เดลินิวส์ 9/12/2542
เซ็นปลดไชยบูลย์พ้นแล้ว!
เจ้าคณะตำบลคลองหนึ่งลงนามหนังสือพักตำแหน่ง"ไชยบูลย์" แล้ว อีก 2 วัน ส่งหนังสือเพื่อมีผลบังคับ ยอมรับเบื่อหน่ายที่สุด ทำงานเต็มที่แต่ไม่มีความคืบหน้า อธิบดีกรมการศาสนาหารือ เจ้าคณะใหญ่ หนกลาง เผยได้รับคำชี้แนะให้ส่งเรื่องเข้า มหาเถรฯ ด่วน ตำรวจท้อรู้แหล่งกบดาน "เบญจ์ บาระกุล" แต่ไม่สามารถเข้าไปจับกุมได้ อัยการสั่งเลื่อนฟังคดี 2 ผู้ต้องหาปลอมแปลงเอกสารซื้อ ที่ดินเพชรบูรณ์-พิจิตร เตรียมลงพื้นที่หาหลักฐานเพิ่มเติมเอง
ที่กระทรวงศึกษาธิการ เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รมว.ศึกษาฯ เปิดเผยถึงปัญหาวัดพระธรรมกายที่ยังคงยืดเยื้อว่า ได้รับรายงานผลการประชุมคณะผู้พิจารณาชั้นต้น ซึ่งมีพระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 เป็นประธานจากนายไพบูลย์ เสียงก้อง อธิบดีกรมการศาสนาและนายสุทธิวงศ์ ตันตยาพิศาลสุทธิ์ รองอธิบดีกรมการศาสนาแล้ว ทราบว่าเจ้าคณะภาค 1 ได้สั่งให้ดำเนินการนายไชยบูลย์ สุทธิผล เจ้าลัทธิธรรมกายและพระเผด็จ ทัตตชีโว รองเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายตามกฎนิคหกรรมแล้ว แต่ให้เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีรวบรวมหลักฐานเสนอมาที่กรมการศาสนา เพื่อสอบถามประเด็นความหมายคำว่า สอดคล้อง ของมติมหาเถรสมาคมที่ 37/42 นั้นเป็นอย่างไร ซึ่งนายไพบูลย์จะนำเข้าที่ประชุมมหาเถรฯต่อไป
นายสมศักดิ์ยังกล่าวถึงประโยคที่พระพรหมโมลีพูดถึงการตกนรกว่า กฎนิคหกรรมชัดเจนอยู่แล้ว กระทรวงศึกษาฯพยายามที่จะดำเนินการเรื่องนี้ให้สำเร็จ เพราะเป็นหนทางเดียว ที่จะพิสูจน์ต่อสังคมถึงพฤติกรรมของนายไชยบูลย์ว่าเป็นอย่างไร ดีกว่าการหลบซ่อนไม่กล้าสู้ความจริง ธรรมทายาทจะได้กลับมาศรัทธาเหมือนเดิม เพราะปัจจุบันนี้ก็ลดจำนวนลงไปมากแล้ว ส่วนเรื่องการพักตำแหน่งนั้นคงต้องเร่งรัดให้เจ้าคณะตำบลคลองหนึ่งพักตำแหน่งภายในสัปดาห์นี้
สำหรับเรื่องที่ถูกขู่ฆ่านั้นไม่ค่อยให้ความสนใจถือว่า "หมาดุไม่เห่า หมาเห่าไม่กัด" แต่ยอมรับว่าเรื่องนี้มีจริง คือมีชายลึกลับโทรศัพท์มาทั้งที่บ้านและที่มือถือ ทั้งบ้านที่กท.และที่อ่างทอง เขาบอกว่าอย่ายุ่งกับเรื่องนี้ ให้เลิกเถอะ ขนาด ร.ต.ท.เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ อดีต ส.ส. ราชบุรีเข้ามายุ่งเรื่องพระผลก็คือเป็นส.ส.สอบตกเลย
