เดลินิวส์ 19/12/2542
วัดธรรมกายวุ่นหาพระเป็นแทน'ไชยบูลย์'ไม่ได้
"ธรรมกาย"ยังหาข้อยุติไม่ได้ในปัญหาตั้งรักษาการณ์เจ้าอาวาสแทน"ไชยบูลย์" เหตุใครเข้ามาแทนต้องรับผิดชอบทางกฎหมายไปด้วย ขณะที่ชาวพุทธ-พระรุมชยันโต พระพรหมโมลีทำให้กระบวนการจัดการทางสงฆ์ล่าช้า เสนอปลดจากเจ้าคณะภาค 1 จับตางานปีใหม่วัดฉาวมุ่งดึงชาวต่างชาติสร้างภาพแทนหลังจากดูดทรัพย์คนไทยไม่ได้แล้ว
เมื่อวันที่ 18 ธ.ค.ที่ผ่านมาผู้สื่อข่าวรายงาน จากวัดพระธรรมกายว่าบรรยากาศในวัดพระธรรมกายนั้นค่อนข้างตึงเครียด เกี่ยวกับเรื่อง การเสนอชื่อแต่งตั้งรักษาการเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายแทนนายไชยบูลย์ สุทธิผล ที่ถูกสั่งพักตำแหน่ง โดยยังไม่สามารถตกลงกันได้ โดยศิษย์ผู้ใกล้ชิด,ทนายความ,แกนนำ รวมถึง เจ้าหน้าที่ระดับสูงของวัดเช่น ไวยาวัจกรและกรรมการได้ประชุมหารือกันมาหลายครั้งก็ยังไม่ได้ข้อยุติ
สาเหตุสำคัญเนื่องจากมีปัญหาหลายประการอาทิเรื่องพระ ที่มารักษาการต้องรับผิดชอบ ทางกฎหมายด้วยในฐานะเจ้าพนักงานตามกฎหมาย และหากกระทำผิดจะถูกดำเนินคดี ในฐานะละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ได้ โดยได้ประชุมหารือกันตลอดทั้งวัน
ก่อนหน้านี้วัดพระธรรมกายและทนายความฯเคยติดต่อมาถึงพระปริยัติวโรปการ รักษาการณ์เจ้าคณะตำบลคลอง 1 ว่าจะนำเรื่องการเสนอรักษาการเจ้าอาวาสและข้อกฏหมายบางเรื่องมาปรึกษา ในวันที่ 18 ธ.ค.นั้ และขั้นตอนต่อไปจะเสนอชื่อรักษาการเจ้าอาวาสได้โดยไม่มีปัญหา แต่ตลอดทั้งวันก็ไม่มีการติดต่อใดๆ มาจากพระ,เจ้าหน้าที่วัดฯและทนายความเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย
ด้านนายกมล ศรีนอก เหรัญญิกสมาคมศิษย์เก่ามหาจุฬา กล่าวถึงกรณีวัดพระธรรมกายว่า ตนและคณะเคยได้เข้านมัสการ สมเด็จพระมหาธีราจารย์ เจ้าอาวาสวัดชนะสงคราม เจ้าคณะใหญ่หนกลาง และได้ขอแนะนำในการดำเนินการกฏนิคหกรรม ซึ่งชักชัาไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้ มักมีปัญหาทุกครั้งที่การส่งเรื่องไปถึงมือพระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 จนประชาชนชาวพุทธหมดหวัง ซึ่งสมเด็จพระมหาธีราจารย์ก็เล่าให้ฟังว่า ทุกอย่างที่พูดในที่ประชุมกรรมการมหาเถรสมาคมนั้น พระพรมหโมลี รู้และเข้าใจทุกอย่างไม่เคยโต้แย้ง แต่พอออกมาก็บอกไม่รู้เรื่องไม่เข้าใจ
"อย่างไรก็ตามจากการติดตามข่าวและการแสดงความคิดเห็นชาวธรรมะร่วมสมัย มุ่งไปจุดเดียวกันว่า พระพรหมโมลีเป็นพระจบเปรียญ 9 มีความรู้ ความสามารถ เขียนหนังสือได้รับรางวัล พฤติกรรม ที่ท่านทำมานั้นทุกคนเชื่อมั่นว่าไม่เหมาะสมกับตำแหน่ง อีกทั้งท่านไม่เคยดำเนินการตามมติ มส. ประชาชนได้เสนอหนทางขอปลดพระพรหมโมลี ออกจากตำแหน่งเจ้าคณะภาค 1"
