เดลินิวส์ 8/11/2542
เจ้าคณะฯห้ามหมอ ตามไชยบูลย์เข้าฟังข้อหา ผิดกฎมหาเถร
เจ้าคณะจังหวัดปทุมฯประกาศชัดห้ามแพทย์ตาม"ไชยบูลย์"เข้ารับฟังข้อกล่าวหา ชี้ผิดกฎมหาเถรฯ แพทย์ธรรมกาย ยืนยัน "ไชยบูลย์"ยังป่วยห้ามใช้เสียงเหมือนเดิม ไม่ควรไปวัดมูลจินดาราม หากไปต้องมีแพทย์ดูแลใกล้ชิด เผยกฐินชีจันทร์หงอย แห่เกณฑ์คนเข้าวัดสร้างภาพศรัทธาแน่น ปล่อยสูบบุหรี่ เสื้อผ้าสีสันฉูดฉาดไม่กล้าคุมเข้ม พระปลอมสวมเสื้อยืด ใส่หมวกร่วมพิธี ทักทายญาติโยมเพียบ แต่ไม่ยอมให้เสียงออกไมค์ "พระสังฆราช"ประทานโอวาทเตือนสติวัดฉาว ไม่รู้เรื่องนิพพานจริงอย่าสั่งสอนผู้อื่น เป็นกรรมหนัก ทำลายศาสนา
ที่วัดพระธรรมกาย อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เมื่อวันที่ 7 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วัดมีการ จัดพิธี ทอดกฐินประจำปี ที่เรียกว่า "กฐินชีจันทร์" ซึ่งปรากฎว่า มีผู้มาร่วมงานค่อนข้างบางตา และนายไชยบูลย์ สุทธิผล เจ้าลัทธิธรรมกาย ไม่ได้มาเป็นประธานในพิธีตามกำหนดการ มีเพียงพระมหาฉัตรชัย ฉัตรตันชโย มาทำหน้าที่แทน จนเวลา 11.00 น. พระเผด็จ ทัตตชีโวรองเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ได้มากล่าวนำญาติโยมสวดมนต์
เป็นที่น่าสังเกตว่า ผู้ที่เดินทางมาร่วมงาน ของวัดพระธรรมกายในครั้งนี้ มีการแต่งกายด้วยเสื้อผ้า ที่มีสีสันฉูด มากกว่าผู้ที่แต่งชุดขาวทั้งชุดเหมือนเช่นที่ผ่านมา ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ทางวัดเข้มงวดเรื่องการแต่งกายให้เป็นชุดขาวมาก นอกจากนี้กลับปล่อยตามสบายโดยเน้นให้มีปริมาณคนมากๆ ซึ่งมีหลายราย สูบบุหรี่ในสภาธรรมกายสากลจนเจ้าหน้าที่วัดต้องประกาศขอความร่วมมือให้งดสูบบุหรี่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางวัดได้จัดบริการรถบัสรับ-ส่งประชาชนจากจังหวัดต่างๆทั่วประเทศ ให้เดินทางมาร่วมงาน พร้อมทั้งมีอาหารคาวหวานเลี้ยง มีการจัดซุ้มอาหารบริเวณด้านหน้าสภาธรรมกายฯกว่า 80 ซุ้ม และทางวัดได้นำตู้ รับบริจาคกองบุญ ต่างๆมาตั้งเพิ่มโดยกระจายอยู่ตามจุดต่างๆทั่วสภาธรรมกายฯ และไม่มีการกำหนดอัตราบริจาคเหมือนทุกครั้ง จุดที่รับบริจาค สร้างพระธรรมกายประจำตัวก็เงียบเหงาไม่มีผู้คนมารอเข้าแถวบริจาค โดยชาวบ้านส่วนมากระบุว่าไม่เคยมาเที่ยววัดนี้ แต่เมื่อบอกว่าเดินทางฟรี ที่พัก อาหารฟรี ทุกอย่างก็เลยเดินทางมาร่วมด้วย ไม่ได้คิดอะไรแต่เห็นว่าไม่เคยมาก็อยากมาดูเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่จะบ่นว่าวัดไม่ได้จัดเลี้ยงอาหารตามที่ระบุไว้ มีเพียงบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแจกให้เท่านั้น
