เดลินิวส์ 10/11/2542
'ไชยบูลย์'ไม่แยแส เมินข้อหาทางสงฆ์
ไชยบูลย์"ห้าวจัดไม่มารับข้อกล่าวหา ประกาศมติมหาเถรฯขัดหลักกฎหมายไม่ทำตาม ซะอย่างใครจะทำไม พระสุเมธาภรณ์ เอาจริงตั้งคณะกรรมการสอบเอาผิด เจอถึงขั้นปลดจากตำแหน่ง พร้อมกับถือว่าได้รับทราบข้อกล่าวหาแล้ว เข้ากระบวนการศาลสงฆ์โดยอัตโนมัติ เหลือแค่พระพรหมโมลีต้องตัดสินใจชี้คดีมีมูล อธิบดีกรมศาสนาเบรกสาวกคลั่งจัดจะฟ้องเจ้าคณะปทุมฯ
เมื่อวันที่ 9 พ.ย.ที่ผ่านมา นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รมว.ศึกษาธิการเปิดเผยว่า กรมการศาสนา ประสานงานกับเจ้าคณะจังหวัดเพื่อให้นายไชยบูลย์ สุทธิผล เจ้าลัทธิธรรมกายกับพระเผด็จ ทัตตชีโว รองเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายมารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 10 พ.ย. รวมถึงได้ประสานงาน กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติเตรียมมาตรการรองรับไว้แล้ว โดยไม่มีการยกเลิก
"เราไม่เคยพิพากษาว่าใครผิด ควรจะมาเพื่อพิสูจน์ตัวเอง และเชื่อว่าคณะผู้พิจารณาทางสงฆ์ตั้งแต่ชั้นต้น ชั้นอุทธรณ์ และฎีกา ล้วนแต่เป็นคณะสงฆ์ คงให้ความเป็นธรรมกับผู้ถูกกล่าวหา ดีวก่าจะเลี่ยงไปเลี่ยงมาไม่เข้าสู่กระบวนการ เป็นการทำลายศรัทธา อยากเห็นความกล้าหาญ แต่หากหลีกเลี่ยงไม่เคารพกติกาสังคม โดยอ้างประเด็นนั้นประเด็นนี้ หากไม่มาโดยไม่มีเหตุผล คงมีการผลักดันเข้าสู่กระบวนการพิจารณาทางศาลสงฆ์เลย เป็นไปตามกฎนิคหกรรม"
ในวันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานจากวัดมูลจินดารามว่า พล.ต.ต.พิชิต ควรเตชะคุป รองผบก.ภ.1และนายเริงฤทธิ์ เบ้านุวงศ์ หัวหน้าฝ่ายสังฆการ กรมการศาสนา เดินทางเข้าพบพระสุเมธาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี เพื่อซักซ้อมความเข้าใจในการรับมือที่จะเรียกตัวนายไชยบูลย์มารับข้อกล่าวหา
พระสุเมธาภรณ์กล่วว่ายังไม่ได้รับคำตอบ อีกครั้งจากนายไชยบูลย์ว่าจะเดินทางมา ตามได ้เรียกตัว ไปหรือไม่ แต่ส่งหนังสือ เรียกตัวพร้อมมติมหาเถรฯไปให้แล้ว ยืนยันกำหนดเดิมคือวันที่ 10 พ.ย.เวลา 13.30 น. และ ได้มีหนังสือแต่งตั้ง ผู้ที่จะเข้าร่วมในการแจ้งข้อหาประกอบด้วยพระมหาปัญญา ขันติธัมโม รักษาการเจ้าคณะอำเภอคลองหลวง, พระครูวิเศษภัทรกิจ เจ้าคณะอำเภอลำลูกกา,พระปริยัติวโรปการ ในฐานะเลขานุการเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี,นายอนุมาน ตระกูลรังสี เจ้าหน้าที่ฝ่าย กฎหมายวัดมูลจินดารามโดยมีเจ้าหน้าที่กรมการศาสนา 3 คนคือ,นายเริงฤทธ์ ,นายพิศิษฐ์ รัตนานนท์และนางคชาภรณ์ คำสอนหา ที่เป็นฝ่ายกฎหมาย
