เดลินิวส์ 30/11/2542
ไชยบูลย์-ทัตตชีโว ไม่รับฟังนิคหกรรมหลัง 5 ธ.ค.เชือดเเน่
พระสุเมธาภรณ์"ยัน"ไชยบูลย์-พระเผด็จ"ไม่มารับข้อกล่าวหานิคหกรรมก็ยังมีวิธีจัดการอีก ไม่หยุดแค่นี้แน่ ส่วนการปลดพระปลอมออกจากตำแหน่งรอหลัง 5 ธ.ค. กรมศาสนาเตรียมทำ"ประกาศนียกรรม" ระบุชัดเจ้าคณะจังหวัดปทุมฯทำตามมติมหาเถรฯ เจ้าคณะใหญ่หนกลาง-เจ้าคณะภาค 1 ก็เห็นชอบ ทุกประการ ไม่จำเป็นต้องตีความข้ออ้างอีก นักกฎหมายจี้ตำรวจดำเนินคดีวัดฉาวกรณีมี พฤติกรรมเข้าข่าย"ฟอกเงิน" ด้านทนายธรรมกายขู่จะไล่เบี้ยฟ้องสื่อมวลชนที่เสนอข่าวโจมตีวัด อ้างพระผู้ใหญ่ส่งทนายเฉพาะกิจมาให้กว่า 10 คน
ที่โรงเรียนชุมชนประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี เมื่อเวลา 9.30 น. วันที่ 29 พ.ย. นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้เดินทางมาเป็นประธานเปิดอาคารเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบพระชนมพรรษา โดย ในเวลาเดียวกันพระสุเมธาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี และพระปริยัติวโรปการ รักษาการเจ้าคณะตำบลคลองหนึ่ง ก็เดินทางมาร่วมในพิธีดังกล่าวด้วย หลังจากพิธีเปิดอาคารนายสมศักดิ์ พระสุเมธาภรณ์ และพระปริยัติวโรปการ ได้เข้าหารือถึงปัญหาวัดพระธรรมกายโดยใช้เวลานานกว่า 40 นาที
นายสมศักดิ์เปิดเผยภายหลังหารือว่า เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีจะดำเนินการตามที่มีหนังสือเรียกตัวนายไชยบูลย์ สุทธิผล เจ้าลัทธิธรรมกาย และพระเผด็จ ทัตตชีโว รองเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย มารับทราบข้อกล่าวหาตาม กฎนิคหกรรมในวันที่ 30 พ.ย. เหมือนเดิม แม้จะได้รับหนังสือยืนยันว่าทั้ง 2 จะไม่มาก็ตาม ทั้งนี้ท่านได้เตรียม มาตรการรองรับไว้แล้วเพื่อเป็นคำตอบแก่สังคมว่าจะทำอย่างไร เพราะให้โอกาส 3 ครั้งแล้ว ซึ่งได้แจ้งท่านว่า เมื่อดำเนินการอะไรแล้วขอให้แจ้งเรื่องให้พระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 และกรมการศาสนาทราบด้วย
"การตัดสินใจเป็นหน้าที่ของเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี โดยจะต้องเป็นผู้จัดการเรื่องปัญหาวัดพระธรรมกายและเรื่องของ นายไชยบูลย์ แต่จะให้ทุกอย่างเป็นอย่างใจคิดคงไม่ได้ เพราะข้อบังคับของมหาเถรสมาคม (มส.) เปิดช่องเอาไว้มาก ดังนั้นเรื่องนี้จึงไหลไปเรื่อยๆ กระทรวงศึกษาฯเป็นเพียงผู้ชี้แนะเท่านั้น"
