page4

เดลินิวส์ 14/11/2542

เดินหน้าคดีทางสงฆ์ ลั่นคำปลดไชยบูลย์

กรมศาสนาเตรียมเข้าพบพระพรหมโมลีอีกรอบ หลังมหาเถรฯมีมติให้ไปประสานความเข้าใจ เดินหน้า คดีฟ้องร้อง"ไชยบูลย์"ตามกฎนิคหกรรม งานนี้ถ้ายังจะตีความจนเรื่องล่าช้าไปอีก ก็เตรียมเสนอตรงถึงสมเด็จวัดชนะฯให้ตัดสิน เจ้าคณะปทุมฯเตรียมปลดพระปลอม หวั่นถอนเิงินวัด ออกไปจนหมด สมาคมพุทธประกาศล่าตัว"เบญจ์ บาระกุล" ยันเป็นนามแฝงของฆราวาส กับพระก๊วนธรรมกาย ใช้เขียนทำลายศาสนา บิดเบือนข้อเท็จจริง

เมื่อวันที่ 13 พ.ย.ที่ผ่านมารายงานข่าวจากกระทรวงศึกษาธิการเปิดเผยว่า ในสัปดาห์หน้า กระทรวงจะให้กรมการศาสนาไปพบกับพระพรหมโมลี เจ้าภาค 1 อีกครั้ง เพื่อขอให้ดำเนินการตามมติมหาเถรสมาคม(มส.) ที่ให้ฆราวาสฟ้องร้องพระสงฆ์ได้ และให้เร่งคดีความที่มีการฟ้องร้องนายไชยบูลย์ สุทธิผล เจ้าลัทธิธรรมกาย ตามกฎนิคหกรรม หลังจากที่พระพรหมโมลีไม่ยอมรับคำฟ้องที่เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีส่งมาให้ โดยอ้างว่ามติมหาเถรฯให้ชาวบ้านฟ้องร้องได้ก็จริง แต่ทุกอย่างต้องเริ่มต้นใหม่หมด โดยกรณีนายไชยบูลย์ก็ต้องมีโจทก์คนใหม่มายื่นฟ้อง

การตีความของพระพรหมโมลีนี้ทำให้กรมการศาสนาทำเรื่องเสนอมหาเถรฯเมื่อวันที่ 12 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งมหาเถรฯมีมติให้กรมการศาสนาไป ประสานงานกับคณะผู้พิจารณาชั้นต้น ซึ่งมีพระพรหมโมลีเป็นประธาน เพื่อให้การดำเนินงานคดีฟ้องร้องนายไชยบูลย์เดินหน้าต่อไปได้ เท่ากับว่ากรมการศาสนาต้องไปแจ้งทำความเข้าใจกับพระพรหมโมลีอีกรอบ อย่างไรก็ตามหากพระพรหมโมลียังไม่ยอมรับคำฟ้องร้องอีก กรมการศาสนาจะดำเนินการต่อไป โดยเฉพาะจะมีการเสนอเรื่องต่อสมเด็จพระมหาธีราจารย์ วัดชนะสงคราม ในฐานะเจ้าคณะหนกลาง และเป็นพระเถระสูงสุดที่ดูแลปัญหาธรรมกาย เนื่องจากสมเด็จพระมหาธีราจารย์ให้คำแนะนำกรมการศาสนาว่า หากพระพรหมโมลีไม่ยอมรับ ข้อกล่าวหาก็ให้กรมการศาสนามาเสนอถึงสมเด็จพระมหาธีราจารย์ได้เลย

ก่อนหน้านี้เมื่อมีการฟ้องร้องนายไชยบูลย์ตามกฎนิหครกรรมใหม่ ๆ พระพรหมโมลีเป็นผู้ตีความว่าชาวบ้านฟ้อง ร้องไม่ได้ จนต้อง เสนอมหาเถรฯให้ตัดสิน และมหาเถรฯชี้ขาดว่าฟ้องได้ แต่พระพรหมโมลีก็มาอ้างอีกว่า กรณีนายไชยบูลย์ต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ โดยต้องเริ่มจากการที่หาคนมาฟ้องเป็นโจทก์ใหม่

นายสมพร เทพสิทธา ประธานสภายุวพุทธิกสมาคม กล่าวในฐานะประธานชั่วคราวองค์การเครือชาวพุทธ อุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา ว่า กิจกรรมขององค์การฯมิได้ก่อตั้งขึ้นมาเป็นการเฉพาะกิจเพื่อล้มล้าง วัดพระธรรมกายอย่างที่มีกลุ่มคนพยายามกล่าวหา องค์การนี้เป็นการจัดตั้งขึ้นแบบถาวร เพื่ออุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา ดังนั้นนายไชยบูลย์ จึงไม่ใช่เป้าหมายในการทำงานขององค์การฯเท่านั้น หากมีพระรูปใดก็ตามที่ประพฤติปฏิบัติไม่ถูกต้อง ทางองค์การฯก็ต้องเข้าไปดำเนินการให้เกิดความถูกต้อง ในขณะเดียวกันพระหรือวัดที่ประพฤติปฏิบัติดีงามอยู่แล้ว ทางองค์การฯก็จะได้เข้าไปอุปถัมภ์และให้การคุ้มครอง

