เดลินิวส์ 1/11/2542
ขวางฟัน'ไชยบูลย์'อาจโดนยื่นฟ้องได้
มือกฎหมายทังทางโลกทางสงฆ์ระบุชัด พระพรหมโมลีขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานสามารถ แจ้งความดำเนินคดีได้ พระสุเมธาภรณ์เสียง อ่อยนับจากนี้ ไม่มีอะไรแน่นอน ศิษย์ธรรมกาย หงอยร่วมสังฆกรรมน้อยลง ป่วยนะจ๊ะ "ไชยบูลย์" ยังรักษา ฟอร์มเดิมนอนซมอยู่โรงพยาบาล หัวหน้าสำนักงานมูลนิธิธรรมกาย เผย พระครูปทุมกิจโกศลระบุถูกร้องเรียน เหตุชาวบ้าน เสียผลประโยชน์ไม่ได้สร้างโรงเรียนพระปริยัติฯ โดนญาติ "มาณพ พลไพรินทร์" ฮุบโปรเจ็คท์หมด
จากกรณีที่พระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 ท้วงติงเรื่องที่พระสุเมธาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี จะเรียกนายไชยบูลย์ สุทธิผล เจ้าลัทธิธรรมกาย และพระเผด็จ ทัตตชีโว รองเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย มารับฟังข้อกล่าวหาตามกฎนิคหกรรมว่า ได้มีการพิพากษาทางสงฆ์จบแล้ว ไม่สามารถนำมาพิจารณาใหม่ได้นั้น
พระราชกวี รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย กล่าวว่า การที่เจ้าคณะภาค 1 อ้างเช่นนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เปรียบก็เหมือนแม่ไก่ที่คอยปกป้องไข่ หรือกลัวว่าพญาเหยี่ยวหรือมหาเถรสมาคม (มส.) จะมาฉกไปก็ไม่ทราบ ท่านเป็นพระผู้ใหญ่มีเหตุผลอย่างไรก็ควรแถลงให้ชัดเจน เพื่อความโปร่งใส ป้องกันการเข้าใจผิด และความสับสนของประชาชนชาวพุทธ มิใช่ปล่อยให้เกิดความอึมครึม เคลือบแคลงสงสัยอีกต่อไป
"เมื่อมติ มส. ออกมา ท่านซึ่งเป็นหนึ่ง ในกรรมการก็น่าจะทราบดีว่าควรปฏิบัติตาม หากขัดขืนโดยไม่มีเหตุที่ฟังขึ้น มส.ก็มีสิทธิ์ที่จะแจ้งความดำเนินคดีฐานขัดขืนการปฏิบัติการทำงานของเจ้าพนักงาน และเป็นเจ้าพนักงานไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาและมติของ มส."
อย่างไรก็ตาม เชื่อมั่นว่าสมเด็จพระมหาธีราจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนกลาง ผู้บังคับบัญชาโดยตรงของเจ้าคณะภาค 1 ต้องลงมาดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง ท่านคงไม่ปล่อยให้มติของ มส. ต้องเป็นหมัน ถูกลูกน้องลบทิ้งหรือเหยียบย่ำเล่นง่าย ๆ โดยส่วนตัวก็เคารพท่านเจ้าคณะภาค 1 ชื่นชมท่านมาตลอดในเรื่องการเขียนหนังสือ แต่ไม่เข้าใจ ว่าคดีวัดพระธรรมกาย ทำไมท่านถึงได้เอนเอียงได้ถึงขนาดนี้ ท่านน่าจะเห็นแก่พระพุทธศาสนามิให้เกิดความมัวหมอง มากกว่าเห็นแก่บุคคล ซึ่งตัว นายไชยบูลย์เอง ก็ควรออกมาสู้อย่างเต็มตัว ถูกก็ว่ากันไปตามถูก ผิดก็ว่ากันไปตาม ผิด แม้ท่านผิดก็ไม่ได้มีการนำตัวไปประหารชีวิต พระรูปอื่น ๆ ที่ผิดแม้ถูกสึกไปก็ยังอยู่ได้