หากผู้ถูกกล่าวหามารับฟังข้อกล่าวหา จะให้ขึ้นไปรับฟังที่ละราย ที่ชั้น 2 อาคารเฉลิมพระเกียรติ ถ้าไม่ยอมมาทุกอย่างจะจบโดย พระครูปทุมกิจโกศลกล่าวว่าทุกอย่างจะจบ และจะสรุปเรื่องไปยังคณะผู้พิจารณาชั้นต้น หลังจากนั้นจะตั้งคณะกรรมการ สอบสวนเอาผิดนายไชยบูลย์และพระเผด็จในฐานะขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา และฝ่าฝืนมติมหาเถรฯ ผิดตามกฎมหาเถรฯฉบับที่ 24 มีโทษถึงขั้นให้ออกจากพระสังฆาธิการ และจะลงโทษถอดถอนต่อไปถ้ามีการเสนอว่าทำผิดจริง
ด้านพล.ต.ต.พิชิตกล่าวว่าได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชน 1 หมวดจำนวน 60 นาย จากสภ.อ.ต่าง ๆ ในจังหวัดปทุมธานี ทำหน้าที่ดูแลความปลอดภัยในพื้นที่ และมีตำรวจสายสืบเข้ามาดูแลล่วงหน้าตั้งแต่คืนวันที่ 9 พ.ย. ไม่น่าจะมีสถานการณ์ร้ายแรง แต่สั่งให้ตำรวจเตรียมอุปกรณ์รับมือฝูงชนมาด้วย ผู้ที่ผ่านเข้าออกบริเวณวัดจะต้องมีใบอนุญาตที่ออกโดยพ.ต.อ.ทวีพันธ์ แสนประเสริฐ ผกก.สภ.อ.ธัญบุรี ระหว่างการแจ้งข้อกล่าวหาจะจัดกำลังรักษาความปลอดภัยรอบอาคารเฉลิมพระเกียรติ และมีตำรวจบางนายอยู่ข้างบนอาคาร
ขณะที่นายวิระศักดิ์ ฮาดดา หัวหน้าสำนักงานมูลนิธิธรรมกาย เปิดเผยว่านาย ไชยบูลย์ไม่มารับข้อกล่วหาแน่ เพราะการดำเนินการตามกฎนิคหกรรมผิดหลักการกฎหมาย และจะไม่ไปวัดมูลจินดารามตาม จดหมายเดิมที่ส่งไปให้เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี นายไชยบูลย์ได้รับจดหมายอีกฉบับของเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี พร้อมกับมติมหาเถรฯแล้ว แต่ฝ่ายกกฎหมายของวัดร่วมพิจารณาและลงมติว่าหากเดินทางไปรับข้อกล่าวหาจะทำผิดไปด้วย หากปฏิบัติตามกฎมหาเถรฯแล้วไปขัดกฎหมายจะทำอย่างไร ล่าสุดฝ่ายกฎหมายกำลังร่างหนังสือตอบกลับแจ้งให ้เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีรับทราบอีกฉบับแล้ว และอยู่ระหว่างให้นายไชยบูลย์ลงนาม
