เดลินิวส์ 26/11/2542
สมเด็จพระสังฆราชย้ำ พุทธมีภัยไร้ผู้แก้ไข
สมเด็จพระสังฆราชตรัสย้ำศาสนามีภัยวุ่นวาย ไร้ผู้ที่มีความจริงใจเข้ามาแก้ไข ระบุบุญกุศลอันเกิดแต่การทำ เพื่อพุทธศาสนานั้นยิ่งใหญ่ พึงเชื่อว่านี่เป็นการบอกความจริงมิใช่เป็นการหลอกให้เชื่อ กมธ.ศาสนานมัส การเจ้าคณะใหญ่หนกลางถวายความเห็นตั้งคณะที่ปรึกษา "อำนวย"เผยสอดคล้องแนวคิดพอดี อัยการเผยอาจสั่งคดี 2ผู้ต้องหาคดีปลอมแปลงเอกสารทัน 8 ธ.ค.หากสำนวนสมบูรณ์ "สมศักดิ์"มึนงานวัดฉาว ก้าวสู่เศรษฐีใหม่ปี 2000" ชี้พระพุทธเจ้าไม่เคยสอน ศึกษาฯไร้อำนาจเข้าไปตรวจสอบ
เมื่อเวลา 13.15 น. วันที่ 25 พ.ย.ที่วัดชนะสงคราม นายอำนวย สุวรรณคีรี ประธานที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ การศาสนา ศิลปและวัฒนธรรม พร้อมกรรมาธิการฯจำนวนหนึ่งได้เดินทางเข้านมัสการสมเด็จพระมหาธีราจารย์ เจ้าอาวาสและเจ้าคณะใหญ่หนกลาง โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงจากนั้นนายอำนวยได้เปิดเผยว่า หลายฝ่ายเป็นห่วงกรณีเกิดเหตุระเบิดขึ้นที่วัดชนะสงคราม จึงได้มานมัสการเยี่ยมเยียนเจ้าคณะใหญ่หนกลาง เนื่องจากที่ผ่านมานั้นได้เป็นหลักให้พระพุทธศาสนาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกรณีวัดพระธรรมกาย
นายอำนวยกล่าวว่า ได้เสนอความคิดเห็นให้พระเถระชั้นผู้ใหญ่แต่ละรูปมีคณะที่ปรึกษาช่วยกลั่นกรองงาน โดยเป็นพระที่มีความรู้ความสามารถ รวมทั้งฆราวาสที่เชี่ยวชาญชำนาญเรื่องกฎหมาย เหมือนเช่นที่วัดพระธรรมกายกระทำอยู่ ซึ่งสมเด็จพระมหาธีราจารย์เองก็มีแนวคิดในทางเดียวกัน คือตั้งคณะทำงานขึ้นมาพิจารณากลั่นกรองเรื่องต่างๆที่เสนอขึ้นมา แม้แต่เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีก็สมควรที่จะได้รับการแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาด้วย
"สมเด็จพระมหาธีราจารย์ยืนยันว่าการดำเนินการตามกฎนิคหกรรมกับนายไชยบูลย์ สุทธิผล เจ้าลัทธิธรรมกายและพระเผด็จ ทัตตชีโวนั้นจะไม่ล่าช้าแล้ว เพราะมหาเถรสมาคมมีมติให้กรมการศาสนาเสนอเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมมหาเถรฯได้เลย โดยไม่ต้องผ่านเจ้าคณะผู้ปกครองตามลำดับชั้นเพื่อให้เร็วขึ้น มติพิเศษนี้เป็นผลดีต่อการทำงานทำให้เกิดความรอบคอบมากขึ้น นอกจากนี้ยังได้ใหคณะกมธ.เสนอความเห็นเพื่อนำไปสู่การแก้ไข"
นายอำนวยกล่าวว่า สมเด็จพระมหาธีราจารย์พยายามยึดหลักว่าจะทำให้เรื่องยุติได้เร็ว และเป็นไปด้วยความยุติธรรม ความจริงเรื่องเป็นปัญหาเฉพาะหน้าไม่ใช่เรื่องเล็ก ดังนั้นการทำงานของมหาเถรฯน่าจะมีคณะวิ นัยธรณ์แก้ไขปัญหาวัดพระธรรมกาย แทนจะอาศัยเจ้าคณะใหญ่หนกลาง เจ้าคณะภาค เจ้าคณะอำเภอ ฯลฯซึ่งที่ผ่านมานั้น ผู้ปกครองตามลำดับชั้นก็มีความเห็นไม่สอดคล้องกัน เพื่อให้คณะวินัยธรณ์เป็นเหมือนคณะกรรม การตุลาการในกรณีที่วัดพระธรรมกายมีชั้นเชิงลูกเล่นมาก ซึ่งสมเด็จพระมหาธีราจารย์ก็เห็นด้วย แต่จะเสนอให้มหาเถรฯหรือไม่นั้นต้องดูด้วยว่า เพราะอาจจะไม่ใช่หน้าที่โดยตรง
