เดลินิวส์ 17/11/2542
สาวกธรรมกายถ่อยขับรถชนช่างภาพทีวี
สาวกธรรมกายถ่อย ขับรถยนต์ชนสื่อมวลชนขณะทำข่าวชาวบ้านชุมนุมค้านคำสั่งปลดเจ้าคณะตำบล คลองหนึ่งที่วัดชนะฯ อ้างแบบไม่มียางเพิ่งหัดขับรถ ไม่มีเจตนา "พระพรหมโมลี"มีสิทธิ์หมดโอกาสนั่งประชุมมหาเถรฯ หลังหมดวาระใน เดือนก.พ.ปีหน้า เข้าข่ายอุ้ม"ไชยบูลย์" เผยตัวเจ้าคณะตำบลคลองหนึ่งแล้ว สุดพลิกล็อค"พระปริยัติวโรปการ "เข้าวิน แกนนำวัดฉาวระดมพลแล้ว ใส่ไคล้กรมการศาสนาร่วมกับ"พระสุเมธาภรณ์"บงการยึดธรรมกายเพราะความแค้นส่วนตัว วืงวอนสาวกรวมตัวด่วนใส่เสื้อผ้าธรรมดาหนุนลัทธิจานบิน ตบตาคนทั้งประเทศ
เมื่อวันที่ 16 พ.ย. มีรายงานข่าวจากกระทรวงศึกษาธิการแจ้งว่า การดำเนินการตามกฎนิคหกรรมกับนายไชยบูลย์ สุทธิผล เจ้าลัทธิธรรมกาย ค่อนข้างจะมีปัญหาตลอด โดยเฉพาะการที่พระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 ในฐานะหัวหน้าคณะผู้พิจารณาชั้นต้น มีการดำเนินงานเป็นประโยชน์ต่อนายไชยบูลย์ตลอดเวลา เริ่มตั้งแต่การเสนอเรื่องวัดพระธรรมกายเข้าที่ประชุมมหาเถรสมาคม และมีแต่คำแนะนำให้ปฏิบัติ 4 ข้อ แต่วัดพระธรรมกายก็ไม่ทำตาม กระทั่งนายไชยบูลย์ถูกฟ้องตามกฎนิคหกรรมพระพรหมโมลี ก็ตีความว่ากฎนิคหกรรม ฆราวาสฟ้องไม่ได้ ทำให้ต้องส่งเรื่องเข้าที่ประชุมมหาเถรฯอีกครั้ง และแม้มหาเถรฯจะมีมติว่าฆราวาสฟ้องได้ พระพรหมโมลีก็ยังตีความอีกว่ากรณีนายไชยบูลย์ต้องเริ่มต้นยื่นฟ้องใหม่ จะเอาสำนวนเก่ามาฟ้องไม่ได้
ทั้งหมดนี้ทำให้มีการประเมินว่ากระบวนการ ตามกฎนิคหกรรมจะไม่คืบหน้า และแม้การประชุมมหาเถรฯล่าสุด เมื่อต้นเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา จะให้กรมการศาสนาไปเร่งประสานงานกับพระพรหมโมลี แต่ก็คงไม่คืบหน้า และสุดท้ายต้องเสนอเรื่องไปยังสมเด็จพระมหาธีราจารย์ เจ้าอาวาสวัดชนะสงคราม เจ้าคณะใหญ่หนกลาง ในฐานะพระเถระ สูงสุดในสายปกครองวัดพระธรรมกาย อย่างไรก็ตาม ผลของ การแก้ไขปัญหากรณีธรรมกายนี้ทำให้มีการประเมินว่า พระพรหมโมลีอาจไม่ได้รับการแต่งตั้งให้กลับเข้ามาเป็นกรรมการมหาเถรฯอีกสมัย