วันเดียวกัน พระปริยัติวโรปการ เจ้าคณะตำบลคลองหนึ่งกล่าวว่า การเข้าพบเจ้าคณะภาค 1 นั้นไม่ใช่การประชุมคณะผู้พิจารณาชั้นต้น แต่เป็นเพียงการหารือนอกรอบเท่านั้น ประเด็นที่หารือกัน ก็ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ ส่วนการพักตำแหน่งนายไชยบูลย์นั้นขอเวลาตั้งหลักอีกนิดแต่จะไม่ย่อท้อ แต่เรื่องของการปลดออกจากตำแหน่งเป็นอำนาจของเจ้าคณะจังหวัด ซึ่งสามารถกระทำได้ หากพิจารณาเห็นว่าผู้ใต้บังคับบัญชาละเมิดอาจสร้างความเสียหายให้แก่ศาสนาได้ เห็นว่าหากจะทำเรื่องนี้ให้เสร็จโดยเร็วจะต้องฟันทีเดียวให้ขาดสองท่อนเลย
ด้านพระสุเมธาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี กล่าวว่า เจ้าคณะภาค 1 ได้สั่งการให้ทำหนังสือถึงกรมการ ศาสนา ในเรื่องมติมหาเถรฯที่ 37/42 ที่ว่าให้ดำเนินการตามกฎนิคหกรรมต่อไปให้สอดคล้อง แต่คิดว่าไม่สามารถทำได้ หากจะให้ทำจริงเจ้าคณะภาค 1 จะต้องมีหนังสือมาอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อจะได้อ้าง หนังสือฉบับนี้แก่กรมการศาสนา ไม่อยากให้คิดว่าเหตุที่ทำหนังสือสอบถามเพราะอ่านหนังสือไม่ออก ส่วนเรื่องของการพักตำแหน่งนั้น เป็นหน้าที่ของเจ้าคณะตำบลที่จะต้องดำเนินการโดยเร็ว และหากเจ้าคณะตำบลคลองหนึ่งคนใหม่ไม่ทำ ก็คงจะสั่งพักตำแหน่ง เจ้าคณะตำบลเหมือนกับที่พระครูปทุมกิจโกศลถูกพักตำแหน่งมาแล้ว
ส่วนที่ตำหนักเพชร วัดบวรนิเวศวิหาร ได้มีการประชุมมหาเถรฯโดยมีพระเถระชั้นผู้ใหญ่เข้าประชุมอย่างพร้อมพรั่ง หลังการประชุมอธิบดีกรมการศาสนากล่าวว่า การประชุมครั้งนี้ไม่มีการหยิบยกเรื่องของวัดพระธรรมกายขึ้นมาพิจารณาหารือ แต่ได้หารือนอกรอบกับสมเด็จพระมหาธีราจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนกลางถึงรายละเอียดการหารือ คณะผู้พิจารณาชั้นต้น โดยที่เจ้าคณะภาค 1 ไม่ได้พิจารณาวินิจฉัยหรือสั่งการใด ๆ ไม่ได้สั่งการให้ดำเนินการตามกฎนิคหกรรมด้วย แต่ให้หาความหมายคำว่า สอดคล้อง มาก่อน
นายไพบูลย์กล่าวด้วยว่า สมเด็จพระมหาธีราจารย์ได้ให้คำแนะนำว่า ให้กรมการศาสนาดำเนินการไปตามที่เจ้าคณะภาค 1 มีความเห็นมา ดังนั้นเมื่อกรมการศาสนาได้รับรายงานจากเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีก็ให้นำเสนอมหาเถรฯ วินิจ ฉัยว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ส่วนที่ว่าทำไมไม่เสนอให้มหาเถรฯพิจารณาในที่ประชุมเลยนั้น เนื่องจากการจะดำเนินการต้องมีวาระพิจารณาและได้รับการอนุมัติก่อนนำเข้าที่ประชุม
ที่รัฐสภา ในวันเดียวกัน ได้มีการประชุม คณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม โดยมีการพิจารณาปัญหาวัดพระธรรมกายร่วมกับตัวแทนกรมการศาสนา ตำรวจสันติบาล และสำนัก งานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ หลังการประชุม ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกคณะกมธ. กล่าวว่า ที่ประชุมได้ซักถามตัวแทน สวช. เกี่ยวกับเงินจดทะเบียนมูลนิธิธรรมกาย 3 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ไม่ ได้เพิ่มบัญชีขึ้นแต่อย่างใด มีการตั้งข้อสังเกตว่าเงินบริจาคของวัดจำนวนมากเก็บไว้อยู่ที่ไหน หรือมีการยักย้ายถ่ายเทในลักษณะอ้างว่าการกุศลหรือไม่
