page4

เดลินิวส์ 15/11/2542

1 ปี"กรณีธรรมกายา"ภารกิจ"เดลินิวส์"ธำรงรรักษาพระศาสนา

ครบรอบ 1 ปีพอดีในวันที่ 15 พ.ย. 2542 นี้ สำหรับการนำเสนอข่าวกรณี "ธรรมกาย" ของ "เดลินิวส์"

เริ่มตั้งแต่การรายงานในสกู๊ปปกชิ้นแรก "ฟ้าสั่น-แผ่นดินสะเทือน!! 2 ปราชญ์ศาสนาวิพากษ์ หาทุนธรรมกายผิดหลัก?" เมื่อวันที่ 16 พ.ย. 2541 "เดลินิวส์" ก็กลายเป็นหนังสือพิมพ์รายวันฉบับแรกและฉบับเดียว ที่เกาะติดรายงานข่าวธรรมกายในขณะนั้น และนำเสนอข่าว-บทความตลอด 365 วัน โดยไม่เคยเว้นแม้แต่วันเดียว ก่อนที่เพื่อนร่วมอาชีพฉบับอื่น ๆ จะร่วมกันรายงานความไม่ชอบมาพากลของลัทธิสูบบุญนี้

ครั้งแรกสำหรับข่าวธรรมกาย ได้มีความห่วงใยเกิดขึ้นตลอดเส้นทางการทำงาน โดยเฉพาะคำเตือนด้วยความห่วงใยที่ว่า "ธรรมกายใหญ่เกินกว่าที่ใครจะเข้าไปตรวจสอบได้" แต่ทว่าวันเวลาได้พิสูจน์แล้วว่า ไม่ว่าธรรมกายจะใหญ่ขนาดไหน ไม่ว่าจะมีสานุศิษย์มากมาย หรือไม่ว่าธรรมกายจะมีพลังเงิน รวมถึงทีมงานคุณภาพมากมายก่ายกองเท่าใด แต่ทว่าถ้าทุกสิ่งไม่ได้ตั้งอยู่บนพื้นฐานความสุจริต ไม่ได้ตั้งอยู่ในหลักธรรมคำสอนของพระศาสนา ทุกอย่างก็ย่อมจะเสื่อมสลายลงได้

1 ปีที่ผ่านมา "เดลินิวส์" ได้นำแยกแยะนำเสนอปัญหาธรรมกายให้สังคมรู้ใน 2 ด้านใหญ่ ๆ คือ คดีที่เกิดขึ้นทางธรรมกับคดีที่เกิดขึ้นทางโลก

สำหรับคดีทางธรรม "เดลินิวส์" ชี้ให้เห็นว่า วัดพระธรรมกายมีคำสอนที่ผิดเพี้ยนจากพระไตรปิฎก อาทิ การสอนว่านิพพานเป็นสถานที่มีตัวตน เข้าไปจับต้องพระพุทธเจ้า พระอรหันต์ได้ในสถานที่ซึ่งอุปโลกน์เรียกว่า อายตนนิพพาน"

สิ่งที่ "เดลินิวส์" พบยิ่งน่าตระหนกไปกว่านั้นก็คือธรรมกายมีแผนใหญ่ในการขุด-รื้อเขย่ารากฐานพระศาสนา โดยธรรมกายถึงขั้นประกาศว่าคำสอนของตัวเองถูกต้อง และที่อยู่ในพระไตรปิฏกผิดพลาด โดยเป้าหมายของธรรมกายคือ การแก้ไขพระไตรปิฎก!!!

ในช่วงระยะเวลาแรกของการนำเสนอข่าวเกี่ยวกับ "คดีทางธรรม" การอธิบายความผิดผลาดของคำสอนธรรมกาย ถือเป็นเรื่องยากต่อการนำเสนอและต่อความเข้าใจ แต่ทว่าเมื่อชาวพุทธรับรู้ข้อเท็จจริง ผลที่ได้รับก็คือการตื่นตัวว่าขณะนี้ได้เกิดลัทธิประหลาดขึ้นมา และเป็นอันตรายใหญ่หลวงหากไม่มีการหยุดยั้งคำสอนที่ผิดเพี้ยนเหล่านี้ ผลต่อเนื่องที่ตามมาคือมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบคำสอนของธรรมกาย เริ่มตั้งแต่ระดับกรมการศาสนา, ระดับกระทรวงศึกษาธิการ, การพิจารณาในมหาเถรสมาคม (มส.) ที่เป็นองค์กรสูงสุดทางสงฆ์ รวมไปถึงการกล่าวโทษ นายไชยบูลย์ สุทธิผล เจ้าลัทธิธรรมกาย ตามกฎนิคหกรรม ในฐานะที่สอนผิดเพี้ยนไปจากพระธรรมวินัยและพระไตรปิฎก

