เดลินิวส์ 7/12/2542
รมว.ลั่นสัปดาห์นี้ชี้ชะตา'ไชยบูลย์'
เจ้าคณะภาค 1 เรียกพระสุเมธาภรณ์เข้าพบหารือกรณี"ไชยบูลย์"ด่วน "สมศักดิ์"ประกาศลั่นสัป ดาห์นี้ชี้ชะตาพระปลอม เจ้าคณะตำบลคลองหนึ่งถอดใจ หลังกรมการศาสนาเร่งปลด 2 พระสังฆาธิการวัดพระธรรมกาย เผยต้องรอหารือพระเถระชั้นผู้ใหญ่ก่อน ชี้ลำบากใจเปลี่ยนผู้บริหารหวั่นกระทบงาน ทนายธรรมกายเปิดประเด็นเพิ่ม เตรียมฟ้องคดีแพ่งผู้บริหารกระทรวงศึกษาฯ-กรมการศาสนา ระบุไม่มีอำนาจหน้าที่แต่เข้ามาดำเนินการเรื่องวัดฉาว แถมใช้มติมหาเถรฯในทางไม่ถูกต้อง ศึกษาฯเตรียมสั่งห้ามโรงเรียนพระปริยัติทั่วปท.นำหนังสือ"พระแท้"เข้าไปสอน
จากอนุสนธิข่าวที่พระสุเมธาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ได้ประกาศว่าจะพิจารณาดำเนินการกับนายไชยบูลย์ สุทธิผล เจ้าลัทธิธรรมกายและพระเผด็จ ทัตตีชีโว รองเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ภายหลังจากเสร็จสิ้นพิธีเฉลิมพระเกียรติพระชนมายุ 6 รอบ 72 พรรษา ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั้น เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. กรมการศาสนาได้ส่งหนังสือถึงพระสุเมธาภรณ์ และพระปริยัติวโรปการ เจ้าคณะตำบลคลองหนึ่ง เพื่อขอให้เร่ง รัดการใช้กฎมหาเถรสมาคมฉบับที่ 24 กับบุคคลทั้ง 2 ด้วย
หนังสือดังกล่าวนั้นลงวันที่ 3 ธ.ค.มีใจความโดยสรุปว่า เนื่องจากนายไชยบูลย์ซึ่งในขณะนี้ได้ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีอาญา ศาลมีคำสั่งประทับรับฟ้อง โดยในข้อหานั้นเกี่ยวข้องกับเรื่องการเงินของวัดพระธรรมกาย หากให้อยู่ในตำแหน่งต่อไปอาจส่งผล กระทบต่อการพิจารณาคดีของศาล จึงขอให้ผู้เกี่ยวข้องได้ใช้กฎมหาเถรฯฉบับที่ 24 สั่งพักตำแหน่งไว้ก่อน
รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านี้กรมการศาสนาได้เคยมีเร่งรัดลักษณะนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง ส่งถึงพระสุเมธา ภรณ์และพระครูปทุมกิจโกศล อดีตเจ้าคณะตำบลคลองหนึ่ง ครั้งนั้นเจ้าคณะตำบลปฏิเสธที่จะดำเนินการ แต่ขณะนี้ได้มีการแต่งตั้งเจ้าคณะตำบลคลองหนึ่งใหม่แล้ว ดังนั้นเจ้าคณะตำบลควรจะดำเนิน การให้เป็นไป ตามกฎมหาเถรฯฉบับที่ 24 เพราะขณะนี้เงินในบัญชีของวัดถูกเบิกออกมาใช้จ่ายกว่า 6,000 ล้านบาท และกรมการ ศาสนาได้มีหนังสือไปยังธนาคาร พาณิชย์ต่างๆให้อายัดบัญชีทั้งหมดเพื่อป้องกันการเบิกถอนแล้วด้วย
ด้านพระปริยัติวโรปการ เปิดเผยว่า ได้รับหนังสือของกรมการศาสนาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เป็นข้อเสนอแนะให้เร่งรัด ใช้กฎมหาเถรฯฉบับที่ 24 เนื่องจากนายไชยบูลย์เป็นผู้ต้องหาคดีอาญา ส่วนการดำเนินการส่งหนัง สือพักตำแหน่งนายไชยบูลย์นั้น คงต้องหารือรายละเอียดกับพระสุเมธาภรณ์และพระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 เสียก่อน การดำเนินการเรื่องนี้ก็เหมือนเรามีโรงงานอยู่แห่งหนึ่งแล้วเกิดปัญหากับผู้บริหารโรงงาน ดังนั้นต้องพิจารณาว่าถ้าเปลี่ยนผู้บริหารแล้วจะสามารถบริหารงานต่อไปอีกได้หรือไม่ แต่กรณีวัดพระธรรมกายนั้นเชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหากับกิจกรรมของวัด คาดจะต้องใช้อำนาจที่เหลืออยู่ทำอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อให้กฎและมติมหาเถรฯยังคงความศักดิ์สิทธิอยู่ แต่จะทำอะไรก็ต้องดูทิศทางลมด้วย
