เดลินิวส์ 5/11/2542
จ้องออกหมายจับสีกาเพิ่มอีกราย
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับคดีวัดพระธรรมกายว่า เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 4 พ.ย.ที่ผ่านมา นายเชลียง เทียมสนิท หัวหน้านิติกรกรมการศาสนา ในฐานะผู้ร้องทุกข์คดีทุจริตวัดพระธรรมกาย ได้เดินทางเข้าให้ ปากคำเพิ่มเติมกับพนักงานสอบสวน กองปราบปราม โดยให้การยืนยันว่าพบการกระทำผิด มีการนำเงินวัดพระธรรมกายไปกว้านซื้อที่ดินที่ จ.เพชรบูรณ์ จำนวน 902 ไร่ ตามที่กรมการศาสนาได้เคยส่งสารบบที่ดินมาให้เป็นแนวทางในการสอบสวน ซึ่งทางพนักงานสอบสอนได้ดำเนินการสอบสวนแล้วพบว่ามีการกระทำผิดจริง จึงให้กรมการศาสนามายืนยันกล่าวโทษอีกครั้ง
ส่วนความคืบหน้าในกรณีที่ทางอัยการได้สั่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติมนั้น มีประเด็นต่างๆ 6 ประเด็นสำคัญคือ ประเด็นที่ 1 ให้จัดส่งเช็คเงินสดของ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ไปให้กองพิสูจน์หลักฐาน ตรวจเปรียบเทียบลายมือชื่อด้านหลังเช็คดังกล่าวว่าเป็นลายมือของบุคคล คนเดียวกับนายมัยฤทธิ์ ปิตะวนิค คนสนิทนายไชยบูลย์ สุทธิผล เจ้าลัทธิธรรมกาย ที่พัวพันการซื้อที่ดินที่ จ.เพชรบูรณ์หรือไม่
ประเด็นที่ 2 ให้จัดส่งใบมอบอำนาจของนายไชยบูลย์ที่มอบอำนาจให้นายเทิดชาติ ศรีนพรัตน์ ไปรับโอนที่ดินจาก น.ส.ลำดวน โต๊ะวิเศษกุล เจ้าของที่ดินเดิมที่สำนักงานที่ดินบ้านบึง จ.ชลบุรี ให้กองพิสูจน์หลักฐานตรวจเปรียบเทียบลายมือของนายไชยบูลย์ในเอกสารขอเปิดบัญชี กับธนาคารกรุงศรีอยุธยาว่าเป็นลายมือชื่อของบุคคลคนเดียวกันหรือไม่
ประเด็นที่ 3 ให้พนักงานสอบสวนดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติมการลงลายมือชื่อของน.ส.ลำดวนและนายไชยบูลย์ ที่ลงลายมือชื่อมอบอำนาจ ประเด็นที่ 4 ให้สอบสวนพยานรู้เห็นการมอบอำนาจและการ รับโอนที่ดินระหว่างนายไชยบูลย์กับน.ส.ลำดวน
ประเด็นที่ 5 ให้สอบสวนพนักงานที่ดิน อ.วังทรายพูน จ.พิจิตร เกี่ยวกับที่ดินที่เป็นกรรมสิทธิ์ของนายถาวร พรหมถาวร คนสนิทนายไชยบูลย์อีกคนหนึ่ง และประเด็นสุดท้าย ให้สอบสวนกรณีที่บุคคลหรือพยานที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับวัดพระธรรมกาย ถูกข่มขู่ ว่าเกิดจากการกระทำของผู้ต้องหาหรือไม่ ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า พนักงานสอบสวนจะเดินทางไปสอบสวนเพิ่มเติมตามคำสั่งของอัยการที่ จ.พิจิตร และ จ.เพชรบูรณ์ โดยจะสอบปากคำเจ้าหน้าที่ธนาคารต่างๆที่เกี่ยวข้อง และเจ้าของที่ดินเดิม