นายวันชัย สอนศิริ เลขาธิการสภาทนาย ความ กล่าวว่า ข้อทักท้วงของเจ้าคณะภาค 1 นั้น ฟังไม่ขึ้น เพราะแม้ คณะผู้พิจารณาชั้นต้นจะยก ฟ้องแล้ว แต่เมื่อ มส. ซึ่งถือว่าเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดมีมติให้รื้อฟื้นใหม่ก็ต้องดำเนินการ มส. เปรียบเหมือนศาลฎีกาทางโลก เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าควรพิจารณาใหม่ก็สามารถหยิบยกมาดำเนินการ ได้ จะอ้างว่าการตัดสินสิ้นสุดแล้วไม่ได้ ทั้งนี้ เมื่อคณะผู้พิจารณาชั้นต้นไม่รับเรื่องก็ไม่ทราบจะไปทำอะไรท่านได้ นอกจากจะใช้สิทธิทางศาลฟ้องดำเนินคดีทางแพ่งให้ศาลบังคับให้รับเรื่องไว้พิจารณา
ขณะเดียวกัน ผู้เสียหายที่ยื่นฟ้องคือนายมาณพ พลไพรินทร์ ผู้เชี่ยวชาญพิเศษกรมการศาสนา และนายสมพร เทพสิทธา ประธานสภายุวพุทธิกสมาคมฯ ก็สามารถฟ้องเอาผิดเจ้าคณะภาค 1 ทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ได้ ตนเห็นว่าใครก็ตามที่พยายามเตะถ่วงเรื่องนี้ทำไม่ถูกต้อง ควรจะให้เรื่องเข้าสู่กระบวนการทางสงฆ์เสียที แล้วมาพิสูจน์ กันว่า นายไชยบูลย์ทำผิดวินัยจริงหรือไม่ จากนั้นจะวินิจฉัยลงโทษหรือไม่อย่างไรก็ค่อยว่ากัน ไม่ใช่ยื้ออยู่ให้เป็นที่ค้างคาใจประชาชน สร้างความเสีย หายให้ทุกฝ่าย
ส่วนกรณีที่เจ้าคณะจังหวัดปทุมธาน ียังลังเลสงสัย ไม่กล้าเรียกนายไชยบูลย์และพระเผด็จมารับฟังข้อ กล่าวหานั้น เรื่องนี้กรมการศาสนาควรเข้าไปช่วยเหลือ โดยให้เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญไปอธิบาย ให้ท่านมั่นใจจะได้ดำเนินการเด็ดขาดเสียที ซึ่งโดยส่วนตัวเห็นว่าถ้าท่านยืนหยัด ดำเนินการ ในสิ่งถูกต้องแล้วก็ไม่ต้องหวั่นไหวว่าทำไปแล้วจะมีความผิด ถูกถอดยศหรือถูกปลดออกจากตำแหน่ง เพราะท่านต่อสู้เพื่อความจริง
ทางด้านพระสุเมธาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี กล่าวว่า ในวันที่ 1 พ.ย. นี้ จึงจะตัดสิน ใจว่าจะดำเนินการตามคำท้วงติงของเจ้าคณะภาค 1 หรือคำสั่งของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) กรรมการ มส. ที่ให้ดำเนินการตามมติ มส. นำคำฟ้องของนายมาณพและนายสมพรมาวินิจฉัยใหม่ ดังนั้น กำหนดเดิมที่จะเรียกผู้ถูกกล่าวหามารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 10 พ.ย. ขณะนี้จึงยังไม่มีอะไรแน่นอน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันอาทิตย์ที่ 31 ต.ค. มีผู้เดินทางไปร่วมกิจกรรมของวัดพระธรรมกายค่อนข้างบางตา ซึ่งผู้นำบุญ รายหนึ่งกล่าวว่าสาเหตุที่ญาติโยมมาน้อยเพราะเห็นภาพข่าววัน ที่นายไชยบูลย์เดินทางไปมอบตัวกับตำรวจกองปราบฯโดยสวมหมวก ใส่แว่น มีผ้าปิดปาก ดูลึกลับ ญาติโยมบางส่วนมองว่าไม่เหมาะสม