"ล่าสุดมีข่าวว่า การเรียกนายไชยบูลย์และพระทัตตชีโวมารับข้อกล่าวหาเมื่อครั้งที่ผ่านมา เป็นการปฏิ บัติผิดกฎมหาเถรฯ เมื่อเป็นแบบนี้ก็ไม่รู้จะปฏิบัติอย่างไรแล้ว อาตมากับท่านเจ้าคณะจังหวัดปทุมฯเหมือนอยู่กลางเขาควาย ที่มองไปด้านไหนก็มีแต่ของแหลม ดังนั้นขอหารือกับผู้ใหญ่อีกครั้งก่อนจะดีกว่า"
พระสุเมธาภรณ์กล่าวว่า ได้รับคำสั่งจากพระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 ให้เดินทางไปพบในวันที่ 7 ธ.ค.นี้ ซึ่งขณะนี้ยังไม่ทราบว่าเรื่องอะไร แต่ก็จะเดินทางไปนมัสการเพื่อสอบถามความคืบหน้าเกี่ยวกับกรณีกฎนิคหกรรม ตลอดจนการสั่งพักตำแหน่งนายไชยบูลย์ด้วย ทางด้านความเคลื่อนไหวของพระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเร็วๆนี้ได้มีการจัดอบรมพระสังฆาธิการในเขตบางรักที่วัดหัวลำโพง ซึ่งพระพรหมโมล ีได้เป็นผู้ปิดการบรรยาย โดยโอกาสนี้ได้กล่าวถึงกรณีการดำเนินการตามกฎนิคหกรรมกรณีวัดพระธรรมกาย ว่า การพิจารณากฎนิคหกรรมนั้นนอกจากคุณสมบัติผู้ยื่นฟ้องจะต้องครบองค์ประกอบตามกฎแล้ว เรื่องความน่าเชื่อ ถือนั้นมีความสำคัญมาก เพราะคำว่าน่าเชื่อถือนั้นอาจจะต้องมีความหมายไปถึงพระสงฆ์ที่บรรลุธรรมชั้นสูง
"ส่วนมติมหาเถรฯที่ให้ดำเนินการกฎนิคหกรรมต่อไป ความจริงแล้วเป็นเพียงความคิดเห็นกรรมการบางท่าน เท่านั้นไม่ใช่มติหรือความเห็นโดยรวมทั้งหมด ในสมัยพุทธกาลเคยมีอริยสงฆ์รูปหนึ่งตัดสินอธิกรณ์ผิดพลาด เมื่อเสียชีวิตลงไปแทนที่จะได้เป็นเทวดาอยู่สวรรค์กลับต้องเกิดเป็นยักษ์อยู่นานจึงใช้กรรมหมด"
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ขณะนี้กระทรวงศึกษาฯเตรียมจะมีคำสั่งถึงโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญทั่วประเทศ เพื่อขอความร่วมมือในการสั่งห้ามไม่ให้พระภิกษุสามเณรหรืออาจารย์ผู้สอน นำหนังสือ"พระแท้"ที่เขียนโดย พระทัตต ชีโวเข้าไปในโรงเรียน โดยเหตุผลที่ว่าหนังสือดังกล่าวได้มีการวิเคราะห์โดยนักวิชาการของกรมการศาสนาแล้ว พบว่ามีหลายส่วนที่บิดเบือนหลักธรรมในพระไตรปิฎก
ในวันเดียวกัน นายสนธยา โพธิ์แดง ทนายความวัดพระธรรมกายกล่าวว่า ในวันที่ 15 ธ.ค.จะดำเนินการฟ้องร้อง ทางแพ่งเพิ่มเติมกับนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รมว.ศึกษาฯ นายวิชัย ตันศิริ รมช.ศึกษาฯ นายไพบูลย์ เสียงก้อง อธิบดีกรมการศาสนา นายมาณพ พลไพรินทร์ ผู้เชี่ยวชาญกรมการศาสนา นายจรวย หนูคง ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาฯ นายสมพร เทพสิทธา ประธานสภายุวพุทธิกสมาคมฯ โดยคนเหล่านี้เข้ามาจัดการเรื่องวัดพระธรรมกายโดยที่ไม่ได้มีหน้าที่ ซ้ำยังเอามติมหาเถรสมาคมมาใช้อย่างมั่วๆทั้งๆที่ไม่ได้มติระบุไว้ โดยการที่จะฟ้องเพิ่มเติมนี้ก็เนื่องจากเห็นว่า การฟ้องอาญาที่ดำเนินการไปแล้วนั้นมีข้อหาอ่อนไป และนอกจากนี้ก็จะมีการฟ้องสื่อมวลชนบางสื่อด้วย เช่นรายการของดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ,รายการสาระขันทางไอทีวี
รายการสาระขันทางไอทีวี
นายสมศักดิ์ กล่าวถึงการดำเนินการกับวัดพระธรรมกายว่า ช่วงนี้จะให้อธิบดีกรมการศาสนาไปหารือกับเจ้าคณะจังหวัด และเจ้าคณะใหญ่หนกลางเพื่อดำเนินการตามกฎมหาเถรฯฉบับที่ 24 ว่าจะสั่งพักหรือถอดถอนแต่ต้องให้จบภายในสัปดาห์นี้ เพราะยืดเยื้อมานานและอยากให้จบโดยเร็ว ส่วนกรณีนายสนธยาฟ้องคดีทางแพ่งนั้นไม่ได้สนใจ เพราะถือเป็นหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติอยู่แล้ว
รายงานแจ้งว่า ในการสำรวจของสถานีวิทยุบิสสิเนสเรดิโอนั้นปรากฎว่า นายสมศักดิ์ได้รับความเชื่อถือเป็นอันดับ 1 ในการแก้ไขปัญหาวัดพระธรรมกายด้วย