เดลินิวส์ 25/11/2542
มารศาสนาเหิมหนักข่มขวัญพระธรรมปิฎก
แฉมารศาสนาเหิมเกริมหนัก บุกขู่วางระเบิดวัด ญาณเวศกวัน วัดที่พำนัก"พระธรรมปิฎก"หลังเกิดเหตุบึ้ม วัดชนะสงครามที่มีม็อบคัดค้านปลดเจ้าคณะตำบลคลองหนึ่งแค่วันเดียว แถมก่อสงครามประสาทวนเวียน ถ่ายรูปพระสงฆ์ในวัดเป็นว่าเล่น ล่าสุดตำรวจ ตรึงกำลังอารักขาเข้มแล้ว "สมศักดิ์" มั่นใจ "ไชยบูลย์" หมดสิทธิ์เผ่นออกนอกอีกราย ด้านวัดพระธรรมกายยัน "พระเผด็จ" กลับไทยทันวันที่ 30 พ.ย.แน่ รู้กำหนดวันถูกเรียกไปรับข้อกล่าวหาตามกฎนิคหกรรมแล้ว แต่จะไปหรือไม่เป็นอีกเรื่อง ท้าตำรวจถ้ามั่นใจว่า "ดร.เบญจ์" กบดานในวัดเชิญมาค้นได้
ภายหลังจากเกิดเหตุระเบิดที่วัดชนะ สงคราม ซึ่งเป็นที่พำนักของสมเด็จพระมหาธีราจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนกลาง เมื่อคืนวันที่ 17 พ.ย. หลังจากมีการชุมนุมเพื่อคัดค้านการปลดพระครูปทุมกิจโกศล เจ้าอาวาสวัดสว่างภพ ออกจากตำแหน่งเจ้าคณะตำบลคลองหนึ่ง ฐานย่อหย่อนในการปฏิบัติหน้าที่กรณีวัดพระธรรมกายนั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 18 พ.ย. ได้มีชายลึกลับขับรถเข้าไปในวัดญาณเวศกวัน จ.นครปฐม ที่มีพระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตโต) เป็นเจ้าอาวาส โดยชายคนดังกล่าวขับรถวนไปวนมาอยู่ภายในวัดโดยไม่ได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ วัดทราบว่ามาด้วยกิจธุระใด จากนั้นได้ลงมาพูดคุยกับ คนงานภายในวัดว่าให้ระวังวัดญาณเวศกวันจะ เกิดเหตุระเบิดเหมือนที่วัด ชนะสงคราม นอก จากนี้ยังมีบุคคลแปลกหน้าหลายคนเข้าไปในวัดญาณเวศกวัน บางคนก็ถ่ายภาพ พระที่กำลังนั่งสมาธิและโบสถ์โดย ไม่มีการพูดคุยสอบถามอะไร และยังเป็นที่น่าสังเกตว่า ระยะหลัง มักจะมีรถยนต์ติดฟิล์มกรองแสงขับเข้าไปวนในวัดหลายรอบแล้วก็ขับออกไปบ่อย ๆ
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 24 พ.ย. พล.ต.ต. ชูเกียรติ ภัยลี้ รอง ผบช.ภาค 2 ช่วยราชการภาค 7 ได้เข้ากราบ นมัสการพระธรรมปิฎก และเปิดเผยว่า ได้รับมอบหมายให้มาดูแลความสงบเรียบร้อยซึ่งได้กำชับ เจ้าหน้าที่ตำรวจให้เข้มงวดตรวจตราอย่าให้เกิดเหตุร้ายใด ๆ ทั้งนี้ โดยส่วนตัวเห็นว่าพระธรรมปิฎก เสนอความเห็นเกี่ยวกับวัดพระธรรมกายอย่างเป็นกลาง ทางวัดพระธรรมกายจึงไม่น่าที่จะไม่พอใจท่าน ตรงกันข้ามน่าจะรับความคิดเห็นไปปรับปรุงคำสอนให้ตรงกับพระไตรปิฎก และจัดระบบทรัพย์สินให้ถูกต้องตามหลักกฎหมาย ปัญหาก็จะยุติ
