เดลินิวส์ 2/11/2542
10 พ.ย. แจ้งข้อหา ไชยบูลย์ ทัตตชีโว
พระสุเมธาภรณ์ประกาศชัด 10 พ.ย."ไชยบูลย์-ทัตตชีโว"ต้องมารับทราบข้อกล่าวหา ไม่มี การเปลี่ยนแปลง กรมการศาสนาเร่งคดีส่งแผนงานวันนั้นเสนอเจ้าคณะใหญ่หนกลางทราบแล้ว ระบุชัดอ้างป่วยไม่ได้ ถึงขั้นต้องถามก็ต้องมาฟัง พูดไม่ได้ไม่ใช่ปัญหาเขียนได้อยู่แล้ว กองปราบฯเตรียมสรุป สำนวนฟ้อง"ไชยบูลย์"กับพรรคพวกอีก 3 คน ข้อหายักยอกทรัพย์ 9 พ.ย.นี้ "รมช.ศึกษาฯ"เตือนพระพรหมโมลี อยู่ห่างธรรมกายดีกว่าไม่งั้นจะมีความผิด ฐานขัดขวางเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ ตำรวจพักคดี"ปราจิณ" แจ้งดำเนินคดีเจ้าคณะภาค 1 เผยไม่ใช่ผู้เสียหายแท้จริง ถ้าเป็นกรมการศาสนาลุยได้แน่คดีมีมูล
ที่วัดมูลจินดาราม เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 1 พ.ย. นายเริงฤทธิ์ เบ้านุวงศ์ หัวหน้าฝ่ายสังฆาธิการ กรมการศาสนา พร้อมคณะได้เดินทางเข้านมัสการพระสุเมธาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี โดยนายเริงฤทธิ์เปิดเผยว่า อธิบดี กรมการศาสนามีความห่วงใยเรื่องของการดำเนินการตามกฎนิคหกรรม นายไชยบูลย์ สุทธิผล เจ้าลัทธิธรรมกายและพระเผด็จ ทัตตชีโว รองเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ซึ่งมหาเถรสมาคมได้มีมติไว้เมื่อวันที่ 19 ต.ค.ว่า ให้ดำเนินการต่อไปโดยไม่ต้องรอรับรองรายงานผลการประชุม ซึ่งล่าสุดทราบว่าจะนัดหมาย นายไชยบูลย์และพระทัตตชีโวให้มารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 10 พ.ย.นี้
"กรมการศาสนาพร้อมที่จะจัดเจ้าหน้าที่ฝ่ายสังฆาธิการ ที่มีความชำนาญเรื่องการใช้กฎนิคหกรรมมาช่วยเหลือในวันดังกล่าว สำหรับแผนในการรักษาปลอดภัยนั้นนายกรัฐมนตรีมีความห่วงใยและสอบถามรมว.ศึก ษาธิการมา ผมก็ได้สรุปแผนให้ท่านรัฐมนตรีฟังเรียบร้อยแล้ว คาดว่าจะใช้เหมือนเมื่อครั้งที่ผ่านมา คือกรมการศาสนา จะประสานกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ บช.ภ.1 และตำรวจในพื้นที่ เพื่อขอกำลังอารักขาในวันดังกล่าว"
นายเริงฤทธิ์กล่าวต่อไปว่า กรมได้มีหนังสือที่ ศธ.0307/395 เพื่อแจ้งแผนรักษาความปลอดภัยในวันที่ 10 พ.ย.เสนอต่อสมเด็จพระมหาธีราจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนกลางทราบแล้ว ในเบื้องต้นจ ะมีการปิด วัดมูลจินดาราม อนุญาตให้เข้าเฉพาะผู้ที่เกี่ยวข้องเข้า-ออกเท่านั้น ซึ่งจะประกอบไปด้วยตำรวจราว 200 นาย เจ้าหน้าที่กรม เจ้าหน้าที่ วัดมูลจินดาราม สื่อมวลชนเฉพาะที่ได้รับบัตรอนุญาต ส่วนผู้ติดตามของวัดพระธรรมกายนั้นอนุญาตให้เข้าไปได้ 10 คน สำหรับบริเวณศาลาเฉลิมพระเกียรตินั้นจะไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปในบริเวณนั้น โดยจะใช้ชั้นบนของศาลาเป็นที่สอบสวน