แหล่งข่าวจากกรรมการมหาเถรฯเปิดเผยว่า องค์ประกอบของกรรมการ มหาเถรฯจะมีทั้งสิ้น 21 รูป โดยมีสมเด็จพระสังฆราช เป็นประธาน อีก 20 รูปแยกเป็นกรรมการโดยตำแหน่ง 8 รูป ได้แก่พระเถระที่เป็นชั้นสมเด็จ ส่วนอีก 12 รูปเป็นกรรมการที่ได้รับการแต่งตั้งโดยอำนาจสมเด็จพระสังฆราช
กรรมการมหาเถรฯที่ได้รับการแต่งตั้งจะมีวาระ 2 ปี โดยชุดปัจจุบันจะหมดวาระในเดือนก.พ.ปีหน้า และพระพรหมโมลีก็เป็น กรรมการที่ได้รับการ แต่งตั้ง นอกจากนั้นอาจมีการปรับโครงสร้างในกรรมการส่วนนี้ด้วย เนื่องจากที่ผ่านมากรรมการ มหาเถรฯหลายรูปไม่ได้ทำหน้าที่ในการปกป้องพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะกรณีธรรมกายที่แสดงออกอย่างเด่นชัด รวมถึงการฝ่าฝืน ลายพระหัตน์สมเด็จพระสังฆราชในกรณีธรรมกายที่ให้จัด การอย่างเด็ดขาด แต่ที่ผ่านมามหาเถรฯมีบทบาทน้อยเกินไป
"ขณะนี้ได้มีข้อมูลเกี่ยวกับการก่อสร้างของวัดๆหนึ่ง ใช้งบประมาณราวๆ 70 ล้านบาท ซึ่งไม่รู้ว่าเอาเงินมาจากไหน และอาจได้รับการสนับสนุนจากใครบางคนจนทำให้เกิดปัญหาการดำเนินการ กับธรรมกาย"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจาก ที่พระสุเมธาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี สั่งพักตำแหน่ง พระครูปทุมกิจโกศล จากตำแหน่งเจ้าคณะตำบลคลองหนึ่งไปแล้วนั้น ขณะนี้พระสุเมธาภรณ์ได้พระที่จะมารักษาการเจ้าคณะตำบลคลองหนึ่งแล้วคือ พระปริยัติวโรปการ เจ้าอาวาสวัดเขียนเขต พระเลขาฯเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ซึ่งเป็นพระสังฆาธิการที่มีความรู้ความสามารถและไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับวัดพระธรรมกาย
พระสุเมธาภรณ์ กล่าวว่า คำสั่งปลดนายไยบูลย์ได้ถูกส่งไปถึงวัดพระธรรมกายแล้วตั้งวันที่ 16 พ.ย. ซึ่งคงจะถึงมือนายไชยบูลย์เรียบร้อยแล้ว และจะเริ่มมีผลบังคับทันทีในวันที่ 17 พ.ย.นี้
รายงานข่าวแจ้งว่า ขณะนี้สาวกคนสำคัญและแกนนำธรรมกายได้ให้ผู้นำบุญของวัดและหัวหน้าสายแต่ ละเขตช่วยกันกระจายข่าวไปยังสาวก โดยเฉพาะการโทรศัพท์ไปหาตามบ้านว่าวัดพระธรรมกายจะถูกยึด ที่สำ คัญนายไชยบูลย์จะถูกจับถอดผ้าเหลือง โดยพระสุเมธาภรณ์ร่วมกับ กรมการศาสนากลั่นแกล้ง เพราะไม่พอใจในการช่วงชิงตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีที่พระเผด็จเคยเป็นตัวเก็ง และขอให้สาวก ทุกคนเดินทางมาชุมนุมที่วัดเพื่อหารือเคลื่อนไหวแสดงพลังปกป้องนายไชยบูลย์ไม่ให้วัดถูกยึด
