เดลินิวส์ 21/12/2542
'ธรรมกาย'ไม่กล้าเสนอชื่อเจ้าอาวาสคนใหม่
เผยวัดพระธรรมกายไล่ฟ้องเขาไปทั่วจนมัดคอตัวเอง ไม่กล้าเสนอชื่อรักษาการเจ้าอาวาส กลัวกลืนนํ้าลายต้องศิโรราบมติมหาเถรฯแถมมีสิทธิ์ซวยเจอข้อหาฟ้องเท็จ "พระปริยัติวโรปการ-พระสุเมธาภรณ์" ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ โอกาสเจอฟ้องกลับ-ถูกแจ้งจับหมิ่นประมาทมีสูง "สมศักดิ์" ระบุสัปดาห์หน้าเริ่มกระบวนการ นิคหกรรมกับ "ไชยบูลย์-พระเผด็จ" ได้ ด้าน "จรวย หนูคง" ชี้เจ้าคณะภาค 1 เป็นต้นเหตุทำให้ กระบวนการทุกอย่างล่าช้า
พระปริยัติวโรปการ รักษาการเจ้าคณะตำบลคลองหนึ่ง เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีปัญหาวัดพระธรรมกาย โดยเฉพาะเรื่องการแต่งตั้งรักษาการเจ้าอาวาสแทนนายไชยบูลย์ สุทธิผล เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.ว่า ทางวัดพระธรรมกายยังไม่ได้เสนอชื่อมา แม้ว่าจะได้ส่งตัวแทนคือพระภานุมาศและพระสานิตมาหารือเมื่อค่ำวันที่ 16 ธ.ค.
ทั้งนี้ คิดว่าทางวัดคงต้องรอบคอบเพราะมีมติมหาเถรสมาคม (มส.) ออกมาแล้วว่าให้ดำเนินการกับ นายไชยบูลย์ตามกฎนิคหกรรม ดังนั้นหากทางวัดดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งอันเป็นการยอมรับกฎนิคหกรรม ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ปฏิเสธมาตลอด อีกทั้งยังฟ้องร้องอาตมาและพระสุเมธาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ก็เท่ากับวัดพระธรรมกายผูกมัดตัวเอง ต้องมีความผิด เพราะฟ้องเท็จ
อย่างไรก็ตาม แม้กฎมหาเถรฯจะไม่ได้กำหนดเรื่องการเสนอชื่อรักษาการเจ้าอาวาส แต่ก็ต้องเสนอโดยเร็วที่สุด เพราะตั้งแต่วันที่ 8 ธ.ค.เป็นต้นมานายไชยบูลย์ไม่มีอำนาจลงนามนิติกรรมต่างๆแล้ว ในส่วนของพระเผด็จ ทัตตชีโว รองเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ที่นายไชยบูลย์เคยมอบหมายให้รักษาการ ก็หมดหน้าที่ไปแล้วตั้งแต่นายไชยบูลย์หายป่วยและเดินทางกลับวัด ขณะนี้พระเผด็จสามารถลงนามได้เฉพาะหนังสือธรรมดาเท่านั้น ไม่สามารถทำนิติกรรมใดๆได้ แต่เท่าที่ทราบทางวัดพระธรรมกายได้เตรียมการเรื่องนี้ไว้แล้ว โดยในเรื่องการเบิกจ่ายเงินของวัดก็ให้ไวยาวัจกรกับกรรมการวัดดำเนินการแทน
"ส่วนตัวอาตมาเห็นว่าพระสุวิทย์ วิเชสโก มีความเหมาะสม ที่จะรักษาการ เพราะมีความรู้จบเปรียญ 9 ประโยค มีปฏิปทาเรียบร้อย และมีพรรษาเหมาะสมคือบวชมา 17 พรรษาแล้ว ซึ่งก็ได้แนะนำพระภานุมาศไปด้วยว่าหากตั้งพระทัตตชีโวเป็นรักษาการอีกก็จะอยู่ในวงเวียนเดิม ควรจะตั้งรูปอื่นดีกว่า"
รายงานข่าวแจ้งว่า กรณีที่วัดพระธรรมกาย ฟ้องพระปริยัติวโรปการและพระสุเมธาภรณ์เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบนั้น หากทางวัดดำเนินการใดๆอันเป็นการยอมรับคำสั่งของพระผู้ปกครองและมติมหาเถรฯ และศาลตัดสินว่าการดำเนินการของพระปกครองทั้ง 2 รูปเป็นไปอย่างถูกต้อง พระปริยัติวโรปการและพระสุเมธาภรณ์สามารถจะดำเนินการฟ้องกลับ หรือแจ้งความหมิ่นประมาทได้
นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังเรียกนายอุดม สุขสุวรรณ รองอธิบดีกรมการศาสนา เข้าหารือว่า ได้เรียกนายอุดมมาหารือเกี่ยวกับการดำเนินการกับนายไชยบูลย์ตามกฎนิคหกรรม ตามที่ที่ประชุมมหาเถรฯเมื่อวันที่ 17 ธ.ค. ให้กรมการศาสนาประสานกับผู้เชี่ยวชาญทางด้านกฎหมายคือ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานวุฒิสภา และนายจรวย หนูคง ที่ปรึกษา รมว.ศึกษาฯ รับรองเอกสารการประชุมมหาเถรฯวันที่ 19 ต.ค. ที่มีการระบุว่า ฆราวาสกล่าวหาพระสงฆ์ได้ และคำว่าการดำเนินการที่ไม่สอดคล้องตามกฎนิคหกรรม แท้จริงคือตามขั้นตอนใด
ขณะนี้กรมการศาสนาได้บันทึกรายละเอียดเรื่องนี้เสร็จแล้ว นายจรวยจะได้ลงนามรับรองในวันที่ 20 ธ.ค.นี้ จากนั้นเหลือเพียงส่งให้นายมีชัยเซ็นรับรอง ซึ่งจะพยายามดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในสัปดาห์นี้ ในสัปดาห์หน้าการดำเนินการตามกฎนิคหกรรมกับนายไชยบูลย์จะได้เริ่มได้ หลังจากที่กรมการศาสนานำบันทึกที่ผ่านการรับรองนี้ถวายสมเด็จพระมหาธีราจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนกลาง พิจารณาสั่งการตามอำนาจหน้าที่
รมว.ศึกษาฯกล่าวอีกว่า ในบันทึกรายละเอียดนั้น เท่าที่ดูคร่าวๆคำว่าไม่สอดคล้องตามกฎนิคหกรรมคือ กรณีที่คณะผู้พิจารณายังไม่ได้ดำเนินการตามกฎและขั้นตอนที่วางไว้ ซึ่งจะต้องดำเนินการใหม่ในขั้นตอนนี้คือ นำเรื่องเข้าสู่การไต่สวนของคณะผู้พิจารณาโดยไม่ต้องเรียกผู้ถูกกล่าวหามารับฟังข้อกล่าวหาอีก และตนมั่นใจว่าครั้งนี้พระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 คงจะไม่มีการตีความอีก เพราะก่อนหน้านี้บอกว่ายังไม่มั่นใจกับคำว่าไม่สอดคล้องเท่านั้น ทุกอย่างน่าจะได้ข้อยุติและเร่งเข้าสู่กระบวนการไต่สวนเพื่อให้พ้นความเคลือบแคลงสงสัย
ด้านนายจรวย หนูคง ที่ปรึกษา รมว. ศึกษาฯ กล่าวว่า คำว่าไม่สอดคล้องนั้น ที่สำคัญคือการที่เจ้าคณะภาค 1 เรียกสำนวนกล่าวหานายไชยบูลย์จากเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี หรือเรียกคณะผู้พิจารณาชั้นต้นมาประชุม แล้วตัดสินให้ยกคำกล่าวหาตามกฎนิคหกรรมของนายมาณพ พลไพรินทร์ ผู้เชี่ยวชาญพิเศษกรมการศาสนา และนายสมพร เทพสิทธา ประธานสภายุวพุทธิกสมาคมแห่งชาติ ซึ่งจริงๆแล้วขั้นตอนดังกล่าวอยู่ในระหว่างที่เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี กำลังเรียกตัวนายไชยบูลย์และพระเผด็จมารับทราบข้อกล่าวหา ถือว่าไม่ถูกต้อง เพราะยังไม่ถึงขั้นตอนที่เจ้าคณะภาค 1 จะดำเนินการ ถือว่าไม่ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎนิคหกรรม
ที่กรมการศาสนาหรือฆราวาสเข้ามาช่วยเหลืองานด้านสงฆ์ เพราะต้องการให้คนภายนอกเห็นว่าพระสงฆ์ก็มีการศึกษาไม่ด้อยกว่า ประชาชน ศาล หรือตำรวจ การเป็นธุระให้ในด้านต่าง ๆ เพื่อไม่ให้เกิดความอับอายขึ้น ไม่ได้ต้องการตัดสินว่าใครผิดหรือถูก แต่ต้องการให้เรื่องเป็นไปตามกระบวนการนิคหกรรมเท่านั้น".