เดลินิวส์ 7/11/2542
คาด'ไชยบูลย์'เบี้ยวไม่มาฟังนิคหกรรม
กฐินธรรมกายไม่มี"ชีจันทร์"เป็นประธาน ใช้แค่ชื่อปะไว้เท่านั้น ป่วยหนักขณะที่"ไชยบูลย์"จะออกมาร่วมงาน แต่ไม่เทศน์เสียงป่วยนะจ๊ะ เร่งประชุมหาประธานรองกลางดึก ศึกษาธิการประเมิน 10 พ.ย.นี้ พระปลอมไม่มารับ ฟังข้อกล่าวหาตามกฎนิคหกรรม
เมื่อวันที่ 6 พ.ย. ที่ผ่านมานายวิชัย ตันศิริ รมช. ศึกษาธิการ ให้สัมภาษณ์ภายหลังรับเสด็จฯสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่เสด็จฯ ทรงงานพิธีสมโภชพระไตรปิฎกฉบับภาษาไทยเกี่ยวกับกรณีที่พระธรรมปิฎก (ป.อ. ปยุตโต) จะถูกฟ้องตามกฎนิคหกรรม โดยมีการอ้างบิดเบือนธรรมในพระไตรปิฎกฉบับ ซีดี รอม ภาษาไทย ของมหาวิทยาลัยมหิดล ว่า เรื่องนี้ยังไม่ได้เข้าไปดูเป็นพิเศษ และไม่ทราบด้วยว่าใครเป็นคนเขียนหนังสือโจมตีพระธรรมปิฎก และให้เจ้าหน้าที่ลงไปตรวจสอบแล้ว
อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการตรวจสอบของมหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) ได้ตรวจสอบแล้วว่า ไม่พบคำบิดเบือนใด ๆ ตาม ที่กล่าวอ้าง โดยในเรื่องของพระไตรปิฎกนี้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีพระราชดำรัสว่า ขอให้ดูพระไตรปิฎกกันจริง ๆ ให้อ่านด้วยตัวของตนเอง อย่าไปหลงเชื่อใครคนไหนทั้งนั้น อันนี้จึงถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณ ให้ถือเป็นแนวทางต่อไป
ส่วนเรื่องพระไตรปิฎกฉบับภาษาไทยของ มจร. ใครจะวิพากษ์วิจารณ์อย่างไรก็ได้ แต่ต้องให้เชื่อถือ มจร. ที่เป็นผู้จัดการแปล รวมถึงต้องเชื่อถือพระนักวิชาการที่ร่วมกันแปลด้วย "เวลามีคนพูดกันถึงเรื่องพระไตรปิฎก ในความเห็นส่วนตัว แล้วเห็นว่าต้องเชื่อพระนักวิชาการก่อน พระที่ไม่ได้อยู่ในแวดวงวิชาการทั้งที่เป็นที่รู้จักกันดี และเป็นที่เคารพของพระผู้ใหญ่ ถ้าพูดออกมาแล้วขัดกับพระไตรปิฎก ฉบับ มจร. และขัดพระธรรมปิฎกก็ควรต้องตรวจสอบให้ดีเสียก่อนด้วย"
สำหรับวันที่ 10 พ.ย. ที่เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีจะเรียกตัวนายไชยบูลย์ สุทธิผล เจ้าลัทธิธรรมกาย มารับทราบ ข้อกล่าวหาตามกฎนิคหกรรมและนายไชยบูลย์อาจจะไม่มานั้น นายวิชัยกล่าวว่าไม่อยากบอกว่าต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ถ้า พูดไปจะกลายเป็นการชี้นำ คิดว่าถ้านายไชยบูลย์ มีความเข้าใจในเรื่องกฎนิคหกรรมดีพอคงมา ซึ่งการมารับฟังข้อกล่าวหาถือว่าเป็นประโยชน์ต่อตัวนายไชยบูลย์เองมากกว่า
ผูสื่อข่าวรายงานว่าจากการประเมินของกระทรวงศึกษาธิการ คาดว่านายไชยบูลย์จะยังไม่มารับข้อกล่าวหาในครั้งนี้ และจะมีการเลื่อนออกไปก่อน
ในวันเดียวกัน ที่พระธรรมโกศาจารย์(ปัญญา นันทภิกขุ) ได้ปาฐกถาพิเศษ เรื่องพระไตรปิฎกกับการ สืบอายุพระพุทธ ศาสนาในโอกาสงานสมโภชพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยด้วย โดยกล่าวว่า อดีตประเทศไทย มีการแปลพระไตรปิฎกเป็นภาษาต่าง ๆ รวมทั้งภาษาไทยอยู่หลายครั้ง แต่ครั้งที่สำคัญเป็นในรัชสมัยรัชกาลที่ 1 ซึ่งในขณะนั้นทรงมีพระราช ปรารภให้มีการปริวรรตพระไตรปิฎกจากภาษาขอมและภาษาลาว ซึ่งในขณะนั้นไม่สามารถหา พระไตรปิฎกได้เลย ทั้งนี้เป็นเพราะว่าอยู่ในช่วงต่อของกรุงศรีอยุธยาแตกครั้งที่สอง ที่ผ่านมาบรรพบุรุษของไทยต้องเสียเลือดเนื้อปกป้องประเทศ และพระไตรปิฎกคู่กันไปด้วยโดยเฉพาะช่วงดังกล่าวมีพระไตรปิฎกเหลือเพียงแห่งเดียวที่ จ.นครศรี ธรรมราช และข้าศึกยกเข้ามาโจมตี
"ดังนั้นพุทธมามกะรุ่นหลังควรจะหวง แหนพระไตรปิฎก ซึ่งก็หมายความว่าเป็นการรักษาพระธรรมวินัยด้วย ถ้าคนรุ่นหลังไม่รู้จักพระธรรมวินัย ก็เท่ากับเนรคุณชาติศาสนาพระมหากษัตริย์" ขณะเดียวกันที่ จ.สมุทรปราการ ได้มีสาวก ไปล่ารายชื่อประชาชน โดยไม่ยอมบอกให้รู้ว่าเป็นของธรรมกาย และไปอ้างว่ามีศาสนาอื่นจะทำลายศาสนาพุทธและให้ช่วยกันลงนามต่อต้าน ชาวบ้านก็ลงชื่อให้แต่สุดท้ายก็รู้ว่าเป็นคนของธรรมกาย สร้างความไม่พอใจให้คนที่หลงไปลงชื่อ
ผู้สื่อข่าวรายงานสำหรับงานบุญใหญ่ของธรรมกาย คือ งานทอดกฐินในวันที่ 7 พ.ย. นี้ ปรากฏ ว่าแม่ชีจันทร์ ขนนกยูง ซึ่งเป็นประธาน ในพิธีจะไม่ออกมาปรากฏตัว เพราะป่วยมาก และมีแค่ชื่อเฉย ๆ ว่าเป็นประธาน ส่วนประธานรองได้มีการประชุมกันในคืนวันที่ 6 พ.ย.เพื่อหาตัวบุคคล สำหรับนายไชยบูลย์เองก็จะปรากฏตัวแค่นั่งเป็นประธาน แต่จะไม่เทศน์เพราะป่วย
สำหรับบรรยากาศในวัดพระธรรมกายได้มีรถบัสทยอยเข้ามาจำนวนมาก เนื่องจากงานกฐิน เป็นงานใหญ่ประจำปีของวัด และได้มีการระดมสาวกในต่างจังหวัดให้ขนคนเข้ามา ซึ่งจะเป็นการแสดงพลังครั้งสำคัญของวัดอีกด้วย.