ต่อมาเมื่อเวลา 12.00 น. ทางวัดพระธรรมกายได้จัดรายการความจริงจากข่าว แพร่ภาพผ่าน ทางโทรทัศน์วงจรปิดภายในอาคารสภาธรรมกายสากล โดยมีตัวแทนของวัดคือน.ส.ชุรีพร ช่วงรังษี เจ้าหน้าที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์เป็นผู้ชี้แจงข่าวที่เกิดขึ้น 4 ประเด็นคือ ประเด็นอาการป่วยของนายไชยบูลย์ ประเด็นการเปิด-ปิดบัญชีเงินฝากของวัดพระธรรมกาย ประเด็นสาวกธรรมกายทำร้ายสื่อมวลชน และประเด็นเรื่องการกว้านซื้อที่ดินเกาะยาวน้อย จังหวัดพังงา โดยการชี้แจงนี้น.ส.ชุรีพร ได้สัมภาษณ์นายประพันธ์ ดินอ้าหมาก ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 4 ต.เกาะยาวน้อย อ.เกาะยาว พังงา ด้วย
จากนั้นในเวลา 13.30 น.ทางวัดพระธรรมกายได้เชิญซิงเหยา ต้าซือ ประธาน องค์กรยุวพุทธไต้หวัน ขึ้นกล่าว สุนทรพจน์ ชื่นชมวัดพระธรรมกายที่ได้บริจาคเงินช่วยเหลือประเทศไต้หวันเมื่อครั้งเกิด โศกนาฎกรรมจากแผ่นดินไหว กระทั่งเวลา 14.30 น. นายไชยบูลย์ได้เดินทางมาร่วมพิธ ีโดยรถยนต์ ประจำตำแหน่งเล็กซัส สีทอง หมายเลขทะเบียน พห 6672 กทม. โดยมีเจ้าหน้าที่วัดแต่งชุดขาวกว่า 80 คนยืนเรียงแถวตลอด 2 ฟาก เมื่อเข้ามาถึงพิธีนายไชยบูลย์ได้ขึ้นนั่งบนที่นั่งประธาน ฝ่ายสงฆ์ ในชุดเสื้อยืดแขนยาวสีเหลืองอยู่ชั้นในมีจีวรห่มทับ สวมหมวกไหมพรม และใส่แส่นตาสีชา กระทั่ง ถึงพิธีทอดกฐิน ได้มีญาติโยมมอบกระเช้าดอกไม้ให้ ซึ่งนายไชยบูลย์ก็ได้กล่าวทักทายกับญาติโยมเหล่านั้น แต่ไม่มีการถ่ายทอดเสียงออกอากาศแต่อย่างใด
นพ.พรชัย พิญญพงษ์ แพทย์ประจำศูนย์พยาบาลมูลนิธิธรรมกาย เปิดเผยว่า สาเหตุที่นายไชยบูลย์ไม่ได้มาเป็นประธานก็เพราะในช่วงเช้ามีกระแสลมแรง นายไชยบูลย์จึง ต้องถนอมสุขภาพไว้เพื่อลงมาร่วมพิธีทอดกฐินในช่วงบ่าย ซึ่งก็ต้องรอดูสถานการณ์ก่อน โดยแพทย์ได้ลงความเห็นว่านายไชยบูลย์ยังไม่สามารถใช้เสียงได้ ส่วนการเดินทางไปรับฟังข้อกล่าวหาตามกฎนิคหกรรมที่วัดมูลจินดารามในวันที่ 10 พ.ย.ตามหนังสือของพระสุเมธาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีนั้น ก็ต้องขึ้นอยู่กับสุขภาพ ของนายไชยบูลย์ด้วยเช่นกัน ซึ่งถ้าจะเดินทางไปก็จะต้องมีแพทย์คอยดูแลอย่างใกล้ชิด
นายวิระศักดิ์ ฮาดดา หัวหน้าสำนักงานมูลนิธิธรรมกาย กล่าวถึงกรณีที่พระสุเมธาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี เรียกตัวนายไชยบูลย์ไปรับทราบข้อกล่าวหาตามกฎนิคกรรมที่วัดมูลจินดาราม ในัวนที่ 10 พ.ย.นี้ว่า ขณะนี้ยังไม่เป็นที่แน่นอนว่านายไชยบูลย์จะเดินทางไปหรือไม่ เพราะยังอยู่ ระหว่าง ให้นักกฎ หมายตรวจสอบให้ชัดเจนก่อน อย่างไรก็ตามทางวัดพร้อมจะปฏิบัติตามกฎมหาเถรสมาคม (มส.)