พ.ต.ท.วีระ ชื่นกลิ่นธูป รอง ผกก.ต. สภ.ต. โพธิ์แก้ว อ.สามพราน จ.นครปฐม กล่าวถึงการให้การอารักขาพระธรรมปิฎกว่า ปกติที่วัดญาณเวศกวันจะมีตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบคอยตรวจตราอยู่แล้ว โดยจะมีตำรวจจาก สภ.ต. โพธิ์แก้ว 2 ชุดผลัดเปลี่ยนตลอด 24 ชั่วโมง และมีรถร้อยเวรไปตรวจเป็นระยะ นอกจากนี้ยังมีตำรวจสันติบาลและกองปราบ ปรามประจำอยู่ อีกทั้งยังมีป้อมยามตรงถนนพุทธมณฑลคอยตรวจบัตรบุคคลเข้าออกวัด กรณีที่มีบุคคลแปลกหน้าเข้าไปในวัดแล้วขู่วางระเบิดนั้น อาจจะเป็นผู้หวังดีมาเตือนให้ระมัดระวังก็ได้ แต่ถึงอย่างไรทางตำรวจก็จะไม่ประมาท ได้กำชับให้เข้มงวดกับบุคคลที่เข้าออกวัดให้มากขึ้น
นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รมว.ศึกษา ธิการ กล่าวถึงกรณีที่นายไชยบูลย์ สุทธิผล เจ้าลัทธิธรรมกายอนุญาตให้พระเผด็จ ทัตตชีโว รองเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย เดินทางไป ต่างประเทศทั้งที่ยังอยู่ระหว่างการถูกดำเนินการตาม กระบวนการกฎนิคหกรรมอยู่ว่า มีความ เหมาะสมหรือไม่อย่างไรนั้นเจ้าตัวเป็นคนที่รู้ดี ส่วนกรณีที่เกรงกันว่า นายไชยบูลย์จะหาช่องทางหลบ ออก นอกประเทศตามพระเผด็จไปแม้จะถูกยึดหนังสือ เดินทางไว้แล้วนั้น ไม่อยาก ให้มองโลกในแง่ร้ายเกินไป แต่เชื่อว่าเวลานี้ทางตำรวจตรวจคนเข้าเมืองก็ดูแลเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดอยู่ ต่อกรณี ที่กระทรวง ศึกษาธิการกำลังเตรียมการประชุมสงฆ์ทั่วประเทศเพื่อออกเป็นมติดำเนินการกับนายไชยบูลย์นั้น นายสมศักดิ์กล่าวว่า ได้หารือเรื่องดังกล่าวกับนายวิชัย ตันศิริ รมช.ศึกษาธิการ และเห็นว่าเป็นเรื่อง ที่เคยเกิดขึ้นในอดีตกาล มีบันทึกไว้ในพุทธตำนาน ซึ่งอาจจะนำมาใช้ก็ได้ อย่างไรก็ตาม หลังวันที่ 30 พ.ย. ที่พระสุเมธาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี เรียกตัวนายไชยบูลย์และพระเผด็จไปรับทราบ ข้อกล่าวหาตามกฎนิคหกรรมแล้ว ผลออกมาอย่างไรจึงจะค่อยมาคิดกันอีกที และหากในวันที่ 30 พ.ย.พระเผด็จยังไม่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ คิดว่าทางฝ่ายปกครองสงฆ์คงจะมีวิธีดำเนินการเรื่องนี้อย่างแน่นอน
นายไพบูลย์ เสียงก้อง อธิบดีกรมการศาสนา กล่าวว่า กรมการศาสนาจะประสานไป ยังสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เพื่อห้าม นายไชยบูลย์เดินทางออกนอกประเทศ เพราะอยู่ระหว่างถูกดำเนินคดีอาญาอยู่
ด้านนายสมบัติ เดียวอิศเรศ อธิบดีผู้ พิพากษาศาลอาญา เปิดเผยถึงกรณีที่พนักงานสอบสวน คดีวัดพระธรรมกาย จะยื่นคำร้องผ่านอัยการขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนประกันนายไชยบูลย์ และนายถาวร พรหมถาวร สาวกคนสนิท ซึ่งตกเป็นจำเลยคดียักยอกทรัพย์ว่า ยังไม่ได้รับคำร้องดังกล่าว แต่หากอัยการยื่นมา ก็ต้องพิจารณาถึงเหตุผล อย่างละเอียดรอบคอบ สำหรับการพิจารณาคดีก็กระทำโดยเร่งรีบ โดยในปี 2543 ได้นัดให้มีการสืบพยาน โจทก์ ทุกวันพุธของสัปดาห์อยู่แล้ว และมีการรวมคดีพิจารณาตามคำร้องของอัยการ อย่างไรก็ตาม การรวมคดีหลาย ๆ คดีมาพิจารณารวมกันก็อาจเกิดความล่าช้าได้ เนื่องจากต้องมีการสืบพยานโจทก์จำนวนมาก ส่วนการห้ามมิให้จำเลยและผู้เกี่ยวข้องเดินทางออกนอกราชอาณา จักรนั้น ขณะนี้ยังไม่มีผู้ใดร้องขอมา
