เดลินิวส์ 22/12/2542
ธรรมกายยื้อส่งชื่อ เจ้าอาวาสคนใหม่
ศิษย์ธรรมกายอ้างเหตุไม่ส่งชื่อรักษาการเจ้าอาวาสให้เจ้าคณะตำบล เผยมีคณะกรรมการบริหารวัด แถม"ทัตตชีโว"ก็คอยดูแลอยู่ ไม่จำเป็นต้องเร่ง รอหลังงานใหญ่"ขึ้นปีใหม่"เสร็จก่อนค่อยว่ากัน ตำรวจคลำเป้าเรื่องเครื่องราชฯใกล้จุด พบเอกสารหลักฐานผิดสังเกตเพียบ เตรียมชงเรื่อง "ล้วน ปานรสทิพ"ชำแหละต่อ มจร.ต้านแนวคิดเปลี่ยนพุทธมณฑลเป็นวัด หลังรู้ตัวคนเสนอเป็นศิษย์ธรรมกาย หวั่นลอก แบบบริหารวัดแนว"ไชยบูลย์"เป็นแม่แบบ ยกกรณีตัวอย่างวัดพระศรีมหาธาตุให้ศึกษา ระบุคนคิดโครงสร้างนี้น่ามีเจตนาอื่นแอบแฝง ยืนยันมหา"ลัยสงฆ์แห่งโลกไม่จำเป็นต้องมีในไทยอีก เปลืองงบประมาณ ปัญหายุ่งยากตามมาเพียบ
หลังจากที่พระปริยัติวโรปการ รักษาการเจ้าคณะตำบลคลองหนึ่ง มีหนังสือลงวันที่ 8 ธันวาคม 2542 สั่งพักตำแหน่างนายไชยบูลย์ สุทธิผล เจ้าลัทธิธรรมกาย ตามกฎมหาเถรสมาคมฉบับที่ 24 ข้อ 56 ไปแล้ว และให้ทางวัดพระธรรมกายเสนอชื่อรักษาเจ้าอาวาสมาให้ภายใน 7 วันนั้น
นายวิระศักดิ์ ฮาดดา หัวหน้าสำนักงานมูลนิธิธรรมกายเปิดเผยว่า ทางวัดพระธรรมกายจะยังไม่เสนอชื่อ รักษาการเจ้าอาวาสรูปใหม่ จนกว่าจะผ่านพ้นพิธีงานบุญใหญ่วันขึ้นปีใหม่ โดยให้เหตุผลว่าไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน และหากพระปริยัติวโรปการเห็นว่าการที่วัดไม่มีเจ้าอาวาสจะทำให้กิจกรรมของวัดสะดุดนั้น ไม่น่าจะเป็นปัญหา เพราะวัดดำเนินงานโดยอาศัยคณะกรรมการวัดที่ได้รับมอบหมาย มาตั้งแต่นายไชยบูลย์เข้ารับการรักษาแล้ว รวมทั้งการเบิกจ่ายเงินของวัดก็เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการวัดเช่นกัน
นายวิระศักดิ์กล่าวว่า ไม่จำเป็นต้องเร่งรัดเรื่องนี้ โครงการต่างๆของปีหน้าก็มีการเตรียมการไว้หมดแล้ว ขณะเดียวกันวัดก็กำลังดูอยู่ว่าพระทัตตชีโวต้องอธิกรณ์หรือไม่ โดยรอความชัดเจนของคณะทำงาน ที่กรมการศาสนาที่ตั้งขึ้นมาก่อน ซึ่งมีนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานวุฒิสภาร่วมอยู่ด้วย ดังนั้นจึงยังไม่มีความแน่นอนว่าจะสามารถรับตำแหน่งรักษาการณ์เจ้าอาวาสได้หรือไม่ หากผลสรุปออกมาว่าต้องดำเนินการตามกฎนิคหกรรม ทุกคนก้ต้องยอมรับกฎนิคหกรรมและกฎมหาเถรฯ เพราะทุกคนอยู่ใต้กฎหมาย
ต่อข้อถามที่ว่า พระปริยัติวโรปการ แสดงความเห็นว่า พระสุวิทย์ วิเชสโก ผู้ช่วยเจ้า อาวาสมีความ เหมาะสมที่จะเข้ามารับตำแหน่งรักษาการเจ้าอาวาสนั้น นายวิระศักดิ์กล่าวว่า ผู้ที่เหมาะ สมนั้น มีจำนวนมาก ซึ่งพระสุวิทย์ก็จบเปรียญ 9 ประโยค เก่งด้านปริยัติ แต่ก็ต้องมองในแง่ของการทำงาน เพราะผู้ที่จะเข้ามารับตำแหน่งต้องทำให้เกิดความสามัคคีด้วย