"ผู้ก่อตั้งองค์การฯขึ้นมานี้ต่างเข้าใจดีมาก่อนแล้วว่า จะต้องถูกกล่าวหาไปในทางเสียหาย และก็ปรากฏ เป็นเช่นนั้นจริงๆ โดยมีคนพยายามบิดเบือนไปในทำนองว่า องค์การนี้ได้รับเงินจากต่างชาติต่างศาสนา ให้มาทำลายธรรมกาย ซึ่งในความเป็นจริงแล้วนายไชยบูลย์ปฏิบัติธรรมไม่ถูกต้องตามพระไตรปิฎก ถ้าทำทุกอย่าง ถูกต้ององค์การก็จะให้การอุปถัมภ์และคุ้มครองงเต็มที่ และพร้อมเป็นเกาะกำบังป้องกันมิให้สื่อมวลชนทำลาย เช่นเดียวกับพระธรรมปิฎกที่ถูก ดร.เบญจ์ บาระกุล กล่าวหาในทางเสียหาย ทางองค์การฯก็ต้องเข้าไปปกป้องไม่ให้มัวหมองจากนักเขียนประเภทอีแอบอย่าง ดร.เบญจ์บาระกุล"

นอกจากกิจกรรมปกป้องพระปฏิบัติดีและแก้ไขพระที่ประพฤติไม่ถูกต้องตามพระธรรมวินัยแล้ว กิจกรรมหลักก็จะเป็นเรื่องของการให้ความรู้เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา ปลุกชาวพุทธให้มีสำนึกคุ้มครองพระศาสนาจากภัยต่างๆ ซึ่งจะมีกิจกรรมอื่นอีกมากมาย แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับที่ประชุมคณะกรรมการที่จะมีการเลือกตั้ง เข้ามาเป็นผู้กำหนดบทบาทและทิศทางการดำเนินงานขององค์การในอนาคต

ที่สำคัญจะต้องหาตัวดร.เบญจ์ บาระกุล ที่เขียนหนังสือทำลายผู้ที่ปกป้องศาสนาและมาชี้ความผิด ของวัดพระธรรมกายให้ได้ โดยจะให้ดร.เบญจ์ปรากฏตัวออกมาให้ได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจก็กำลังดำเนินการอยู่ ไม่ว่าดร.เบญจ์ จะเป็นฆราวาส 2 คนกับพระอีก 3 รูปหรือเป็นพระทั้งหมด 5 รูปก็ตาม ขอให้ชาวพุทธเชื่อเรื่องกรรม เพราะกรรมเป็นตัวกำหนดใครคิดไม่ดีก็ต้องได้รับในสิ่งที่ไม่ดีด้วยเช่นกัน

งานชิ้นแรก ขององค์กรเครือข่ายชาวพุทธคือการออกหนังสือแฉกลวิธีทำลายพระพุทธศาสนาของกลุ่มดร.เญจ์ โดยการออกหนังสือและบิดเบือนตัดต่อข้อเท็จจริง อาทิการตัดต่อข่าว"เดลินิวส์" ในหนังสือ ของตัวเองว่าเดลินิวส์ยกย่องธรรมกาย และได้วิจารณ์บุคคลอื่นที่ไม่เห็นด้วยกับธรรมกาย ทั้งที่ข้อเท็จจริงในการรายงานข่าวไม่ได้เป็นเช่นนั้น

ขณะเดียวกันพระสุเมธาภรณ์� เจ้าอาวาสวัดมูลจินดาราม ในฐานะเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี เปิดเผยว่า การถอดถอนนายไชยบูลย์ออกจากตำแหน่งจะดำเนินการ ทันทีเมื่อมีการตั้งเจ้าคณะตำบลคลอง 1 คนใหม่แทนพระครูปทุมกิจโกศล และต้องปรึกษาพระเถระผู้ใหญ่อีกครั้ง แต่ต้องถอดถอนตำแหน่งนายไชยบูลย์แน่ โดยใช้กฎมหาเถรฯฉบับที่ 24 ว่าด้วยจริยาพระสังฆาธิการ ก่อนที่จะใช้อำนาจไปถอนเงินของวัดพระธรรมกายที่ฝากไว้ในบัญชีเงินฝาก ซึ่งเป็นทรัพย์สมบัติของพระพุทธศาสนาไปหมด

"ส่วนการดำเนินการตามกฎนิคหกรรมถือว่าหมดหน้าที่แล้ว และเห็นเรื่องของพระพรหมโมลี เพราะได้สรุปสำนวนฟ้องไปแล้ว จะรับหรือไม่รับอาตมาถือว่าจบหน้าที่แล้ว"

ด้านพระมหาปัญญา ขันติธัมโม เจ้าอาวาสวัดบางหลวง ในฐานะรักษาการณ์เจ้าคณะตำบลคลอง 1 เปิดเผยบว่า ได้มีการติดต่อผู้ทำหน้าที่รักษาการณ์เจ้าคณะตำบลคลอง 1 แล้ว แต่ ยังไม่ขอ เปิดเผย ป้องกันผู้ไม่หวังดีไปล็อบบี้จนทำให้ไขว้เขว พระที่จะมาดำรงตำแหน่งนี้ต้องเสียสละ และรู้ใจกันจริง เพราะต้องมาสั่งถอดถอนนายไชยบูลย์ออกจากตำแหน่ง