ขณะเดียวกัน น.ส.ชุลีพร ช่วงรังษี หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์มูลนิธิธรรมกาย กล่าวยืนยันว่า พระเผด็จจะเดินทาง กลับมาทันในวันที่ 30 พ.ย. นี้แน่นอน ส่วนที่สำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมืองระบุว่า พระเผด็จแจ้งกำหนดเดิน ทางกลับในวันที่ 10 ม.ค. 2543 นั้น เป็นการจองตั๋วเครื่องบินเผื่อระยะเวลา ไว้เท่านั้น ยืนยันว่าภายใน 1-2 วันนี้ก็จะเดินทางกลับ ทั้งนี้ทางวัดได้ติดต่อแจ้งให้พระเผด็จทราบเรื่อง ถูกเรียกตัวไปรับทราบข้อกล่าวหา ตามกฎนิคหกรรมในวันที่ 30 พ.ย.แล้ว ส่วนจะไปหรือไม่ไปคงตอบแทนไม่ได้
นายวิระศักดิ์ ฮาดดา หัวหน้าสำนัก งานมูลนิธิธรรมกาย กล่าวถึงแนวทางการประ กาศนียกรรมนายไชยบูลย์ว่า มีเหตุผลอะไรจึงต้องทำ มีประโยชน์อย่างไรกับพระพุทธศาสนา เหตุใดจึงไม่ให้เป็นไปตามกฎมหาเถรสมาคม (มส.) ฉบับที่ 11 ที่ดำเนินการตามกฎนิคหกรรม จะเอากฎหมู่มาอยู่เหนือกฎหมายได้อย่างไร
"ท่านรัฐมนตรีวิชัยจะพูดเพื่อเอาใจประชาชนหรือพูดหาเสียงนั้นทำได้ แต่ในทางปฏิบัติคิดว่าเป็นไปได้ยาก และไม่เกิดประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา นอกจากจะทำให้สังคมวุ่นวายมากกว่า"
นอกจากนี้ นายวิระศักดิ์ยังกล่าวอย่างท้าทายกรณีที่ พล.ต.ท.โยธิน มัธยมนันท์ ผบช. สำนักงานตำรวจ สันติบาลระบุว่า ดร.เบญจ์ บาระกุล อยู่ในวัดพระธรรมกายว่า ขอเชิญตำรวจมาตรวจค้นได้เลย วัดพระธรรมกายไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับดร.เบญจ์ ไม่เคยรู้จัก และไม่เคยเห็นหน้าเลยด้วยซ้ำ
แหล่งข่าวจากวัดพระธรรมกาย เปิดเผยว่า ดร.เบญจ์เข้าไปที่วัดพระธรรมกายโดยได้รับการแนะนำจากศิษย์ใกล้ชิด นายไชยบูลย์เมื่อต้นปี 2542 ว่าเป็นนักกฎหมายมือหนึ่งมาช่วยงานวัด แกนนำของวัดต่างก็ได้พบ ดร.เบญจ์ซึ่งมีตัวตน มีการแสดงบัตรประจำตัวประชาชนให้ดูด้วยว่าชื่อ ดร.เบญจ์ บาระกุล ซึ่งแกนนำวัดให้ความเชื่อถือคำกล่าวที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายสงฆ์ แต่ก็ไม่มีใครยืนยันว่ากฎหมายที่นำมาอ้างนั้นถูกต้องจริงหรือไม่
ทั้งนี้ วันที่เจ้าหน้าที่ตำรวจบุกเข้าวัดพระธรรมกายนั้นดร.เบญจ์ก็ยังคงอยู่ภายในวัด และ ยังเดินอยู่ใกล้กับตำรวจ อีกด้วยแต่ไม่มีใครทราบว่าเป็น ดร.เบญจ์ รวมทั้งวันที่มีการออกหมายจับนายไชยบูลย์แล้ว ดร.เบญจ์ได้ร่วมออกแถลงการณ์ข้ามทวีปนั้น ที่จริงดร.เบญจ์ก็อยู่ในวัดไม่ได้อยู่ในสหรัฐฯอย่างที่ทางวัดกล่าวอ้าง.