เดลินิวส์ 22/11/2542
'ทัตตชีโว'ธรรมกาย หลบไปเมืองนอก
เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีงง"พระเผด็จ ทัตตชีโว"ไปอเมริกาโดยไม่ขออนุญาต ยืนยันนำมาเป็นข้ออ้าง ไม่มารับ ทราบข้อกล่าวหาตามกฎนิคหกรรมไม่ได้ ตำรวจไม่วางใจตรึงกำลังอารักขาสมเด็จพระมหาธีราจารย์แน่น หวั่นเกิดเหตุซ้ำสอง "ไชยบูลย์"สิ้นท่าสวมหมวกไหมพรม เสื้อแขนยาวออกโรงพ้อสาวกโหรงเหรง อ้อนแม้ จะไม่สบาย ก็จะมาร่วมกิจกรรมด้วย ขอให้สาวกมากันแน่นเหมือนเดิม
ที่วัดพระธรรมกาย อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เมื่อวันที่ 21 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรดาศิษย์วัดพระธรรมกาย เดินทางมาร่วม กิจกรรมของวัดกันบางตาอย่างเห็นได้ชัด บรรยากาศเป็นไปด้วยความเงียบเหงามาก โดยเมื่อเวลา 9.30 น. นายไชยบูลย์ สุทธิผล เจ้าลัทธิธรรมากย ได้ออกมากล่าวกับบรรดาสาวกที่สภาธรรมกายสากลในลักษณะที่เสียงแหบแห้งว่า ได้ขออนุญาตหมอมาโดยบอกว่าจะมานั่งปฏิบัติธรรมกับสาวก เพราะ 1 เดือนเศษที่ผ่านมาเสียงเพิ่งจะใช้ได้ และตอนนี้กำลังพยายามจะเปลี่ยนเป็น "เสียงมหาพรหม"
นายไชยบูลย์กล่าวกับบรรดาศิษย์วัดว่า คอยก่อนนะลูกนะ รอให้เสียงดีกว่านี้เดี๋ยวจะมานำสวดมนต์ให้ พ่อดีใจที่ลูกมากันมาก ซึ่งการทำหน้าที่นี้อย่างต่อเนื่องมาหลายอาทิตย์และพวกเราทำหน้าที่ได้ดีมากทีเดียว แต่สังเกตสมาชิกคงจะทอดทิ้งกันละมั้งเพราะดูข้างหน้าก็หนาแน่นดีแต่ข้างหลังรู้สึกว่าจะไปที่อื่น
"ทอดกฐินวันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วนะ หลวงพ่อทัตตชีโวยังหนีไปเลย เอ๊ย ท่านไปเป็นประธานทอดผ้าป่าที่อเมริกา วันนี้ดูบางตาไปนิด วันอาทิตย์เป็นวันที่สำคัญพวกเราต้องมาเจอกันมาตอกย้ำการปฏิบัติธรรมย้ำให้มันแน่นขึ้น จึงไม่อยากให้ขาดมาวัดในวันอาทิตย์ เพราะวันธรรมดาพวกเราต้องทำงาน โลกขาดแคลนผู้นำทางด้านจิตใจหลวงพ่อขอฝากความหวังให้กับลูกๆทุกคน"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายไชยบูลยได้ออกมากล่าวกับสาวกโดยใช้เวลาประมาณ 15 นาทีเท่านั้น โดยอ้างว่าทนเจ็บคอและทนเสียงแหบแห้งไม่ได้ และให้พระมหาฉัตรชัย ฉัตตัญชโย ออกมาเทศน์แทน
ต่อมาเวลา 12.00 น. ประชาสัมพันธ์มูลนิธิธรรมกายได้เปิดรายการเสียงตามสายถ่ายทอดทั้งภาพและเสียงผ่านทางโทรทัศน์ วงจรปิดซึ่ง ติดตั้งรอบสภาธรรมกายสากล โดยน.ส.ชุลีพร ช่วงรังษี เจ้าหน้าที่ประชาสัม พันธ์มูลนิธิธรรมกาย ได้ชี้แจงข่าวที่เกิดขึ้นในรอบสัปดาห์ เริ่มตั้งแต่การที่นายไชยบูลย์ และนายถาวร พรหมถา วร คนสนิท เดินทางไปขึ้นศาล ต่อด้วยการชี้แจงเหตุการณ์ ระเบิดที่เกิดขึ้นที่วัดชนะสงคราม และการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจและสื่อมวลชนเดินทางเข้าตรวจสอบภายในวัด