ในวันเดียวกัน ที่รัฐสภา นายอำนวย สุวรรณคีรี ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานที่ปรึกษา คณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรมกล่าวว่า ในการประชุมคณะกมธ.วันที่ 22 ธ.ค.นั้น จะได้ติดตามประเด็นการแก้ไขปัญหาของวัดพระธรรมกาย โดยจะหยิบยกประเด็นที่พล.ต.ท.วาสนา เพิ่มลาภ อดีตหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนเคยไปพูดที่สโมสรโรตารี่ว่า วัดมีเงินถึงกว่า 30,000 ล้านบาทแบะมีการโอนเงินให้แม่ม่ายคนหนึ่ง 500 ล้านบาท รวมทั้งบุตรของแม่ม่ายรายดังกล่าวนี้อีกกว่า 100 ล้านบาท และกรณีของ ดร.เบญจ์ บาระกุล ในส่วนของการติดตามจับกุมตัวหลังจากที่มีการออกหมายจับไปแล้ว อย่างไรก็ตามหลังจากนี้ไปแล้วก็จะมีการเชิญพล.ต.ท.ล้วน ปานรสทิพ ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนชุดใหม่มาแลกเปลี่ยนข้อมูลด้วย
ขณะเดียวกันมีรายงานข่าวแจ้งถึงความคืบหน้าในการสอบสวน กรณีของพระราชเครื่องราชอิสริยาภรณ์ของ ผู้ที่บริจาคเงินให้กับวัดพระธรรมกายด้วยว่า ล่าสุดการสอบสวนมีความคืบหน้าไปแล้วกว่า 80% จากการตรวจสอบพบว่าในจำนวนผู้ที่ยื่นเรื่องของเครื่องราชฯนั้นมีอยู่ 3 รายที่มีการใช้เอกสารผิดปกติ คือหลักฐานที่เป็นเช็คเงินสดนั้นต่างธนาคารและต่างสาขากัน ทำให้ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นบุคคลเดียวกัน อย่างไรก็ตามเอกสารต่างๆได้รับการยืนยันว่าเป็นหลักฐานของวัดพระธรรมกาย คาดว่าจะไม่มีการบริจาคจริงตามจำนวนเงินที่ยื่นขอรับเครื่องราชฯ และอาจไม่ได้มีการนำเงินเข้าวัดด้วย รวมทั้งเป็นไปได้ว่าเอกสารนั้นมีการปลอมแปลงขึ้นมา โดยพนักงานสอบสวนได้เตรียมที่จะสรุป รายงานเสนอต่อพล.ต.ท.ล้วนเพื่อพิจารณาต่อไปแล้ว
ส่วนที่กระทรวงศึกษาธิการมีรายงานข่าวแจ้งว่า ขณะนี้มีผู้บริหารระดับสูงของกรมการศาสนาจะเสนอ โครงการเปลี่ยนฐานะของพุทธมณฑลให้เป็นวัดแห่งหนึ่ง โดยให้เหตุผลว่าเพื่อเป็นสถานที่ประธานพิธีกรรมต่างๆ เกี่ยวกับพระพุทธศาสนาได้มากขึ้น เพราะหากยังเป็นพุทธมณฑลอยู่ก็ไม่สามารถทำเป็นวสุงคามสีมาได้ ซึ่งโครงการนี้ได้เสนอให้มหาเถรฯพิจารณาเมื่อเร็วๆนี้ แต่มหาเถรฯให้กลับไปศึกษาข้อกฎหมายก่อน เพราะที่ดินกว่า 2,500 ไร่นั้นเป็นที่ราชพัสดุ มีกรมธนารักษ์เป็นเจ้าของโดยได้เงินจากการบริจาคของประชาชนมาจัดซื้อ