ล่าสุดเมื่อวันที่ 16 พ.ย.ได้มีผู้มาชุมนุมที่วัดแล้วจำนวนหนึ่ง โดยสาวกที่เป็นเจ้าของกิจการหลายแห่งปิดร้าน และเกณฑ์พนักงาน เดินทางมาด้วยโดยให้ค่าแรงเป็นสองเท่า แต่การเดินทางมาจะไม่ให้ใส่เสื้อธรรมกาย หรือห้อยพระดูดทรัพย์ ทำตัวเป็นประชาชนธรรมดาเพื่อสร้างภาพว่ามีประชาชนหนุนนายไชยบูลย์ เหมือนกรณีการเคลื่อนไหวค้านการปลดพระครูปทุมกิจโกศลออกจากตำแหน่งเจ้าคณะตำบลคลองหนึ่ง
พระสุเมธาภรณ์กล่าวถึงการดำเนินการตามกฎนิคหกรรมกับนายไชยบูลย์และพระเผด็จว่า จะยังไม่ยุติต้องดำเนินการต่อไปให้สอดคล้อง ตามมติมหาเถรฯ ซึ่งในเบื้องต้นได้กำหนด ไว้ว่าจะเรียกตัวนายไชยบูลย์และพระเผด็จมารับ ทราบข้อกล่าวหาอีกครั้งในวันที่ 30 พ.ย.นี้ ถือเป็นการเรียกตัวครั้งที่ 3 เป็นโอกาสครั้งสุดท้าย ถ้ายังขืนดื้อดึงอยู่ก็จะต้องพิจารณา ในเรื่องของวินัยในการปกครอง เพราะเป็นการขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชามีโทษระบุไว้ชัดเจน เรื่องนี้จะต้องรีบดำเนินการเพราะพระผู้ใหญ่ได้ย้ำมา
ผู้สื่อข่าวรายงานถึง กรณีมีผู้ไปชุมนุมที่หน้ากุฏิสมเด็จพระมหาธีราจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนกลาง ที่วัดชนะสงคราม ตั้งแต่คืนวันที่ 15 พ.ย. เพื่อกดดันคัดค้านการปลดพระครูปทุมกิจโกศลว่า ผู้ที่ไปชุมนุมเกือบ 100 คนนั้นกว่าครึ่งเป็นผู้นำบุญของวัดพระธรรมกาย โดยชุมนุมอยู่จนถึงเช้าวันที่ 16 พ.ย.โดยมีการผลัดเปลี่ยน กันเป็นชุดๆ มีการนำเต๊นท์ขนาดใหญ่มากางขวางทางสัญจรภายในวัดด้วย ซึ่งพระลูกวัดชนะสงคราม ได้พยายามเจรจาขอให้เปิดเส้นทาง แต่ผู้ชุมนุมต่อรองให้จัดหาสถานที่ให้ใหม่พร้อมทั้ง ให้บริการเรื่องน้ำและห้องสุขาให้ด้วย แต่ทางวัดปฏิเสธโดยแจ้งว่าไม่ได้เชิญมาจึงไม่ควรมาทำให้วัดเดือดร้อน
ต่อมาเวลา 12.00 น. กลุ่มผู้ชุมนุมได้ยอมเปิดเส้นทาง แต่สมเด็จพระมหาธีราจารย์ก็ไม่อนุญาตให้เข้าพบ โดยได้มอบ หมายให้พระลูกวัดมาแจ้งกับผู้ชุมนุมว่า ได้ทำความเข้าใจกับพระครูปทุมกิจโกศลซึ่งยอมรับ และยินดีลาออกจากตำแหน่งแล้ว แต่ทางผู้ชุมนุมก็ยังคงไม่ยอม อ้างว่ายังไม่เข้าใจ