รายงานข่าวจากกรมการศาสนาเปิดเผยว่าถ้านายไชยบูลย์และพระเผด็จไม่มารับข้อกล่าวหา นอกจากพระสุเมธาภรณ์ ต้องสั่งปลดออกจากเจ้าอาวาส และรองเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย แล้ว ก็จะต้องถือ ว่าทั้งคู่รับทราบข้อกล่าวหาไปแล้ว และคณะ ผู้พิจารณาชั้นต้นประกอบด้วยพระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 และรองเจ้าคณะภาค 1 ต้องมีหนังสือเรียกผู้กล่วหาคือนายมาณพ พลไพรินทร์ ผู้เชี่ยวชาญพิเศษกรมการศาสนา ,นายสมพร เทพสิทธา ประธานยุวพุทธิกสมาคมแห่งชาติมาไต่สวนมูลฟ้อง หากพิจารณาเห็นว่าคำฟ้องมีมูลต้องตั้งศาลสงฆ์ชั้นต้นโดยมีพระภิกษุ 2 รูป เป็นโจทก์แทนผู้กล่าวหา เพราะเป็นเรื่อของพระ จากนั้นต้องเรียกนายไชยบูลย์กับพระเผด็จมาซักค้าน ถ้าไม่มาก็สอบสวนฝ่ายเดียว และสรุปผลการพิจารณาต่อไป
ข้อกล่าวหาทั้งของนายมาณพและนายสมพรล้วนถึงขั้นต้องถอดผ้าเหลืองนายไชยบูลย์ รวมถึงพระเผด็จอาจได้รับโทษถึงขั้นสละสมณเพศ
นายไพบูลย์ เสียงก้อง อธิบดีกรมการศาสนาเปิดเผยว่าการที่พระสุเมธาภรณ์มีหนังสือครั้งที่ 2ไปเรียกตัวนายไชยบูลย์ เมหือนกับครูที่บอกเด็กไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่ไม่เข้าใจ ก็เลยบอกอีกครั้ง และที่ศิษย์ธรรมกายจะแจ้งความดำเนินคดี กับพระสุเมธาภรณ์ ถ้ายังจะเรยกนายไชยบูลย์และพระเผด็จไปรับฟัง ข้อกล่าวหานั้นเจ้าคณะจังหวัด ปทุมธานีทำทุกอย่างด้วยความรอบคอบ อธิบายได้ทุกขั้นตอน ยึดตามมติมหาเถรฯเพื่อประโยชน์ พระศาสนา ไม่มีเหตุผลจะไปกล่าวฟ้องร้องเพราะปฏิบัติหน้าที่โดยชอบ
นอกจากนั้นในวันเดียวกันนี้พนักงานสอบสวนยังมาสอบปากคำนายไพบูลย์ เพื่อขอคำยืนยันว่าจะให้ดำเนินการกับวัดพระธรรมกาย ต่อไปหรือไม่เนื่องจากคำร้องทุกข์กล่าวโทษนั้น ทำขึ้นสมัยนายพิภพ กาญจนะ เป็นอธิบดีกรมการศาสนา ซึ่งนายไพบูลย์ก็ยืนยันว่าให้ดำเนินการต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกองปราบปรามว่าจากกรณีนายผ่อง เล่งอี้ อดีตอธิบดีกรมป่าไม้ แกนนำศิษย์ธรรม กายแจ้งความ กองปราบปรามให้ดำเนินคดีกับหนังสือพิมพ์ 3 ฉบับประกอบด้วยเดลินิวส์ มติชนและสยามรัฐในข้อหาหมิ่นประมาท ที่เสนอคำ ให้สัมภาษณ์ของพระบานเย็น อดีตแกนนำชาวนาที่ถูกธรรมกายไล่ที่นั้น หลังจากสอบปากคำผู้กล่าวหาแล้วพนักงานสอบสวน มีความเห็นไม่ดำเนินคดีเนื่องจากเป็นการเสนอข่าวตามการให้สัมภาษณ์พระบานเย็น
ขณะเดียวกันตำรวจสอบบัญชีเงินฝากพระผู้ใกล้ชิดและดูแลเงินของธรรมกายจากธนาคารกรุงเทพ สาขารังสิตพบเช็คเงินสดของวัดเกือบ 10 ฉบับมีเงินกว่า 21 ล้านบาท ใช้ไปในการโอนเงินซื้อเครื่องพ่นจากต่างประเทศแต่ไม่ได้นำมาใช้ในกิจการของวัด และถูกนำไปใช้ในกิจการของสีกาใกล้ชิดวัด