ทั้งนี้ กรณีที่ยังมีผู้ร่วมกระทำความผิดเกี่ยวกับที่ดินที่ จ.เพชรบูรณ์อีก นอกจากพระชั้นในรูปหนึ่ง แล้วยังมีฆาราวาสอีก 1 คนคือนาย ส. ตามที่ได้เคยเสนอข่าวไปแล้ว นายส.ผู้นี้เป็นผู้ทำหน้าที่นำเช็คเงินสดที่สั่งจ่ายโดย นายไชยบูลย์ไปขึ้นเงินกับธนาคาร แล้วโอนเข้าบัญชีของนายถาวร ซึ่งมีลักษณะการกระทำความผิด คล้ายกับกรณีของนายมัยฤทธิ์ ส่วนพระอีกรูปหนึ่งที่เข้าข่ายกระทำผิดด้วยนั้น เป็นพระชั้นในระดับสำคัญของวัดพระธรรมกาย
สำหรับผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับในคดียักยอกทรัพย์ โดยนำเงินของวัดพระธรรมกายไปซื้อที่ดินที่ จ.เพชรบูรณ์ ชุดแรก 4 คนนั้น ประกอบด้วย นายไชยบูลย์ สุทธิผล เจ้าลัทธิธรรมกาย นายถาวร พรหมถาวร นายมัยฤทธิ์ ปิตะวนิค และน.ส.อมรรัตน์ สุวิพัฒน์ หรือสีกาตุ้ย ซึ่งล้วนเป็นคนสนิทใกล้ชิดนายไชยบูลย์ทั้งสิ้น
รายงานข่าวจากกองปราบปรามแจ้งว่า ภายใน 2-3 สัปดาห์นี้ทางพนักงานสอบสวนคดีวัดพระธรรมกาย จะมีการสรุปสำนวนและเอกสารหลักฐานต่างๆทั้งหมด ซึ่งรวมถึงเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับ บัญชีการเงินของวัดพระธรรมกาย ที่มีสีกาใกล้ชิดนายไชยบูลย์เข้ามามีส่วนพัวพันด้วย ทั้งนี้ หลังจากสรุปหลักฐานแล้วจะมีการดำเนินการเพื่อขอออกหมายจับสีกาที่เกี่ยวข้องประมาณ 4-5 คน
นอกจากนี้ยังมีรายงานแจ้งอีกว่า ได้มีผู้ร้องเรียนมายังกองปราบปรามว่า ขณะนี้หนังสือ "เปิดโปงขบวนการล้มพุทธ" และ "พุทธศาสนาชะตาของชาติ" เขียนโดยผู้ที่อ้างตัวว่าชื่อ "ดร.เบญจ์ บาระกุล" ซึ่งมีเนื้อหาให้ร้ายโจมตีพระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตโต) ยังคงมีวางขายอยู่ตามแผงหนังสือทั่วไป ในราคาเล่มละ 150 บาท ซึ่งมีการตั้งข้อสังเกต ุว่าทำไมทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจึงไม่ดำเนินการกักเก็บและรวมรวมเพื่อนำไปทำลายให้เด็ดขาดเสียที ทั้งๆได้มีมีคำสั่งให้ดำเนินการในเรื่องนี้ออกมานานแล้ว
รายงานข่าวแจ้งว่า ในวันอาทิตย์ที่ 4 พ.ย.นี้ เวลา 13.30-16.30 น. กลุ่มเสขิยธรรม มูลนิธิโกมลคีมทอง เสมสิกขาลัย มูลนิธิพุทธธรรม และคณะกรรมการศาสนาเพื่อการพัฒนา (ศพพ.) จะจัดสัมนาในหัวข้อ "ลัทธิพิธีใน สังคมไทย กับท่าทีของของชาวพุทธเถรวาทไทย" ที่หอประชุมเล็ก มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ กรุงเทพฯ โดยวิทยากรที่เข้าร่วมการสัมนาในครั้งนี้ ประกอบด้วย พระไพศาล วิสาโล นายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ หรือ "ส.ศิวรักษ์" นายนิธิ เอียศรีวงศ์ โดยมีนายอุทัย ตุลยเกษม เป็นผู้ดำเนินรายการ ทั้งนี้ คาดว่าในการสัมนาจะมีการหยิบยกกรณีของวัดพระธรรมกายมากล่าวถึงด้วย .