ด้านพระสุเมธาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี กล่าวว่า การเตรียมการจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงและได้ประสานไปยัง พล.ต.ต.พิชิต ควรเตชะคุปต์ รองผบช.ภ.1 และพ.ต.อ.ทวีพันธ์ แสงประเสริฐ ผกก.สภ.อ.ธัญบุรีเรียบร้อยแล้ว หาก นายไชยบูลย์และพระเผด็จไม่มาตามนัดจริงก็จะเสนอเรื่องไปยังเจ้าคณะภาค 1 เพราะถือว่าไม่ต้องการรักษาสิทธิ์เอง ขณะเดียวกันก็จะไม่หยุดเรื่องนี้ไปเฉยๆ ยังต้องมีขั้นตอนอื่นดำเนินการต่อไปอีก ส่วนเรื่องพักตำแหน่ง นายไชยบูลย์นั้นต้องดำเนินการแน่นอน แต่คงเป็นหลังวันที่ 5 ธ.ค.ไปแล้วค่อยมาว่ากันอีกที
สำหรับหนังสือของวัดพระธรรมกายนั้น เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีกล่าวว่า ได้อ่านข้อความทั้งหมดแล้ว สรุปว่าต่อว่าอาตมาเพียงผู้เดียว ทำอะไรไม่ถูกเลย ใช้ไม่ได้ ในขณะที่นายไชยบูลย์และพระเผด็จนั้นไม่มีความผิด เป็นผู้ที่อยู่ในศีลในธรรมตลอด ที่มีการกล่าวหานั้นเป็นการใส่ความกันทั้งสิ้น หมายความว่าคนทั้งประเทศ ใส่ร้ายกล่าวหาผู้บริสุทธิ์ทั้ง 2 อยู่ ที่สำคัญก็คือในหนังสือนี้ได้มีการสำเนาส่งไปยังกรรมการมหาเถรฯ แสดงว่าไม่ได้เห็นเจ้าคณะจังหวัดอยู่ในสายตา ก็ไม่เป็นไรแล้วแต่จะคิดกัน ทุกอย่างได้กระทำตามหน้าที่
ต่อมาเมื่อเวลา 13.30 น. นายเริงฤทธิ์ เบ้านุวงศ์ หัวหน้าฝ่ายสังฆการ กรมการศาสนา ได้เดินทางมาที่วัดมูลจินดาราม เพื่อเข้านมัสการพระสุเมธาภรณ์ โดยได้หารือกันถึงการดำเนินการตามกฎนิคหกรรมในวันที่ 30 พ.ย. และเปิดเผยว่า แม้นายไชยบูลย์และพระเผด็จจะไม่เดินทางมาแต่กรมการศาสนาก็มีวิธีการที่จะเรียกให้มา โดยจะให้มีการประชุมสงฆ์ทั่วประเทศเพื่อโหวตเสียง ซึ่งเรียกว่าการประกาศนียกรรม นอกจากนี้ก็ยังมีอีกหลายวิธีที่จะดำเนินการ เวลานี้เรื่องก็ใกล้เข้ามาถึงจุดนั้นแล้ว ขอให้อดใจรออีกหน่อย
นายไพบูลย์ เสียงก้อง อธิบดีกรมการศาสนา กล่าวว่า การที่นายไชยบูลย์และพระเผด็จอ้างมติมหาเถรฯนั้น มติมหาเถรฯมีความชัดเจนอยู่แล้วว่าฆาราวาสฟ้องพระสงฆ์ได้ และยังให้คณะผู้พิจารณาชั้นต้นดำเนินการตาม กฎนิคหกรรมใหม่ต่อไปให้ถูกต้อง ซึ่งเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ แต่ถ้าไม่มารับข้อกล่าวหาจริงๆก็ขึ้นอยู่กับ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป
"ที่ผ่านมาผมได้ทำ ตามมติมหาเถรฯ โดยประสานกับเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี เจ้าคณะภาค 1 และสมเด็จ พระมหาธีราจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนกลาง ซึ่งก็เห็นสมควรให้ดำเนินการตามมติมหาเถรฯดังกล่าวแล้ว ดังนั้นไม่จำเป็นต้องนำข้ออ้างของทั้ง 2 เข้าตีความในที่ประชุมมหาเถรฯอีก"