ส่วนที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย(มจร.) วัดมหาธาตุยุวราษฎร์รังสฤษดิ์ ท่าพระจันทร์ ได้มีพิธีสมโภชพระไตรปิฎกฉบับภาษาไทย โดยในช่วงเช้า พระธรรมปิฎก เจ้าอาวาสวัดญาณเวสกวัน ได้กล่าว ปาฐกถาเรื่อง พระไตรปิฎกกับการธำรงพระพุทธศาสนาผ่านทางวิดีโอทัศน์ โดยระบุว่า พุทธบริษัท มีหน้าที่ธำรงพระพุทธศาสนาโดยรักษาพระธรรมวินัย ศีล สมาธิและปัญญาก็อยู่ในพระไตรปิฎก หากขาดพระไตรปิฎกก็เหมือนขาดสิ่งจำเป็นและสิ่งสำคัญของพระพุทธศาสนา
ด้านพระราชวรมุนี อธิการบดีมจร.กล่าวว่า สาเหตุที่พระธรรมปิฎก ไม่สามารถอยู่ร่วม ในพิธีได้เนื่องจากมีปัญหาด้านสุขภาพไม่สามารถนั่งบรรยายได้เป็นเวลานาน ขอให้พระนิสิต อ่านพระไตรปิฎกให้มากและให้ลึกซึ้ง ส่วนปัญหาที่มีการตีความคำสอนในพระไตรปิฎกไม่ตรงกัน เพราะไม่ได้ศึกษาอรรถถาและฎีกาประกอบ เช่นเราจะพูดว่ามีอัตตาก่อน แล้วสลายไป เป็นอนัตตา ไม่ได้เพราะอัตตาไม่มีอัตตามาแต่ต้น ก็ไม่มีอะไรขาดสูญในนิพ พาน เราเรียกว่า สุญญตา นอก จากนี้ในปีหน้ามจร.จะจัดทำพระไตรปิฎกฉบับสาระธรรม ซึ่งสรุปย่อหัวใจคำสอนในพระไตรปิฎกทั้ง 45 เล่มมาไว้ด้วยกัน และในปีเดียวกันจะจัดทำพระไตรปิฎกฉบับคอมพิวเตอร์
เวลา 16.00 น. สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เสด็จมาถึงมณฑลพิธี ทรงจุดธุปเทียนบูชาพระรัตนตรัย ประทานพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณ ราชวิทยาลัยแก่เจ้าคณะภาคและเจ้าคณะจังหวัดทั่วราชอาณาจักรจำนวน 101 รูป จากนั้น ทรง ประทานโอวาทมีใจความชี้ให้เห็นความสำคัญของ 3 สถาบันหลักคือ ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ที่ค้ำจุนกันอยู่ จะขาดสถาบันใดสถาบันหนึ่งไม่ได้ โดยเฉพาะสถาบันพระพุทธศาสนา
พระสงฆ์มีหน้าที่โดยตรงในการรักษาสถาบันนี้ ไม่ควรจะย่อหย่อน อ่อนแอเห็นกับอะไรอื่นจนเป็นเหตุให้ดูเหมือนพระพุทธศาสนาจะไปไม่รอด จะถูกบรรดาเพื่อน พุทธศาสนิกผู้มีมิจฉาทิฐิทำลายได้ ซึ่งความจริงพระพุทธศาสวนาไม่มีเวลาจะหมดสิ้น ดังนั้นการเทิดทูนรักษาพระพุทธศาสนามิให้หายไปจากใจนั้นเป็นบุญสูงสุดยิ่งกว่าบุญใด และการเหยียบย่ำทำลายพระพุทธศาสนานั้นเป็นบาปเป็นกรรมร้ายแรงที่สุด ผลจึงสูงสุดทั้งดีและร้าย