และจุดที่ถือว่าเป็น ธงชัยชี้นำชาวพุทธให้กระจ่างต่อลัทธิผิดเพี้ยนของธรรมกายก็คือการที่ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงมีลายพระหัตถ์ชี้ชัดว่าการบิดเบือนพระธรรมคำสั่งสอน โดยกล่าวหาพระไตรปิฏผิดพลาด จนทำให้สงฆ์แตกแยกเป็น 2 ถือเป็นความผิดร้ายแรงทางสงฆ์ถึงขั้นอนันตริยกรรม เท่ากับการฆ่า ฆ่าแม่ ฆ่าพระอรหันต์ ทำพระพุทธเจ้าให้ห้อเลือด ต้องได้รับผลกรรมทั้งปัจจุบันและอนาคตที่หนัก

"เดลินิวส์" ยังเชื่อมโยงให้สังคมรับรู้อีกว่า การที่ธรรมกายสอนผิดเพี้ยนก็เพื่อเป้าหมายหลัก ในการระดมทุนจำนวนมหาศาลเข้าวัด และได้สร้างกลไกรองรับการระดมทุน อาทิ การทำบุญเป็นสินค้า, การนำระบบขายตรงเข้ามาใช้, การกล่าวอ้างว่าการทำบุญกับธรรมกายเท่านั้นจะได้บุญมหาศาล ร่ำรวย หายป่วย มีชื่อเสียง รวมถึงผลิตโครงการบุญอย่างมากมายและโครงการจำนวนมากก็ไม่มีการดำเนินงานตามอ้าง ฯลฯ ทั้งหมดกลายเป็นคดีทางโลกต่อไป โดย "เดลินิวส์" ได้พบว่าวัดแห่งนี้ได้มีการนำเงินไปใช้ในกิจการอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับสงฆ์

อาทิ ในระยะแรกมีบริษัทธุรกิจ 11 บริษัทที่เกี่ยวข้องกับธรรมกาย โดยทำธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์และขายที่ดินให้ศิษย์ของวัด โดยนำเงินที่ได้จากการขายที่ดินไปใช้สำหรับการซื้อที่ดินรอบวัดจำนวน 2,000 ไร่เศษ�ซึ่ง ที่ดินแห่งนี้ปัจจุบันเป็นของมูลนิธิธรรมกาย

ระยะต่อมา มีการนำเงินของวัดไปใช้กว้านซื้อที่ดินทั่วประเทศจำนวนมหาศาล โดยเฉพาะที่ จ.พิจิตรและ จ.เพชรบูรณ์ เพื่อทำเหมืองทองคำ และที่ดินเหล่านี้ใส่ชื่อนายไชยบูลย์เป็นเจ้าของ แทนที่จะใส่ชื่อวัดพระธรรมกายเป็นเจ้าของ และระยะที่ 3 คือพฤติกรรมการนำเงินวัดไปเกี่ยวกับบริษัทค้าอัญมณี ทั้งหมดทำให้มีการตรวจสอบพฤติกรรมของธรรมกายอย่างจริงจัง ทั้งจากกระทรวงศึกษาธิการ, กรรมาธิการการศาสนาและศิลปวัฒนธรรม การแจ้งความดำเนินคดีทางโลกต่อกองปราบปราม และแม้แต่ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายกก็มีลายพระหัตถ์ชี้ชัดในคดีทางโลกเช่นกันว่าการ นำเงินของวัดไปซื้อที่ดินใส่ชื่อของตัวเอง บุคคลเช่นนี้ถือว่าขาดจากความเป็นพระ เป็นพระปลอมทำความเศร้าหมองให้พระศาสนา เป็นหน้าที่ของผู้เกี่ยวข้องรวมถึงตำรวจต้องเข้ามาจัดการ

ล่าสุดกองปราบฯได้รวบรวมหลักฐานและทำสำนวนสั่งฟ้องนายไชยบูลย์พร้อมสาวกไปแล้ว 3 คดี ในข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่, ฉ้อโกง ยักยอกเงินวัดมาซื้อที่ดินเป็นของตัวเองโดยอัยการสั่งฟ้องไปแล้ว 2 คดี และอีก 1 คดีรอพิจารณาในวันที่ 15 ธ.ค. นอกจากนั้นกองปราบปรามยังมีคดีความที่กำลังรวบรวมหลักฐานอีกอาทิ การฉ้อโกง การหลอกหลวงประชาชน ด้วยการโฆษณาอวดอ้างสรรพคุณ พระมหาสิริราชธาตุหรือพระดูดทรัพย์เกินจริง ฯลฯ

ทั้งหมดคือภารกิจของ "เดลินิวส์" ในการธำรงไว้ซึ่งสถาบันศาสนา อันเป็น 1 ใน 3 สถาบันหลักของชาติ.