page4

เดลินิวส์ 4/11/2542

สั่งรับมือ "ไชยบูลย์" อย่าเบี้ยว

ไชยบูลย์"เตรียมออกงานใหญ่ทอดกฐินอาทิตย์นี้ รับศึกหนัก 10 พ.ย.ต้องไปรับฟังข้อกล่าวหาตามกฎนิคหกรรม ถัดมาอีก 2 วันต้องไปหาอัยการฟังคำสั่งฟ้องคดีใหม่ทางโลก ร้อง"วาสนา"ขอให้รวบทุกคดีสั่งฟ้องทีเดียว "สมศักดิ์" สั่งกรมศาสนาพร้อมรับมือ ถ้าเกิดรายการเบี้ยวอ้างป่วย ต้องตรวจสอบหลักฐานใบรับรองแพทย์ให้ถูกต้อง
ขณะที่กรมการศาสนาสรุปผลสอบสวนแล้ว ข้อกล่าวหาพระธรรมปิฎกไม่มีมูลความจริง

เมื่อวันที่ 3 พ.ย.ที่ผ่านมานายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รมว.ศึกษาธิการเปิดเผยว่าตนเชิญนายไพบูลย์ เสียงก้อง อธิบดีกรมการศาสนาและนายสุทธิวงศ์ ตันตยาพิศาลสุทธิ์ รองอธิบดีกรมการศาสนามาหารือ เพื่อให้ช่วยเตรียมแผนปฏิบัติการณ์รับมือวันที่ 10 พ.ย.ที่พระสุเมธาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี จะเรียกนายไชยบูลย์ สุทธิผล เจ้าลัทธิธรรมกายและพระเผด็จ ทัตตชีโว รองเจ้าอาวาสมารับทราบข้อกล่าวหาตามกฎนิคหกรรม โดยจะต้องเตรียมในเรื่องการจัดสถานที่ การอำนวยความสะดวกให้สื่อมวลชน รวมถึงประสานงานกับตำรวจเพื่อขอกำลังมาอารักขา

หากผู้ถูกกล่าวหาไม่ยอมมารับฟังคำกล่าวหาก็ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ถ้าไม่มาจะเข้าสู่กระบวนการทางสงฆ์ต่อไป เพราะถือว่าไม่มีเหตุผลแจ้ง แสดงว่าไม่มารับทราบข้อกล่าวหา โดยจะมีการส่งเรื่องไปยังพระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 ในฐานะประธานคณะผู้พิจารณาชั้นต้น แต่ถ้ามีหนังสือรับรองแพทย์ว่าป่วยก็จะให้โอกาส ส่วนการตรวจสอบว่าหนังสือรับรองจริงหรือไม่เป็นหน้าที่กรมการศาสนา

ส่วนการที่สาวกนายไชยบูลย์อ้างหนังสือของพระสุเมธาภรณ์ ที่แจ้งให้รับทราบข้อกล่าวหาไม่มีความสมบูรณ์ นายสมศักดิ์กล่าวว่าให้ไปอ่านกฎนิคหกรรมให้ชัดจเนว่าทำได้แค่ไหน และอยากบอกศิษย์นายไชยบูลย์ว่า วันนี้ต้องการทำความจริงให้ปรากฎต่อสังคม กระทรวงให้โอกาสทุกคนอย่างเสมอภาค เมื่อมีผู้กล่าวหาก็ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าใครถูกใครผิด วิธีดีสุดคือมาพิสูจน์ตัวเอง ต้องเคารพกติกาสังคม

นายอำนวย สุวรรณคีรี ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปและวัฒนาธรรมกล่าวว่ามหาเถรสมาคม (มส.) ควรพิจารณาการทำงานของคณะผู้พิจารณาชั้นต้น เพราะที่ผ่านมาแสดงความขัดแจ้งกัน กระเทือนต่อองค์กรสงฆ์และพระผู้ใหญ่ และควรปรึกษาหารือกันไม่ใช่เจ้าคณะจังหวัดปทุมฯว่าอย่างเจ้าคณะภาค 1 ว่าอย่าง หากไม่ไหวจิรง ๆ ก็ขอให้เปลี่ยนคณะผู้พิจารณาชั้นต้นทั้งหมดเสีย

"ส่วนที่มีข่าววัดพระธรรมกายเคยข่มขู่ผมนั้น เรื่องมันผ่านมานานแล้ว ไม่อยากให้เป็นข่าว เป็นปกตินักการเมืองที่จะมีคู่แข่งทางการเมืองอาศัยสถานการณ์โทรศัพท์มาข่มขู่ ผมว่าเป็นเรื่องธรรมดาและคิดว่าพนักงานสอบสวนหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีข้อมูลอยู่แล้ว"