ส่วนกรณีของ ดร.เบญจ์ บาระกุล ซึ่งมีการออกหมายจับไปแล้วนั้น ตำรวจสันติบาลระบุว่าชื่อจริงคือนาย บัณฑูร บาระกุล ขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบหาและติดตามจับกุม แต่ผู้ต้องหาหลบอยู่ในสถานที่ที่ตำรวจเข้าไปไม่ได้ ซึ่งตำรวจ ก็พยายามหาหลักฐานให้รัดกุมเจอตัวสามารถจับกุมได้ทันที รวมทั้งมีการเสนอให้พระเถระชั้นผู้ใหญ่เข้ามาช่วยเหลือนำนายไชยบูลย์และพระเผด็จออกจากพื้นที่วัด เพื่อให้ตำรวจและเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปควบคุมสถานการณ์ในวัด ไม่เช่นนั้นสาวกก็จะให้การคุ้มครองบุคคลทั้งสองจนไม่ สามารถทำอะไรได้ นอกจากนี้ยังเรียกร้องให้ รมว. มหาดไทยดูแลในเรื่องการข่มขู่ ขู่ฆ่า รมว.ศึกษาฯด้วย และให้ชี้แจงรายละเอียดเรื่องนี้ต่อสภา
ที่สำนักงานอัยการสูงสุด เมื่อเวลา 10.00 น. พ.ต.ท.จรุงวิทย์ ภุมมา รอง ผกก.3ป. ได้นำตัวนายเทิดชาติ ศรีนพรัตน์และนายมัยฤทธิ์ ปิตวนิค 2 คนสนิทนายไชยบูลย์และผู้ต้องหาคดีปลอมแปลงเอกสารและสนับสนุน ให้เจ้าพนักงานประพฤติมิชอบเข้าพบนายอำพล เหมาคม อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 5 เพื่อฟังการสั่งคดี แต่ได้รับแจ้งว่า ขณะนี้ยังไม่ได้ผลการสอบสวนเพิ่มเติม ขอเลื่อนการฟังคดีไปวันที่ 10 ม.ค. เวลา 10.00 น. โดยนายอำพลระบุว่า จะนำคณะเดินทางไปตรวจสอบข้อเท็จจริงบริเวณที่ดินที่มีการซื้อขาย ที่จังหวัดเพชรบูรณ์และจังหวัดพิจิตรด้วย เพื่อความละเอียดรอบคอบในการพิจารณาสั่งคดีต่อไป
ส่วนความคืบหน้ากรณีการออกหมายจับนายบัณฑูร บาระกุลหรือ ดร.เบญจ์ บาระกุล และนางปณัชญา วิทยารักษ์สวรรค์ ในข้อหาร่วมกันกระทำการหมิ่นประมาทสมเด็จพระสังฆราชนั้น ปรากฏว่านางปรัชญาได้เดินทางเข้ามอบตัวต่อเจ้าพนักงานแล้ว โดยระบุว่าไม่เคยรู้จักดร.เบญจ์มาก่อน เป็นเพียงผู้จัดพิมพ์หนังสือเท่านั้น ซึ่งตำรวจได้อนุญาตให้ประกันตัวไปในวงเงิน 100,000 บาทแล้ว
ล่าสุดพระปริยัติวโรปการ เจ้าคณะตำบลคลองหนึ่งระบุว่า ได้ลงนามในหนังสือสั่งพักตำแหน่งนายไชยบูลย์เรียบร้อยแล้ว อีก 2 วันจะลงวันที่ในหนังสือและส่งไปที่วัดพระธรรมกายเพื่อให้มีผลบังคับใช้ทันที ที่ผ่านมายอมรับว่ารู้สึกเบื่อหน่ายกับเหตุการณ์นี้มาก เพราะได้ทำงานอย่างเต็มความสามารถเช่นเดียวกับเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี แต่ก็ไม่มีความคืบหน้าในการดำเนินการแต่อย่างใด.