"มีพระไตรปิฎก อยู่ที่ไหนก็เปรียบเหมือนมีพระพุทธองค์ที่นั่น แต่อย่างไรก็แน่นอน ที่มิใช่อัตตาของพระพุทธองค์ ดังเช่นมีนิพพานอยู่แต่มิใช่เป็นอัตตาของนิพพาน มิใช่นิพพานเป็นอัตตา มีพระไตรปิฎกอยู่ ผู้ใดเข้าไปศึกษาหาความรู้ความเข้าใจ จากพระไตรปิฎกก็เปรียบดังได้ฟังพระพุทธดำรัสตรัสสอน ผู้ฟังมาแล้วแม้ไม่แน่ใจในความเข้าใจความจดจำของตนก็พึงรอบคอบให้อย่างยิ่งที่จะถ่ายทอดต่อไปยังผู้อื่น เพราะจะเป็นการทำลายได้ เป็นการทำบาปกรรมที่หนักที่สุดได้ ซึ่งแน่นอนผลที่ได้รับต้องหนักหนาเช่นกัน"
พระสุเมธาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี กล่าวถึงการเรียกตัวนายไชยบูลย์ และพระเผด็จมารับทราบข้อกล่าวหาตามกฎนิคหกรรมในวันที่ 10 พ.ย.ว่า ยังไม่รู้ว่าทั้ง 2 จะมาหรือไม่เพราะยังไม่มีการติดต่อกลับมา แต่ขณะนี้ก็มีการเตรียมความพร้อมอยู่แล้ว มีการประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเรียบร้อยแล้วทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่กรมการศาสนา ขอให้รอให้ถึงเวลาก่อน ถ้าไม่มาจริงก็มีวิธีการจัดการอยู่แล้วไม่ต้องห่วง ส่วนที่ทางวัดพระธรรมกาย บอกว่าหากนายไชยบูลย์จะมาก็ต้องมีแพทย์ดูแลอย่างใกล้ชิดนั้นไม่ได้เป็นอันขาด เพราะเท่ากับเป็นการฝ่าฝืนกฎ ผู้ที่จะเข้าร่วมรับฟังได้มีเพียงผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งเท่านั้น
วันเดียวกัน คณะกรรมการศาสนาเพื่อการพัฒนา (ศพพ.) มูลนิธิโกมลคีมทอง มูลนิธิพุทธธรรม และมูลนิธิสุขภาพไทย ได้ร่วมกันทำหนังสือเปิดผนึกถึงพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ขอให้เปิดเผยการสืบสวนอันเกี่ยวเนื่องกับการกล่าวเท็จให้ร้ายพระธรรมปิฎก โดยเรียกร้องให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติแถลงผลการสืบสวนอย่างเป็นทางการโดยละเอียด เพื่อให้สาธารณชนได้รับทราบข้อเท็จจริงและที่มาของการกล่าวให้ร้ายป้ายสีอย่างปราศจากมูลความจริง และให้ดำเนินการขยายผลการสืบสวนและแสวงหามาตรการตามกฎหมายอย่างเป็นรูปธรรม ที่จะหยุดยั้ง ขบวนการใส่ร้ายป้ายสีบุคคลและองค์กรอันถูกต้องชอบธรรมโดยด่วน เพื่อป้องกันไม่ให้ดร.เบญจ์และกลุ่ม ขยายความเท็จให้ร้ายป้ายสีผู้อื่นตามอำเภอใจอีกต่อไป
ด้านนายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ หรือ ส.ศิวรักษ์ กล่าวในการเสวนาเรื่อง "ลัทธิพิธีในสังคมไทยกับท่าทีชาวพุทธเถรวาทไทย" ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ตอนหนึ่งว่า ศาสนาพุทธฝ่ายเถรวาทนั้นไม่เน้นพิธีกรรมและยึดติดกับวัตถุ และไม่ถือครองทรัพย์สิน แม้ญาติโยมจะถวายที่ดินก็ใส่ชื่อของตนเองเป็นผู้ถือครองไม่ได้ ดังนั้นผู้ที่ศรัทธาวัดพระธรรมกายควรจะแยกแยะให้ได้ว่าสิ่งใดถูกสิ่งใดผิด