เดลินิวส์ 29/11/2542
"ไชยบูลย์"มาเงียบเข้า"วัดมูลจินดา"ยืนยันต้อง"เบี้ยว"
ไชยบูลย์"โผล่จากกระดองพร้อมสมุนคู่ใจ ดอดเข้านมัสการพระสุเมธาภรณ์ยื่นหนังสือยืนยัน ไม่มารับฟังข้อกล่าวหาวันที่ 30 พ.ย.แน่นอน อ้างไม่สะทกสะท้าน 4 ข้อ "เรื่องยุติแล้ว-ขัดพระธรรมวินัย-ฝ่าฝืนมติมหาเถรฯ-พระสุเมธาภรณ์ไม่มีอำนาจดำเนินการ" แถมส่งพระนักกฎหมายล็อบบี้ถึงกุฏิอีกต่างหาก "สมศักดิ์"ส่ายหัวระอาพฤติกรรมพระปลอม ยอมรับทำอะไรวัดฉาวไม่ได้ กิจกรรมวัดฉาวเชิญชวนคนมาทำบุญรับสหัสวรรษ โวมีคนร่วมงานไม่ต่ำกว่าล้านคน
ที่วัดมูลจินดาราม เมื่อเวลา 6.30 น. วันที่ 28 พ.ย. นายไชยบูลย์ สุทธิผล เจ้าลัทธิธรรมกาย พร้อมด้วยพระเผด็จ ทัตตชีโว รองเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย พระปลัดสุธรรม สุธัมโม ผู้ช่วยเจ้าอาวาส พระสมชาย ฐานวุฒโฑ ผู้อำนวยการฝ่ายเผยแผ่วัดพระธรรมกาย พระภานุมาศ และนายสนธยา โพธิแดง ทนายความของวัดได้เดินทางมานมัสการพระสุเมธาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดมูลจินดารามและเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี พร้อมยื่นหนังสือยืนยันไม่มารับทราบข้อกล่าวหาตามกระบวนการกฎมหาเถรสมาคมฉบับที่ 11 ว่าด้วยการลงนิคหกรรม
อย่างไรก็ตามการเข้านมัสการครั้งนี้นายไชยบูลย์ไม่ได้พบกับพระสุเมธาภรณ์ เนื่องจากเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีมีศาสนกิจภายนอกวัด นายไชยบูลย์และพวกจึงได้ยื่นหนังสือไว้ให้กับพระมหาประพันธ์ วชิรญาโณ พระเลขาเจ้าอาวาสวัดมูลจินดารามรับแทน นอกจากนี้นายไชยบูลย์ยังได้ส่งสำเนาหนังสือดังกล่าวไปยังกรรมการมหาเถรฯด้วย
สำหรับสาระสำคัญในหนังสือดังกล่าวมีใจความสรุปได้ว่า จะไม่เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 30 พ.ย.2542 เวลา 13.30 น. ตามที่พระสุเมธาภรณ์มีหนังสือนัดหมายให้ไปพบแน่นอน ทั้งนี้เนื่องจากว่า 1.พระสุเมธาภรณ์ไม่ได้อยู่ในฐานะผู้พิจารณา เพราะเรื่องนิคหกรรมได้ถึงที่สุดไปแล้วเมื่อวันที่ 13 ส.ค.2542 เนื่องจากได้มีคำสั่งไม่รับคำกล่าวหาโดยความเห็นชอบของคณะผู้พิจารณาชั้นต้น ดังนั้นพระสุเมธาภรณ์ไม่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎมหาเถรฯฉบับที่ 11 แล้ว
2.การกระทำทั้งหมดภายหลัง 13 ส.ค.2542 เป็นการกระทำนอกกฎมหาเถรฯ 3.มติมหาเถรฯครั้งที่ 37/2542 มิได้ระบุให้พระสุเมธาภรณ์ดำเนินการเรียกผู้ถูกกล่าวหามาพบ และดำเนินกระบวนพิจารณานิคหกรรมใหม่แต่อย่างใด โดยระบุว่าการดำเนินการที่ผ่านมายังไม่สอดคล้องตามขั้นตอนของกฎนิคหกรรม จึงให้ผู้พิจารณาเบื้องต้นดำเนินการเสียใหม่ให้ถูกต้องตามกฎมหาเถรฯฉบับที่ 11 และให้สอดคล้องกับมติมหาเถรฯครั้งที่ 28/2542 เมื่อวันที่ 16 ส.ค. 2542 โดยให้ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายดำเนินการให้เป็นไปตามมตินี้ ซึ่งไม่มีข้อความใดกล่าวว่าให้ผู้พิจารณาดำเนินการเรียกผู้กล่าวหามาพบใหม่
4. การอ้างถึงหนังสือของพระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 ให้เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีดำเนินการตามแต่สมควรนั้น พิจารณาได้ว่าเจ้าคณะภาค 1 ต้องการให้พระสุเมธาภรณ์พิจารณามติมหาเถรฯว่ามีความหมายอย่างไร การดำเนินการที่ผ่านมาไม่สอดคล้องตามขั้นตอนของกฎนิคหกรรมอย่างไร แล้วปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎมหาเถรฯ มิใช่การสั่งการให้เรียกผู้ถูกกล่าวหามาพบ การรื้อฟิ้นอธิกรณ์ขึ้นมาใหม่ถือเป็นการผิดพระธรรมวินัย