"หลายคนมองว่าโครงการนี้ไม่ชอบมาพากล น่าจะมีเจตนาอื่นแอบแฝงอยู่เบื้องหลัง เพราะหากมีการ เปลี่ยนแปลงตามข้อเสนอจริงพุทธมณฑลก็จะกลายเป็นสมบัติของวัดไม่ใช่ของประชาชน อาจจะส่งผลให้ถูกต่อต้าน และสร้างความไม่พอใจให้กับประชาชนได้ เนื่องจากสถานที่ดังกล่าวเป็นที่ประกอบ พิธีกรรมทางศาสนาในวันสำคัญต่างๆของพระบรมวงศานุวงศ์"
รายงานข่าวระบุว่า ผู้ที่เสนอโครงการนี้เป็นศิษย์คนสำคัญคนหนึ่งขอวัดพระธรรมกาย อาจนำแนวคิดการบริหารงานแบบวัดดังกล่าวมาใช้ บุคคลนี้เคยไปร่วมในการประชุมพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลกมาแล้ว ซึ่งที่ประชุมต้องการให้สถานที่ดังกล่าวเป็นมหาวิทยาลัยพุทธศาสนาแห่งโลก บุคคลนี้จึงเสนอให้ใช้ที่ดินส่วนนี้ แต่เมื่อกลับมาทำเรื่องนี้กลับเสนอโครงการนี้เข้ามา โดยพยายามผลักดันให้เรื่องนี้เข้าที่ประชุมครม.ด้วย แต่ถูกรัฐ มนตรีหลายคนโต้แย้งดึงเรื่องออก เพราะเห็นว่าไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ประเทศในปัจจุบัน ที่กำลังประสบปัญหาด้านเศรษฐกิจ เพราะโครงการนี้ต้องใช้เงินจำนวนมหาศาล จึงให้ชะลอไว้ก่อน
รายงานข่าวตั้งข้อสังเกตว่า หากตั้งมหาวิทยาลัยในพื้นที่นี้ไม่ได้เอื้อคณะสงฆ์ไทยโดยตรง เนื่องจากพสล.เองนั้น มีสมาชิกหลายนิกายทั้งมหายานและเถรวาท ประกอบกับพื้นที่ดังกล่าวเป็นรัฐ แต่พสล.เป็นองค์กรเอกชน การดำเนินการใดๆจึงต้องพิจารณาให้รอบคอบ โดยขณะนี้ทางมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย (มจร.)ได้คัดค้านเรื่องนี้อยู่ เพราะเกรงว่าจะซ้ำซ้อนกับมหาวิทยาลัยสงฆ์ในประเทศที่มีอยู่แล้ว
พระมหาบุญถึง ชุตินธฺโร ผู้ช่วยอธิการบดีมจร.กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยกับการโครงการนี้ เพราะจะมีปัญหายุ่งยากเกิดขึ้น พุทธมณฑลเป็นของส่วนรวมหากตั้งเป็นวัดก็จะต้องนิมนต์พระสงฆ์ทั้ง 2 นิกายเข้าจำพรรษา อาจเกิดความ ขัดแย้งเหมือนเคยเกิดที่วัดพระศรีมหาธาตุในอดีต ส่วนการจะสร้างมหาวิทยาลัยสงฆ์ก็ต้องใช้งบประ มาณมาก รัฐบาลน่าจะนำงบมาสนับสนุนมหาวิทยาลัยสงฆที่มีอยู่แล้ว 2 แห่งคือมจร.และมหาวิทยาลัยมหามกุฎราชวิทยาลัยให้แข็งแกร่งมากกว่า
ด้านพระศรีปริยัติโมฬี รองอธิการบดีฝ่ายกิจการต่างประเทศมจร.กล่าวว่า ควรตระหนักถึงเป้าหมาย ในการก่อสร้างพุทธมณฑลตั้งแต่เริ่มต้นด้วยว่ามีจุดประสงค์ให้เป็นศูนย์รวม หรือสำนักงานบริหาร กลางของคณะสงฆ์ สิ่งที่ควรเร่งรัดขณะนี้คือการย้ายมหาเถรฯมาอยู่ที่พุทธมณฑลมากกว่า สำหรับเรื่องการ จะสร้างมหาวิทยาลัยสงฆ์ผู้ที่คิดจะตั้งต้องตอบให้ได้ว่าตั้งแล้วจะมีประโยชน์กับประเทศชาติแค่ไหน ในฐานะที่เป็นผู้บริหารมหาวิทยา ลัยสงฆ์ผู้หนึ่ง ทราบดีว่าหากสร้างจริงจะมีปัญหามากกว่าประโยชน์