หัวหน้าฝ่ายสังฆาธิการกล่าวอีกว่า อำนาจการเรียกนายไชยบูลย์มารับทราบข้อกล่าวหานั้นเป็นอำนาจของเจ้าคณะจังหวัดอยู่แล้ว ไม่เกี่ยวข้องกับคณะผู้พิจารณาชั้นต้น พระสุเมธาภรณ์สามารถดำเนินการได้โดยไม่จำ เป็นต้องฟังคำทัดทานจากใคร หากนายไชยบูลย์อ้างว่าป่วยก้น่าจะหามมาได้ หมอโรงพยาบาลตำรวจก็มี หากว่าพูดไม่ได้ก็ใช้เขียนเอา คงต้องให้เหมือนกับการมอบตัวต่อพนักงานสอบสวน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พระสุเมธาภรณ์ได้รับฟังข้อเสนอของกรมการศาสนาและยอมรับโดยดุษฎี โดยยืน ยันกับเจ้าหน้าที่ว่า จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงกำหนดการเดิมเด็ดขาด โดยจะลงนามในหนังสือเพื่อแจ้งให้กับนายไชยบูลย์และพระทัตตชีโวได้รับทราบ และให้ส่งไปยังวัดพระธรรมกายในวันที่ 2 พ.ย. โดยจะกำหนดในหนังสือด้วยว่าหากไม่สะดวกจะต้องแจ้งให้ทราบภายใน 2 วัน เชื่อว่าทั้ง 2 จะเดินทางมาตามนัดแน่นอน หากจะไม่มาก็ต้องมีเหตุผลเพียงพอและถ้าจะขอเลื่อนจะให้โอกาสเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ส่วนที่ว่ามีพระผู้ใหญ่เบรคเรื่องนี้ก็ไม่มีปัญหาอะไร มติมหาเถรฯส่งมาให้ทราบเรียบร้อยแล้ว
ด้านนายสุทธิวงศ์ ตันตยาพิศาลสุทธิ์ รองอธิบดีกรมการศาสนากล่าวว่า ได้รับรายงานจากนายเริงฤทธิ์ว่าได้ประสานกับ เจ้าคณะ จังหวัดปทุมธานีแล้วทราบว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงนัดหมายอย่างแน่นอน จากนั้นนายเริงฤทธิ์ก็จะเข้าพบพระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 เพื่ออธิบายมติมหาเถรฯอีกครั้ง
นายวิชัย ตันศิริ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการเปิดเผยว่า ได้กำชับไปยังเจ้าหน้าที่ ของกรมการ ศาสนาแล้วว่า ให้อำนวยความสะดวกให้แก่เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีให้ดีในวันที่ 10 พ.ย. ส่วน กรณีที่พระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 ออกมาท้วงติงนั้นกระทำไม่ได้ เพราะจะเป็นการขัดมติมหาเถรฯ และจะมีความผิดตามกฎหมายสงฆ์ ก็คงต้องติดตามว่าพระพรหมโมลีจะตัดสินใจอย่างไร แต่การแสดงความคิดเห็นก็เป็นสิทธิของพระพรหมโมลี ซึ่งต้องแยกออกจากการดำเนินการ โดยในเร็วๆนี้ จะขอเข้า นมัสการเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีเพื่อถวายความคิดเห็น โดยคาดว่าจะไปก่อนวันที่ 10 พ.ย.แน่นอน
ขณะเดียวกันมีรายงานข่าวจากกองปราบปรามแจ้งว่า กรณีที่นายประจิณ ฐานังกรณ์ ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับพระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 ในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่นั้น ขณะนี้พนักงานสอบสวนได้พักดำเนินคดีไว้ก่อนแม้คดีมีมูล เนื่องจากพิจารณาดูแล้วนายประจิณไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรงเป็นเพียงพุทธศาสนิกชนคนหนึ่ง ขณะที่ผู้เสียหายโดยตรงคือกรมการศาสนา ซึ่งก็ไม่มีทีท่าว่าจะดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง
ส่วนความคืบหน้าคดีวัดพระธรรมกาย ในส่วนของคดียักยอกทรัพย์ที่ได้แจ้งข้อหาเพิ่มเติมกับนายไชย บูลย์และคนสนิทอีก 3 คนคือนายถาวร พรหมถาวร นายมัยฤทธิ์ ปิตวณิช และน.ส.อมรรัตน์ สุวิพัฒน์ หรือ สีกาตุ้ยนั้น ขณะนี้พนักงานสอบสวนกำลังเร่งสรุปสำนวนฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 4 ให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 9 พ.ย.นี้ เพื่อส่งให้สนง.ตำรวจแห่งชาติพิจารณา จากนั้นวันที่ 12 พ.ย.จึงจะส่งสำนวนทั้งหมดพร้อมตัวผู้ต้องหาให้กับอัยการ ซึ่งหากอัยการ ต้องการให้สอบสวนเพิ่มเติมในประเด็นใดก็จะแจ้งมาในภายหลังเพื่อดำเนินการสอบสวนต่อไป อย่างไรก็ดีขณะนี้มีการสอบพบว่ามีผู้ร่วมกระบวนการนี้อีก 2 ราย ซึ่งจะมีการออกหมายจับต่อไป
รายงานยังระบุถึงกรณีที่วัดพระธรรมกายอ้างว่ามีการออกหมายจับนายถาวร พรหมถาวร ผิดและมีการปลอมแปลงหมายจับนั้นว่า หมายจับดังกล่าวนั้นสภ.อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่เป็นผู้ดำเนินการ กองปราบปรามทำหน้าที่แค่ประสานงานให้เท่านั้น เมื่อมีการนำภาพถ่ายนายถาวรให้พยานในพื้นที่ดูก็ยืนยันว่าเป็นคนๆเดียวกันที่บุกรุกป่า ส่วนหมายจับมีการแก้ไขนามสกุลนั้นเนื่องจากเดิมเจ้าหน้าที่ตำรวจเขียนนามสกุลผิด แต่เมื่อต้องการจับกุมบุคคลนี้ก็สามารถแก้ไขนามสกุลให้ถูกต้องได้ ไม่ได้มีความไม่ชอบมาพากลแต่อย่างใด คงไม่มีใครข่มขู่พยานเพื่อให้การเท็จและยิ่งพยานเป็นกำนันด้วยแล้วยิ่งเป็นไปไม่ได้เลย
สำหรับ สีกาอ้อย ซึ่งพนักงานสอบสวน ได้ออกหมายเรียกให้มาให้ปากคำหลายครั้งแล้ว แต่ไม่ได้รับการติดต่อ และท้าทายให้พนักงานสอบสวนออกหมายจับนั้น ยังอยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐานอยู่ โดยขณะนี้พบว่า มีการโอนเงิน จากวัดพระธรรมกายมาเข้าบัญชีหลายร้อยล้านบาท แต่ปัจจุบันเงินในบัญชีดังกล่าวเหลือเพียง 1,000 บาทเท่านั้น จึงได้มีการประสานกับกรมสรรพากรถึงแหล่งที่มาของรายได้ว่ามาจากการ ประกอบธุรกิจหรือธุรกรรมใดๆหรือไม่ เพราะจะต้องปรากฎในหลักฐานเอกสารการเสียภาษีเงินได้ หากพิสูจน์แล้วพบว่าเป็นเงินที่มาจากแหล่งที่ไม่มีมูลหนี้ก็จะพิจารณาดำเนินการต่อไป ส่วนนางสงบ ปัญญาตรงนั้นขณะนี้ได้ให้นายพลกองทัพอากาศคนหนึ่งติดต่อพนักงานสอบสวนขอเข้าให้ปากคำแล้ว
รายงานข่าวล่าสุดแจ้งว่า เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา นายเริงฤทธิ์ เบ้านุวงศ์ หัวหน้าฝ่ายสังฆาธิการ กรมการศาสนา ได้เดินทางเข้าพบเพื่อหารือกับพระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 ที่วัดยานนาวา โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที ภายหลังการหารือนายเริงฤทธิ์เปิดเผยว่า เจ้าคณะภาค 1 ยืนยันว่าไม่ได้เบรกเรื่องที่เจ้าคณะจังหวัด ปทุมธานีจะเรียกตัวนายไชยบูลย์มารับทราบข้อกล่าวหาตามกฎนิคหกรรม เพียงแต่ขอให้พิจารณากฎระเบียบให้ละเอียดเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหาย นอกจากนี้ เจ้าคณะภาค 1 ยังเห็นพ้องเรื่องการนัดวันเรียกตัวนายไชยบูลย์มารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 10 พ.ย.นี้ด้วย