ขณะที่สื่อมวลชนทุกแขนงได้ไปรวมตัวกันทำข่าวที่วัดชนะสงคราม บริเวณทางเข้า กุฏิเจ้าคณะใหญ่หนกลางนั้น ปรากฏว่า ได้มีรถยนต์โตโยต้า สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน 3 ษ 0739 กทม. ขับพุ่งเข้าเข้าหากลุ่มสื่อมวลชนที่นั่งกันอยู่จนต้องวิ่งหนีกันโกลาหล ซึ่งรถคันดังกล่าวได้เฉี่ยวกล้อง ถ่ายภาพของสถานีโทรทัศน์ช่อง 7 เสียหายแล้วพยายามจะหลบหนีแต่ไม่พ้น ถูกนายชินกรณ์ ไกรนุกูล ช่างภาพช่อง 7 สกัดไว้ได้
อย่างไรก็ตาม เจ้าของรถไม่ยอมลงจากรถมาเจรจาจนต้องมีการแจ้งตำรวจให้มาจัดการ ซึ่งเจ้าของรถคันดังกล่าวคือนางวรพรรณ จันทรากุลศิริ อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 464 ถ.พระพันวษา ต.ท่าพระพี่เลี้ยง จ.สุพรรณบุรี นางวรพรรณได้มีปากเสียงกับนายชินกรณ์ ทางกลุ่มผู้ชุมนุมได้กรูกันจะเข้าทำร้ายนายชินกรณ์ เมื่อบรรดาสื่อมวลชนจะเข้าไปช่วยก็ถูกกลุ่มผู้ชุมนุมล้อมกรอบไว้ เกิดกระทบกระทั่งจนเกือบจะมีการปะทะกัน
นางวรพรรณอ้างว่ากำลังขับรถจะไปทำงาน แต่ขับไม่เก่งไม่ได้มีเจตนาชน เป็นที่น่าสังเกตว่ากระจกหน้ารถ ของนางวรพรรณ มีสติกเกอร์รูปยายชีจันทร์ และรูปพระธรรมกายประจำตัวเป็นแก้วใส กระจกหลังก็มีแผ่นป้ายข้อความว่า"ธรรมกายคือเป้าหมายของชีวิต" อย่างไรก็ตาม นายชินกรณ์ได้ไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ที่สน.ชนะสงคราม ซึ่งต่อมาได้มีการตกลงกันโดยบริษัท ประกันภัยรถยนต์ของนางวรพรรณมาเคลียร์ค่าเสียหายให้กับผู้เสียหาย ต่อมาเวลา 14.00 น.กลุ่มผู้ชุมนุมได้ย้ายไปอยู่บริเวณสนามด้านข้างกุฏิ มีการเปิดเวทีปราศรัยโจมตีพระผู้ใหญ่ เรียกร้องให้รีบแต่งตั้งพระครูปทุมกิจโกศลกลับสู่ตำแหน่งเจ้าคณะตำบลคลองหนึ่ง ทั้งระบุว่าสมเด็จพระมหาธีราจารย์ไม่ทราบว่ามีชาวบ้านมาชุมนุมกันจึงต้องตะโกนดังๆ โดยระหว่างมีการชุมนุมสมเด็จ พระมหาธีราจารย์ได้เดินทางเข้าออกวัดเพื่อไปปฏิบัติศาสนกิจหลายรอบ แต่บรรดาผู้ชุมนุมต่างไม่มีใครรู้จัก ซึ่งทางวัดชนะสงครามได้ขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาช่วยผลักดันผู้ชุมนุมออกจากวัดด้วย