นอกจากนี้หนังสือของพระเผด็จ ทัตตชีโว ยังระบุเพิ่มเติมว่า ขณะนี้มีการฟ้องร้องคดีอาญาที่ศาลจังหวัดธัญบุรี คดีหมายเลขดำที่ 5737/2542 ระหว่างพระเผด็จกับนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รมว.ศึกษาธิการและพวก ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล การเรียกให้มารับทราบข้อกล่าวหาถือเป็นการไม่เอื้อเฟื้อและฝ่าฝืนกฎหมายบ้านเมืองด้วย
นายวิระศักดิ์ ฮาดดา หัวหน้าสำนักงานมูลนิธิธรรมกาย เปิดเผยว่า ทั้งนายไชยบูลย์และพระเผด็จเห็นพ้องกันว่า หากไปรับฟังข้อกล่าวหาก้เท่ากับยอมรับในสิ่งที่พระสุเมธาภรณ์สั่งมา ซึ่งเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง ก่อนหน้านี้ก็ได้เคยพบกับนายไพบูลย์ เสียงก้อง อธิบดีกรมการศาสนามาแล้ว ซึ่งอธิบดีกรมการศาสนาก็ยอมรับว่าบทบาทนั้นเป็นแค่ฝ่ายธุรการที่ทำหน้าที่ประสานงานให้คณะสงฆ์ แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สงฆ์ต้องว่ากันเอง ในส่วนของวัดพระธรรมกายนั้นเราตีความตามกฎนิคหกรรม
ด้านน.ส.ชุรีพร ช่วงรังษี หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์มูลนิธิธรรมกายกล่าวว่า ในสมัยพุทธกาลไม่มีประเพณีให้ฆราวาสกล่าวหาสงฆ์ หากพบว่าพระมีการกระทำความผิด ฆราวาสจะต้องไปบอกพระภิกษุรูปอื่นเพื่อให้สงฆ์ได้พิจารณากันเอง ซึ่งพระพุทธเจ้าบัญญัติไว้ว่า ห้ามพระภิกษุเป็นโจทก์กล่าวความผิดพระด้วยกันต่อหน้าฆราวาส หากทำเช่นนั้นจะอาบัติสังฆาธิเสส ดังนั้นจึงห้ามรับคำกล่าวหาจากฆราวาส อย่างไรก็ตามหากทุกอย่างปฏิบัติตามกฎระเบียบทั้งนายไชยบูลย์และพระเผด็จก็ยอมปฏิบัติตาม ไม่ใช่จะคิดดื้อรั้นหรือคัดค้านอะไร แต่การมารับฟังข้อกล่าวหานั้นเท่ากับทำผิดพระธรรมวินัย
นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า การที่นายไชยบูลย์และพระเผด็จจะไม่ไปรับทราบข้อกล่าวหาตามกฎนิคหกรรม ทางกระทรวงศึกษาฯคงไม่มีอำนาจไปทำอะไรได้ แต่การปกครองสงฆ์ในจังหวัดปทุมธานีได้รับผลกระทบแน่นอน เมื่อถึงขั้นนี้เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ควรใช้ดุลพินิจดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งฐานขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา ในส่วนของกระทรวงศึกษาฯจะส่งเจ้าหน้าที่ไปประสานงานเตรียมความพร้อมในวันที่ 30 พ.ย.เหมือนเดิม ส่วนนายไชยบูลย์และพระเผด็จจะไปหรือไม่ก็เป็นสิทธิ์ แต่หากไม่ไปก็จะทำรายงานเสนอต่อเจ้าคณะภาค 1 เจ้าคณะใหญ่หนกลาง รวมถึงที่ประชุมมหาเถรสมาคมให้รับทราบต่อไป
"ทางกระทรวงศึกษาฯมีความปรารถนาอยากจะให้มีการพิสูจน์ความจริงในข้อกล่าวหาต่างๆ เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ ซึ่งเชื่อว่าทุกฝ่ายพร้อมที่จะให้ความยุติธรรม แต่หากมัวแต่โยกโย้กันอยู่ยิ่งจะทำให้ประชาชนเกิดความคลางแคลงใจมากยิ่งขึ้น"
ส่วนที่วัดพระธรรมกาย อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริเวณสภาธรรมกายสากล ในช่วงเช้า นายไชยบูลย์ได้มาเป็นประธานในพิธีสงฆ์และกล่าวชักชวนบรรดาสาวกให้เดินทางมาทำบุญกันมากๆ เพื่อเป็นการเติมบุญบารมี อย่าไปสนใจกับกระแสข่าว ใครจะว่าอย่างไรก็อย่าสนใจ โดยนายไชยบูลย์ใช้เวลาเพียง 15 นาทีก็เดินทางกลับ สำหรับบรรยากาศโดยทั่วไป ทางเจ้าหน้าที่วัดได้ประกาศเชิญชวนให้สาวกมาร่วมงานต้อนรับสหัสวรรษใหม่ในวันที่ 31 ธ.ค. ซึ่งจะมีการจุดโคมประทีปสันติภาพ พร้อมทั้งอ้างว่าจะมีอาคันตุกะทั้งจากในและต่างประเทศมาเที่ยววัดพระธรรมกายในวันดังกล่าวราว 1 ล้านคน
ขณะเดียวกันก็ได้มีการเปิดโทรทัศน์วงจรปิดถ่ายทอดโอวาทของนายไชยบูลย์ โดยการถ่ายทอดดังกล่าวนี้ไม่มีการปล่อยเสียงออกมาแต่อย่างใด แต่มีตัวหนังสือวิ่งบนจอภาพเท่านั้น จากนั้นก็เป็นพระเผด็จ ทัตตชีโว รองเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ได้ให้โอวาท กระทั่งมาถึงอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง เป็นคนสุดท้าย