น.ส.ชุลีพร กล่าวว่า กรณีระเบิดที่วัดชนะสงครามนั้นไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับวัดพระธรรมกาย และเชื่อได้ว่าคนของวัดพระธรรมกายจะไม่ทำเรื่องเช่นนี้อย่างแน่นอน เพราะคนของวัดธรรมกายทุกคน ได้ถูกฝึกฝนมาเป็นอย่างดีทั้งทางด้านจิตใจและด้านการกระทำ วัดพระธรรมกายขอชี้แจงว่า เราเคารพในกฎกติกาของบ้านเมืองและแสวงหาข้อยุติด้วยความสงบ เหตุการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้นไม่ได้ เป็นผลดีต่อวัดพระธรรมกายเลย อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อกระบวนการยุติธรรมที่ดำเนินอยู่
"การระเบิดครั้งนี้คงเป็นฝีมือของมือที่ 3 ซึ่งไม่หวังดีกับวัดพระธรรมกาย ต้องการทำให้วัดพระธรรมกายมีมลทินเพิ่มขึ้นอีก การที่มีระเบิดวัดชนะสงครามครั้งนี้ ยอมรับว่าทางวัดพระธรรมกายเสียหายมาก อยากเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ ตำรวจเร่งสืบสวนหาผู้กระทำผิดมาลงโทษโดยเร็ว ไม่อยากให้ตำรวจเอาวัดพระธรรมกายมาเป็นแพะแทน"
อย่างไรก็ตามล่าสุดเมื่อวันที่ 19 พ.ย. พล.ต.ต.พิชิต ควรเตชะคุปต์ รอง ผบช.ภ.1 ได้นำสื่อมวลชนทุกแขนง เดินทางมาตรวจตราภายในวัด เมื่อดูแล้วก็ไม่พบว่าทางวัดจะเตรียมการก่อความรุนแรงอะไร กลับได้เห็นความเป็นอยู่ที่เรียบง่ายของกัลยาณมิตรและพระภิกษุในวัด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พิธีกรรมในช่วงบ่ายนายไชยบูลย์ซึ่งสวมหมวกไหมพรม ใส่เสื้อแขนยาว ได้มาเป็นประธานมอบ พระหลวงพ่อสดองค์ยืน รุ่นสยบมาร ต่อมาพระสมชาย ฐานวุฒโฑ ผอ.ฝ่ายเผยแพร่วัดพระธรรมกาย ได้ออก มากล่าวกับผู้ไปร่วมกิจกรรมของวัดว่า ข่าววัดพระธรรมกายมีมาปีเศษแล้ว ความจริงผู้สื่อข่าวไม่ได้มีอคติอะไรกับวัด เพียงแต่ส่งข่าวไปแล้วก็ถูกเปลี่ยนแปลงบิดเบือน ส่วนเรื่องคดีที่มีการกล่าวหาว่านายไชยบูลย์โกงเงินวัดนั้นดูแล้ว เหมือนกับกล่าวหาว่า โกงเงินในกระเป๋าตัวเอง เป็นเรื่องที่ตลกมาก สิ่งก่อสร้างทั้งหลายนั้นเกิดขึ้นเพราะความจำเป็น ความจริงควรขอบคุณเรามากกว่าเพราะสุดท้ายก็ตกเป็นของชาวพุทธทุกคน สื่อมวลชน ควรที่จะมองว่าจะใช้วัดพระธรรมกายอย่างไรให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศ มากกว่าจะมาทำลายล้างกัน "ในภาวะเช่นนี้ขอให้พวกเราชาววัดพระธรรมกายไม่ควรที่จะตื่นข่าว ขอให้ตั้งใจปฏิบัติธรรมและอย่าหวั่นไหวกับอุปสรรค และช่วยกันเชิญชวนคนอื่นๆมาเป็นกัลยาณมิตรเหมือนกับเราด้วย ขอเวลาอีกนิด ถ้าพวกเรายังอยู่ในบุญ ทุกอย่างจะพิสูจน์ออกมาเอง"
แหล่งข่าวกล่าวถึงกรณีที่พระเผด็จ ทัตตชีโว รองเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย เดินทางไปสหรัฐอเมริกาซึ่งนายไชยบูย์ระบุว่า ไปเป็นประธานทอดผ้าป่าว่า เป็นเรื่องที่น่าจับตามอง เพราะขณะนี้เหลือเวลาอีกไม่กี่วันก็จะถึงวันที่ 30 พ.ย. ซึ่งเป็นวันที่พระสุเมธาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี นัดหมายให้นายไชยบูลย์และพระเผด็จ เข้ารับทราบข้อกล่าวหา ตามกฎนิคหกรรมเป็นครั้งที่ 3 ครั้งสุดท้าย หากไม่มาจะใช้กฎมหาเถรสมาคม (มส.) ฉบับที่ 24 สั่งปลดออกจากตำแหน่ง ดังนั้นอาจเป็นไปได้ว่าจะมีการประวิงเวลา พระเผด็จอาจจะเดินทางกลับมาไม่ทันในวันที่ 30 พ.ย. ซึ่งต้องดูกันต่อไปว่าทางวัดพระธรรมกายจะมีลูกเล่นหลบเลี่ยงอะไรอีกหรือเปล่า
พระสุเมธาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี กล่าวว่า การเดินทางไปต่างประเทศของพระเผด็จนั้น ไม่ทราบเรื่องมาก่อน เพราะไม่ได้มีการรายงานมาทางผู้บังคับบัญชา หากพระเผด็จจะยกกรณีนี้มาอ้างเพื่อไม่เข้ารับทราบข้อกล่าวหา ตามกฎนิคหกรรมในวันที่ 30 พ.ย. ก็คงต้องตรวจสอบว่าไปก่อนหรือหลังจากได้รับหนังสือเรียกตัว ซึ่งหนังสือ นั้นส่งไปเมื่อวันศุกร์ในวันเสาร์ก็น่าจะได้รับแล้ว แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามกรณีนี้คงไม่สามารถนำมาอ้าง เพื่อหลบเลี่ยงได้ หากในวันที่ 30 พ.ย.นายไชยบูลย์และพระเผด็จ ไม่มาก็จะรายงานผู้บังคับบัญชาให้รับทราบ เพื่อดำเนินการตามกฎหมาเถรสมาคมต่อไป
ทางด้านความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้คัดค้านการปลดพระครูปทุมกิจโกศล เจ้าอาวาสวัดสว่างภพ ออกจากตำแหน่งเจ้าคณะตำบลคลองหนึ่ง ล่าสุดมีรายงานแจ้งว่า พระชัยยะ จันทสโม พระลูกวัดพระธรรมกาย ซึ่งเคยเป็นพระเลขาฯเจ้าอาวาสวัดสว่างภพ ขณะนี้ยังไม่สิ้นความพยายาม ยังคงวิ่งล่ารายชื่อจากเจ้าอาวาสวัดต่างๆ ในสายปกครองของเจ้า คณะตำบลคลองหนึ่ง ที่มีอยู่ทั้งหมด 7 วัด โดยขอให้แต่ละวัดลงชื่อไม่เห็นด้วยกับปลด พระครูปทุมกิจโกศล ซึ่งล่าสุดมีเจ้าอาวาสยอมเซ็นชื่อไม่เห็นด้วยแล้ว 1 วัด แต่ยังไม่ทราบว่าเป็นวัดใด
ส่วนความคืบหน้าในการดำเนินคดีกับนายไชยบูลย์ และการติดตามคนร้ายที่ลอบวางระเบิดวัดชนะสง ครามนั้น ผู้สื่อข่าว รายงานว่าที่วัดชนะสงครามยังคงมีเจ้าหน้าที่ตำรวจรักษาการอย่างเข้มงวด โดยเจ้าหน้าที่ตำ รวจจากสน.ชนะสงคราม ได้นำแผงเหล็กมากั้นเป็นแนวบริเวณปากทางเข้ากุฏิสมเด็จพระมหาธีราจารย์ เจ้าอาวาสวัดและเจ้าคณะใหญ่หนกลาง โดยตั้งแต่เช้า สมเด็จพระมหาธีราจารย์ได้ออกไปปฏิบัติศาสนกิจนอกวัด อย่างไรก็ตามมีผู้ที่มานมัสการถวายกำลังใจอาทิ นายธงทอง จันทรางสุ ต้องลงนามในสมุดเยี่ยมที่ทางวัดเตรียมไว้
รายงานข่าวแจ้งว่า สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ได้ทรงมีพระบัญชาให้ สมเด็จพระมหาธีราจารย์ ไปปฏิบัติศาสนกิจแทนตลอดช่วงบ่าย โดยเวลา 13.00 น. เป็นประธานในพิธีแผ่เมตตา อธิษฐานจิตบุษบกเงินลงถมตะทองและบุษบกจำลองบุดุนลวดลาย ภายในประดิษฐานตราสัญญ ลักษณ์เฉลิม พระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ พระอุโบสถ วัดบวรนิเวศวิหาร ต่อมาเวลา 17.09 น. เป็นประธานในพิธี จุดเทียนชัยประกอบพิธีมังคลาภิเษกเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา ซึ่งจัดโดยสมาคม 50 แซ่คนไทยเชื้อสายจีน ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ทั้งนี้ สมเด็จพระสังฆราชทรงโปรดให้รถนำขบวนของพระองค์มา ให้การอารักขาสมเด็จพระมหาธีราจารย์ตลอดเส้นทางด้วย
พระมหาสะท้าน จิตตวโร พระที่ปฏิบัติหน้าที่ในสำนักเลขานุการสมเด็จพระสังฆราชเปิดเผยว่า การที่สมเด็จพระสังฆราชทรงมีพระบัญชา ให้สมเด็จพระมหาธีราจารย์ปฏิบัติศาสนกิจแทนนั้น เนื่องจากพระองค์ ทรงมีพระอาการอ่อนเพลียนิดหน่อย ประกอบกับพระองค์จะต้องปฏิบัติศาสนกิจต่อเนื่องกันเป็นเวลา 3 วัน คือในวันที่ 3-5 ธ.ค. ดังนั้นจึงต้องถนอมพระวรกายไว้