กระทั่งเวลา 19.00 น. แกนนำม็อบส่วนหนึ่งได้เข้าไปเจรจากับพระมหาปัญญา พระเลขาของสมเด็จพระมหาธีราจารย์ โดยใช้เวลาในการเจรจานานกว่า 30 นาที แต่ปรากฎว่าไม่เป็นผล ม็อบไม่ยอมสลายตัวแต่อย่างใด โดยแกนนำคนหนึ่งได้บอกกับ พระมหาปัญญาว่า บรรดาศิษย์ของพระครูปทุมกิจโกศลนั้นเข้าใจเหตุการณ์ทุกอย่าง และยอมที่จะสลายตัวเดินทางกลับบ้าน ส่วนกลุ่มที่ยังคงชุมนุมอยู่ต่อไปนั้นไม่ใช่ศิษย์เจ้าอาวาสวัดสว่างพบ แต่จะเป็นใครขอให้คิดกันเอาเอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดระยะเวลาในการชุมนุมที่วัดชนะสงครามฯครั้งนี้ ผู้ชุมนุมได้รับการสนับสนุน ด้านเสบียงอาหารและน้ำดื่มโดยตลอด มีการจัดข้าวกล่องมาแจกจ่ายเหมือนกับเมื่อครั้งมี งานบุญใหญ่ในวัดพระธรรมกาย หรือครั้งที่มีพระเณรกว่า 10,000 รูปเข้ามานมัสการพระเถระชั้นผู้ใหญ่ในกทม. หลายฝ่ายเชื่อว่าการชุมนุมครั้งนี้จะยืดเยื้อต่อไปเรื่อยๆ เพื่อกดดันให้มหาเถรฯเห็นว่าการปลดเจ้าคณะตำบลทำให้เกิดความวุ่นวาย และเพื่อให้เห็นว่าชาวบ้านรู้สึกว่าเป็นการกลั่นแกล้ง
รายงานข่าวแจ้งว่า กรณีที่พล.ต.ท.วาสนา เพิ่มลาภ หัวหน้าคณะพนักงานสอนสวนคดีวัดพระธรรมกาย ได้ส่งเรื่องให้บช.ภ.1 ไปสอบสวนประเด็นการเรี่ยไรเงินของวัดพระธรรมกาย เนื่องจากกรมการศาสนาได้ยืนยันว่าโครงการเรี่ยไรของทางวัดทั้ง 16 โครงการไม่เคยขออนุญาตจากกรมการศาสนาตามพ.ร.บ.เรี่ยไรเงิน ทาง บช.ภ.1 ได้มอบหมายให้สภ.อ.คลองหลวงรับไปดำเนินการ ขณะเดียวกันมีรายงานจากทางตำรวจสันติบาลระบุว่า โทษตามพ.ร.บ.เรี่ยไรแม้จะไม่รุนแรงนักคือมีโทษจำคุกเพียง 1 เดือน ปรับไม่เกิน 500 บาท แต่การกระทำของทางวัดพระธรรมกายมีหลายกรรมหลายวาระ จึงอาจจะถูกดำเนินคดีหลายคดี นอกจากนี้ในทางสงฆ์ตามกฎมหาเถรฯก็ระบุว่าภิกษุรูปใดเรี่ยไรโดยไม่ขออนุญาต มีโทษถึงขับออกจากวัดและจับสึก
พล.ต.ท.วาสนากล่าวว่า ขณะนี้ยังวินิจฉัยไม่ได้ว่ากรณีที่มีโจรย่องเบาเข้าไปค้นห้องในกรมการศาสนาถึง 3 ครั้งมีเจตนาอะไรกันแน่ แต่ก็ได้กำชับให้มีการระมัดระวังเกี่ยวกับการเก็บรักษาเอกสารหลักฐานคดีธรรมกาย ที่กองปราบปรามทั้ง 2 ห้องเป็นพิเศษ ส่วนกรณีที่ทางวัดพระธรรมกายระดมคนเตรียมเคลื่อนไหวป้องกัน นายไชยบูลย์นั้น หากมีเจตนาเพื่อมาฟังการสืบพยานของศาลในนัดแรกก็ไม่มีปัญหา แต่หากมีเจตนาอื่นก็ไม่ควรทำ ซึ่งได้แจ้งให้ตำรวจเจ้าของพื้นที่ดูแลความสงบเรียบร้อยแล้ว