ส่วนกรณีที่ทางสำนักงาน ตำรวจแห่งชาติ แต่งตั้ง พล.ต.ท.ล้วน ปานรศทิพ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เป็นหัวหน้าชุดคดี วัดพระธรรมกายคนใหม่ว่า แม้ประชาชนจะสงสัย แต่มีความปารถนาในฐานะพุทธศาสนิกชน คงทำตามที่ พล.ต.ท.วาสนา เพิ่มลาภ อดีตหัวหน้าชุดดำเนินการมา ชาวธรรมะร่วมสมัยและประชาชนได้ฝากความหวังและความไว้วางใจ พล.ต.ท.วาสนา ทุกคนก็หวังว่า พล.ต.ท.ล้วน ไม่ทำให้ชาวพุทธผิดหวัง แต่
พระมหาบุญถึง ชุตินธโร ประธานศูนย์รวมสงฆ์ชาวอีสาน 19 จังหวัด กล่าวถึงมติมหาเถรสมาคม(มส.) เมื่อวันที่ 17 ธ.ค 2542 ซึ่งยืนยันให้ฟ้องร้องนายไชยบูลย์ตามกฎนิคหกรรม โดยให้สรุปความล่าช้าของการดำเนินการในชั้นพระพรหมโมลี และเสนอ สมเด็จพรมหาธีราจารย์สั่งการทันที โดยไม่ต้องผ่านพระพรหมโมลีอีกนั้น มติที่ออกมาเช่นนี้มีความชัดเจน อย่างไรก็ตาม พระมหาบุญถึง ยังกล่าวถึงสิ่งที่พุทธศาสนิกชนทั้งหลายควรต้องจับตาดู คือเรื่องของการพิจารณาตามกระบวนการนิคหกรรมจะยืดเยื้ออีกหรือไม่ เนื่องจากในกฏ มส.ไม่ได้กำหนดระยะเวลาในการดำเนินการ จุดนี้เองที่เป็นช่องทางในการช่วยเหลือโอบอุ้มกันอีก
"โดยความคิดส่วนตัวของอาตมาแล้ว การกระทำของพระพรหมโมลีไม่เหมาะสม มีการวิพากษ์วิจารณ์ในเกี่ยวกับตัวท่านกันไปทั่ว ว่าสมควรปลดพระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 ตรงนี้อาตมาก็คิดเห็นอย่างนั้น เพราะปัญหาวัดพระธรรมกายที่ยืดเยื้อมานาน เพราะมีการพยายามช่วยเหลือ ที่ผ่านมาสมเด็จพระมหาธีราจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนกลาง ก็เคยสั่งแขวนตำแหน่งท่านมาครั้งหนึ่งแล้ว เหตุไม่ยอมปฏิบัติตามคำสั่ง แต่ มส.มีความเมตตาให้โอกาสท่านแก้ตัวอีกครั้งหนึ่ง คิดว่าท่านควรจะใช้โอกาสนี้พิสูจน์ตัวเองว่าจะยืนอยู่ข้างพระพุทธศาสนาหรือไม่"
สำหรับเรื่องการจัดงานสหัสวรรษแห่งอัญมณี ในวันที่ 30 ธ.ค.2542-1 ม.ค 2543 ที่ทางวัดพระธรรมกายได้เชิญชวนประโคมข่าวว่า จะมีชาวต่างประเทศ และชาวไทยส่วนหนึ่ง แจ้งความจำนงจะมาร่วมงานกว่า 1 ล้านคนนั้น พระมหาบุญถึงกล่าวว่าเป็นการอวดอ้างมากกว่า พอถึงวันงานจริงๆ ประชาชนที่มาร่วมงานมีจำนวนน้อย ไม่มีมากอย่างที่วัดพระธรรมกายโฆษณาเหมือนทุกครั้ง ที่ผ่านมาทุกคน คงเห็นแล้วว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร อีกอย่างเท่าที่ติดตามข่าวและการสังเกตุเหตุการณ์วัดพระธรรมกายในขณะนี้นั้น ก็เริ่มรู้ตัวแล้วว่า ไม่สามารถดึงชาวไทยได้อีกแล้ว ถึงได้พยายามขยายาฐานออกไปหาต่างชาติต่างภาษา ที่ไม่มีความรู้ซึ้งถึงแก่นแท้ของพระธรรมคำสอน ของพระพุทธเจ้าจุดนี้จะง่ายต่อการ ที่จะทำให้เกิดความสับสนแยกแยะไม่ออกระหว่างพุทธแท้และพุทธเทียม ยกตัวอย่างเช่น ในพุทธศาสนาบอกว่านิพพานเป็นอนัตตาแต่ทางวัดพระธรรมกายบอกว่าเป็นอัตตา