อย่างไรก็ตามสมเด็จพระมหาธีราจารย์ยอมรับว่าปัญหาวัดพระธรรมกายนั้น สมเด็จพระสังฆราชทรง มีความห่วงใยมากและยังเห็นว่าพระสุเมธาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีมีความตั้งใจในการทำงานดี แต่มีความรู้ไม่ค่อยดีนัก เมื่อถูกทักท้วงจึงไม่กล้าตัดสินใจ อย่างประเด็นฆราวาสฟ้องสงฆ์ได้ หรือไม่นั้นสามารถพิจารณาได้โดยไม่ต้องผ่านคณะผู้พิจารณาชั้นต้นอย่างที่ผ่านมา
ขณะเดียวกันมีรายงานข่าวจากกองปราบปรามแจ้งว่า เมื่อเวลา 15.00 น. นายชัยวัฒน์ ยอดศรีทอง ซึ่งเป็นผู้หนึ่งที่ได้รับเช็คเงินสดจากวัดพระธรรมกายจำนวน 10 ล้านบาท ได้เดินทางมาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน โดยระบุว่าเงินที่ได้รับนั้นเป็นค่าถมทรายตั้งแต่ปี 2538 อย่างไรก็ตามได้ทำบุญสร้างพระธรรมกายประจำตัวไปทั้งสิ้น 3 องค์เป็นเงิน 30,000 บาทด้วย
ขณะเดียวกันที่สำนักงานอัยการสูงสุด นายอำพล เหมาคม อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 5 เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการพิจารณาคดีของนายเทิดชาติ ศรีนพรัตน์และนายมัยฤทธิ์ ปิตวนิค ผู้ต้องหาปลอมแปลงเอกสารและสนับสนนุให้เจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบว่า พนักงาน สอบสวนได้ส่งสำนวนเพิ่มเติมทั้งพยานบุคคลและพยานเอกสารให้ ซึ่งได้สั่งให้นายชุติชัย สาขากร อัยการ ผู้เชี่ยวชาญเร่งตรวจสอบแล้ว หากว่าสำนวนมีความชัดเจนสมบูรณ์ก็น่าจะสั่งคดีทันภายในวันที่ 8 ธ.ค.นี้ แต่หากสำนวนไม่สมบูรณ์ก็ต้องให้พนักงานสอบสวนหาหลักฐานเพิ่มเติม การสั่งคดีก็จะล่าช้าออกไป
ด้านนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รมว.ศึกษาฯกล่าวถึงเรื่องที่วัดพระธรรมกายจัดงาน ก้าวสู่เศรษฐีปี 2000 ซึ่งจะมีการแจกรางวัลสมนาคุณเป็นสร้อยคอทองคำในวันที่ 27 พ.ย.ว่า กิจกรรมดังกล่าวนี้ ไม่อยากระบุว่าสมควรหรือไม่ เพราะสังคมทราบดีว่าพระพุทธเจ้าไม่เคยสั่งสอนให้ทำสิ่งเหล่านี้ ซึ่งกระทรวงศึกษาฯเองก็มีข้อจำกัดในการตรวจสอบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันเดียวกันนี้ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงเป็นประธานในพิธีเปิดอาคารวิทยาลัยศาสนศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม ในโอกาสนี้ทรงพระราชทานพระวรธรรมคติมีใจความบางตอนสรุปได้ว่า ในยามนี้มีความวุ่นวายเกิดขึ้นในแวด วงพระพุทธศาสนา ไม่มีผู้จริงใจเพียงพอที่จะแก้ปัญหาให้คืนสู่ความเป็นปกติ ซึ่งน่าจะเป็น เพราะไม่เข้าใจถูกจริงว่าเรื่องที่เกี่ยวเนื่องกระทบถึงพระพุทธศาสนามีความสำคัญอย่างยิ่งทุกเรื่อง
"ขอฝากครูอาจารย์ทั้งหลาย ที่กำลังรับหน้าที่สร้างบัณฑิตทางพระพุทธศาสนาของวิทยาลัยศาสนาศึก ษาแห่งนี้ ได้ให้ความเข้าใจ อย่างชัดเจนแก่ศิษยานุศิษย์ทั้งหลาย ว่าบุญกุศลอันเกิดแต่การ ทำเพื่อพระพุทธศาสนา นั้นยิ่งใหญ่ และบาปอกุศลอันเกิดแต่การทำต่อพระพุทธศาสนาก็ยิ่งใหญ่ พึงระวังให้ดี พึงเชื่อว่านี่เป็นการบอกความจริง มิใช่เป็นการหลอกให้เชื่อ"
มีรายงานข่าวล่าสุดแจ้งว่า ในการประชุมมหาเถรฯที่ตำหนักเพชร วัดบวรนิเวศฯในวันเดียวกันนี้ ไม่ได้มีการนำประเด็นปัยหาของวัดพระธรรมกายเข้ามาหารือแต่อย่างใด