทแบบงมงายไร้ปัญญา แต่จงเป็นไทยให้สมชื่อ เป็นมนุษย์ให้สมชื่อ เป็นพุทธบริษัทให้สม ความเป็นพุทธบริษัท ก็จะมีความสุขด้วยตนเอง แล้วจงคิดถึงชาติประเทศให้มาก แล้วทำกิจการงานเพื่อชาติ ขอให้เริ่มทำความดีทุกวินาทีของชีวิต เมื่อเรารู้สึกตัวว่าทำสิ่งใดที่ผิดก็กลับตัวเสีย เหมือนขับรถมาผิดทางก็ต้องเลี้ยวกลับ อย่าขับต่อไปให้เปลืองน้ำมันแล้วก็ไม่ถึงจุดหมาย
สำหรับชาวพุทธควรจะรู้เรื่องพระพุทธศาสนาให้ถูกต้อง เป็นผู้ตื่นไม่หลับไหลมัวเมา เป็นผู้เบิกบานแจ่มใสในความถูกต้อง เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน และพระก็ต้องนำคนให้ถูกทาง สอนให้ถูกตรง อย่าสอนเพื่อลาภสักการะ อย่าสอนเอาใจคน แต่สอนตรงตามคำสอนของพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าว่าอย่างไร ว่าอย่างนั้นไม่ใช่บิดเบี้ยว เดี๋ยวนี้บิดเบี้ยวกันเยอะ ต้องช่วยกันแก้ไข ผู้ใหญ่ต้องแก้ไขสอนให้ญาติโยมฉลาดไม่ใช่งมงาย
พระธรรมโกษาจารย์ยังกล่าวถึงปัญหาในพุทธศาสนาช่วง 1 ปีที่ผ่านมาว่า รอบปีที่ผ่านมา สถานการณ์พระพุทธศาสนาเรียบร้อย ไม่มีอะไรเสียหาย แต่คนที่นับถือพระพุทธศาสนาไม่ค่อยจะเรียบร้อย มีความประพฤติไม่ถูกต้องบ้าง มีความคิดความเห็นไม่ถูกตรงบ้าง ใช้ธรรม ศาสนาเป็นเครื่องหาลาภหาผลให้ตนเอง
รายงานข่าวแจ้งว่า ขณะนี้ได้มีกลุ่มบุคคลตระเวนไปตามวัดต่าง ๆ ในจังหวัดทางภาคเหนือ ติดต่อขอให้ทางวัดช่วยจัดคนและพระภิกษุ-สามเณร ไปร่วมกิจกรรมที่วัดพระธรรมกาย ในวันที่ 31 ธ.ค. โดยจะมีการถวายเงินให้วัดละ 1 หมื่นบาท และรับปากว่าหลังเสร็จกิจกรรมที่วัดพระธรรมกายแล้ว ในวันที่ 1 ม.ค. 2543 จะพาคณะไปเที่ยวที่เกาะเสม็ด จ.ระยองด้วย ทั้งนี้ มีหลายวัดตอบตกลง แม้ทราบว่าอาจจะถูกนำไปอ้างว่าเป็นพลังของวัดพระธรรมกาย แต่ส่วนใหญ่อยากมาดูวัดพระธรรมกายที่กำลังตกเป็นข่าวใหญ่ และอยากมาเที่ยว
แหล่งข่าวซึ่งเคยเลื่อมใสวัดพระธรรมกายแต่ถอนตัวออกมาแล้ว เปิดเผยว่า ได้ข่าวว่าทางวัดได้ประกาศว่าจะนำพระภิกษุมาร่วมงานในวันส่งท้ายปี 2543 จำนวน 10,000 รูป จาก 2,000 วัดทั่วประเทศ โดยมีการถวายเงินให้ 20,000 บาทต่อวัด ซึ่งอยากบอกไปยังพระทุกรูปที่ถูกชักชวนว่า ถ้าย่างขาเข้ามาที่วัดนี้เมื่อไหร่ก็มีโอกาสต้องปาราชิกสูง ซึ่งตนอยากจะรู้นักว่าทางวัดเอาเงินมหาศาลขนาดนั้นมาจากไหน
พ.อ. (พิเศษ) ทองขาว พ่วงรอดพันธุ์ แกนนำชาวพุทธ 224 องค์กร กล่าวว่า ได้พูดคุยกับเจ้าอาวาสวัดหลาย ๆ วัดและสอบถามว่าเคยไปวัดพระธรรมกายหรือไม่ บางส่วนตอบว่าเคย เมื่อถามว่ารู้หรือไม่ว่าวัดนี้สอนผิดเพี้ยน พระหลายรูป ตอบว่าที่ไปไม่ใช่ศรัทธา แต่ไปเพื่อเอาเงิน ทางวัดจะได้หมดเงินเร็ว ๆ อย่างไรก็ตาม ตนได้บอกว่าคิดเช่นนั้นไม่ถูกต้อง เพราะเมื่อเงินหมดเขาก็ไปหาวิธีดูดเงินเข้ามาอีก จึงควรเลิกสนับสนุนวัดนี้เสียที.