วันเดียวกัน นายปรีชา สุวรรณทัต ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย กล่าวถึงกรณีที่นายไชยบูลย ์และพระเผด็จยืนยันจะไม่ไปรับทราบข้อกล่าวหาว่า ได้เคยตั้งข้อสังเกตไว้แล้ว หากดำเนินการตามกฎนิคหกรรมจะล่าช้า เพราะวัดพระธรรมกายจะหาช่องหลบหลีกตลอดเวลา เวลานี้ก็พิสูจน์แล้วว่าจริง แต่ทั้งนี้ไม่สามารถก้าวล่วงคณะสงฆ์ได้ หากยึดตามลาย พระหัตถ์ของ สมเด็จพระสังฆราชที่ชี้ชัดว่านายไชยบูลย์ผิดพระธรรมวินัยไม่ใช่พระสงฆ์แล้ว เป็นพระปลอม เรื่องก็จะจบไปแล้วไม่ยืดเยื้อมาจนถึงทุกวันนี้ เท่าที่มองดูเห็นว่ากระบวนการสงฆ์ถึงทางตันคงต้องพึ่งกระบวนการทางโลก อย่างไรดีขอฝากถึงพล.ต.ท.วาสนา เพิ่มลาภ ที่จะไปเป็นเลขาป.ป.ง.ว่า กรณีวัดพระธรรมกายมีหลายเรื่องที่เข้าข่ายการฟอกเงินสามารถที่จะนำมาดำเนินคดีได้
ทางด้านนายวิระศักดิ์ ฮาดดา หัวหน้าสำนักงานมูลนิธิธรรมกาย เปิดเผยว่า ทางวัดพระธรรมกายมีความเป็นห่วงเรื่องของคณะสงฆ์เป็นอย่างมาก เพราะหากกระทำตามที่เจ้าคณะ จังหวัดปทุมธานีมีหนังสือมา อาจจะถูกนำไปเป็นตัวอย่างต่อไปในอนาคต หากต่อไปมีฆาราวาสฟ้องสงฆ์โดยการกลั่นแกล้งแล้วพระต้องโดนสอบนิคหกรรมจะเป็นปัญหา วัดพระธรรมกายต้องการรักษากติกาให้มั่นคงไว้ ไม่ได้ดื้อรั้นอ้างเรื่องอื่นแต่อย่างใด
"เรายังยืนยันว่าจะไม่ไปรับทราบข้อกล่าวหาตามที่มีหนังสือยืนยันไปแล้ว ทางวัดพระธรรมกาย ยึดมั่นในมติมหาเถรฯ ที่ว่าฆาราวาสจะฟ้องร้องสงฆ์มิได้ ยกเว้นเป็นผู้เสียหายโดยตรง และเรื่องที่ผ่านมานั้นถูกยกฟ้องไปแล้ว ทำไมต้องนำขึ้นมารื้อฟื้นใหม่ คณะผู้พิจารณาไม่มีอำนาจที่จะไปรับเรื่องฟ้องร้องได้ เพราะนายมาณพ พลไพรินทร์ และนายสมพร เทพสิทธา เป็นเพียงผู้กล่าวหาไม่ใช่ผู้เสียหายแท้จริง"
นายสนธยา โพธิ์แดง ทนายความวัดพระธรรมกาย กล่าวว่า การที่นายไชยบูลย์และพระเผด็จจะไม่ไปรับข้อกล่าวหานั้น ไม่ได้เกรงกลัวที่จะต้องเข้าสู่กระบวนการศาลสงฆ์ แต่เพราะจะเป็นการทำผิดกฎมหาเถรฯ ซึ่งตนได้ไปนมัสการ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีและชี้แจงว่าการที่ไม่ไปเพราะไม่ยอมรับข้อกล่าวหาที่ผิดกฎมหาเถรฯ ไม่ใช่ปฏิเสธข้อกล่าวหา ความจริงเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีมีความเข้าใจกฎนิคหกรรมดี แต่เมื่อดำเนินการแล้วไม่ตรงกับ ความต้องการของคนบางคน จึงมาบิดเบือนมติมหาเถรฯให้ท่านดำเนินการอีกอย่างหนึ่ง
เวลานี้พอมีคนพูดถึงวัดพระธรรมกายในทางเสียหายมักจะมีคนเชื่อ โดยไม่ฟังข้อเท็จจริง ซึ่งขณะนี้ทางวัดเตรียมให้ทนาย ความฟ้องแพ่งสื่อมวลชนที่เสนอข่าวในทางลบและบิดเบือนทำให้วัดพระธรรมกายเสียหาย โดยมีทนายความกว่า 10 คน เป็นทีมเฉพาะกิจที่พระผู้ใหญ่ในกรรมการมหาเถรฯรายหนึ่งเป็นผู้คัดเลือกให้มาดำเนินการ เนื่องจากเห็นว่าสื่อมวลชนเสนอข่าวในทางทำลายพระพุทธศาสนาเกินไป