พล.ต.ท.วาสนา เพิ่มลาภ ผบช.สง.ก.ตร. หัวหน้าชุดพนักงานสอบสวนคดีธรรมกาย กล่าวถึงกรณีที่พนักงานอัยการเลื่อนการพิจารณาสั่งฟ้อง 2 ผู้ต้องหาคดีธรรมกายได้แก่นายมัยฤทธิ์ ปิตวนิค และนายเทิดชาติ ศรีนพรัตน์ว่าอัยการคงตรวจสำนวนไม่เสร็จ และได้มีการสั่งให้พนักงานสอบสวนสอบสวนเพิ่มบางประเด็น

"ตำรวจยังได้รับการขอร้องจากผู้ถูกกล่าวหาว่า หากจะตั้งข้อหาเพิ่มขอให้รวบรวมทำให้เสร็จในคราวเดียวกัน เราเห็นว่าถ้าทำได้ก็จะทำ แต่อาจจะล่าช้า เพราะแต่ละกรณีเกิดขึ้นมานานแล้ว บางครั้งพยานหลักฐานไม่เกี่ยวกันก็น่าจะแยกคดี หรือบางกรณีมีการกล่าวหาเพิ่มเติมอีกเช่นข้อหาฉ้อโกงประชาชน ซึ่งข้อเท็จจริง พยานหลักฐานไม่เกี่ยวกับข้อหายักยอกทรัพย์การทำสำนวนรวมกันจะเกิดปัญหา"

ส่วนในวันที่ 12 พ.ย.นายไชยบูลย์จะสามารถเดินทางไปพบอัยการเพื่อฟังคำสั่งฟ้องคดีใหม่หรือไม่ ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงถ้าป่วยจริงก็ผ่อนผันให้ แต่ไม่ป่วยจริงก็ต้องทำเหมือนกับที่เคยดำเนินการมาแล้ว และขอยืนยันว่าผู้ที่เดินทางมามอบตัวกับพนักงาน สอบสวนเมื่อวันที่ 28 ต.ค.เป็นนายไชยบูลย์ตัวจริงรวมถึงมีการพิสูจน์ลายมือด้วย

กรณีที่ธรรมกายปิดบัญชีของวัดทั้งหมด 49 บัญชีและเหลือ 3 บัญชี จากการสอบถามนายสนธยา โพธิแดง ทนายความวัดก็ได้รับคำชี้แจงว่าเพื่อความสะดวก ในการเบิกจ่ายให้ให้ถูกต้องตามกฎของกระทรวงศึกษาธิการ แต่พนักงานสอบสวนมียอดเงินของวันที่ 6 ก.ย.อยู่แล้ว หากเงินหายไปเฉยๆ ก็เป็นความผิด คงไม่มีการบังอาจจะทำเช่นนั้น ในวันที่ 8 ธันวาคม พนักงานสอบสวนจะประชุมอีกครั้งในเวลา 13.00 น. และจะมีการเร่งรัดสอบบุคคลอื่นที่ไม่ยอมมาให้ปากคำ อาทินางสงบ ปัญญาตรง ที่มีหมายเรียกไปแล้ว แต่นางสงบเดินทางไปต่างประเทศ และขณะนี้กลับมาแล้ว

ด้านนายวีรศักดิ์ ฮาดดา หัวหน้าสำนักงานมูลนิธิธรรมกายกล่าวว่าอาการของนายไชยบูลย์ดีขึ้น แต่ยังไม่กลับวัด และในวันที่ 12 พ.ย.จะหายไปพบอัยการแน่ ส่วนพิธีทอดกฐินของวัดในวันที่ 7 พ.ย.กำลังหาประธานฝ่ายฆราวาสอยู่ ขณะที่นายแพทย์พรชัย พิญญพงษ์�แพทย์ประจำมูลนิธิธรรมกายเปิดเผยว่านายไชยบูลย์จะหายมาทันร่วมงานทอดกฐินแน่นอน

วันเดียวกัน ที่กรมการศาสนา นายไพบูลย์ เสียงก้อง อธิบดีกรมการศาสนา เปิดเผยถึงผลสรุปของคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงที่กรมการศาสนาตั้งขึ้น เพื่อตรวจสอบกรณีที่พระธรรมปิฎก เจ้าอาวาสวัดญาณเวศกวัน จ.นครปฐม ถูกกล่าวหาด้วยข้อเขียนว่าอยู่เบื้องหลังขบวนการล้มล้างพระพุทธศาสนา ว่า คณะกรรมการสรุปว่าข้อกล่าวหาทั้งหมด ไม่มีมูลความจริง