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่มูลนิธิธรรมกายได้นำเอกสารชี้แจงเกี่ยวกับบัญชีเงินฝากของวัดพระ ธรรมกายมาแจกจ่ายบรรดาญาติโยม โดยระบุ ว่า 1. ในอดีตทางวัดได้เปิดบัญชีเงินฝากไว้กับธนาคารหลายแห่ง จำนวน 49 บัญชี เพื่ออำนวยความสะดวกในการทำบุญของสาธุชน แต่เมื่อเร็วๆนี้ที่ปรึกษาของวัด ได้แนะนำว่าควรลดบัญชี ให้น้อยลงเพื่อความสะดวกในการควบคุม ทางวัดจึงปิดบัญชีดังกล่าวแล้วเปิดบัญชีใหม่ 3 แห่ง คือที่ธนาคารกรุงไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ และธนาคารนครหลวงไทย สาขาคลองหลวง 2. การเปิดบัญชีนั้นธนาคารเดิม ได้โอนเงินหรือ ออกแคชเชียร์เช็คในนามวัดพระธรรมกายและขีดคร่อม ซึ่งทางวัดได้นำเข้าบัญชีเงินฝากถูกต้องครบถ้วนแล้ว 3. ทางวัดได้เปิด บัญชีเงินฝาก ในนามวัดพระธรรมกายโดยมีผู้ร่วมมีอำนาจสั่งจ่ายเงิน 5 คนคือ ผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาส ไวยาวัจกร และกรรมการที่ได้รับการแต่งตั้งอีก 3 คน
สำหรับกรณีโรงงานหล่อและขัดแต่งพระธรรมกาย ประจำตัวภายในวัดพระธรรมกาย ที่ถูกชาวบ้านร้องเรียนว่าสร้างปัญหามลพิษนั้น ผู้ สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดยังคงมีการปฏิบัติงานอยู่เช่นเดิม แต่ลดจำนวนคนงานลงครึ่งหนึ่ง จากการสังเกตุบริเวณกลางโรงงานมีควันสีขาวพวยพุ่งออกมาเป็นละอองฝุ่น แต่มีการใช้สปริงเกิลฉีดน้ำให้เป็นฝอยและตกลงมายังบ่อพักน้ำของโรงงาน ซึ่งมีแนวต้นไผ่อำพรางตัวโรงงานอยู่
แหล่งข่าวซึ่งเป็นพนักงานในโรงงานหล่อพระดังกล่าว เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 26 ต.ค. ที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายตรวจสอบโรงงาน สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดปทุมธานี เข้าตรวจสอบโรงงานนั้น เจ้าหน้าที่ของวัดได้พาเลี่ยงไปยังจุดที่ไม่มีมลพิษ ซึ่งข้อเท็จจริงแล้วยังมีอีกจุดหนึ่งที่เป็นศูนย์กลางการผลิต จุดดังกล่าวต้องใช้ความร้อนสูงมากในการหลอมละลายโลหะ มีทั้งกลิ่นฉุนรุนแรงและมีเสียงระเบิดของโลหะเป็นระยะ ๆ ทั้งนี้ เป็นที่น่า สังเกตว่าเจ้าหน้าที่ไม่ได้ตรวจสอบข้อบกพร่องและ กระบวนการผลิตที่อาจเป็นอันตรายต่อประชาชนใกล้เคียง
นายมะโน สุทธิรักษ์ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ซึ่งมีบ้านพักอยู่บริเวณ แนวรั้ววัดพระธรรมกายด้านโรงงานหล่อพระ กล่าวว่า โรงงานหล่อพระยังคงมีการปฏิบัติงานกันทั้งวันทั้งคืน แต่ภายหลังมีข่าวก็ลดเรื่องเสียงดังและกลิ่นฉุนลงไปบ้าง ซึ่งหากทางวัด ยังสร้างปัญหาให้กับประชาชนกว่า 30 หลังคาเรือน ในบริเวณดังกล่าวอยู่ ตนก็จะนำเรื่องแจ้งให้หน่วยงานที่รับผิดชอบลงมาแก้ไข
นอกจากนี้นายมะโนยังกล่าวอีกว่า มีการวิจารณ์กันอย่างกว้างขวางว่าวัดพระธรรมกายอาจนำความขัดแย้งและปัญหา ของรัฐบาลที่กำหนดนโยบายต่างๆออกมาแล้วไม่สามารถแก้ปัญหาได้ มาเป็นเครื่องมือในการเอาศาสนามาปกครองประเทศ ซึ่งกรณีแบบนี้เคยเกิดมาแล้วที่อิหร่าน โดยโคไมนี่ได้ออกมาคว่ำบาตรพระเจ้าซาร์
นายวิระศักดิ์ ฮาดดา หัวหน้ามูลนิธิธรรมกาย กล่าวว่า เรื่องโรงงานหล่อพระนั้นตนได้พาเจ้าหน้าที่ ตรวจสอบทั่วแล้วเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้ระบุถึงปัญหาใด ๆ เพียงแต่แจ้งว่าให้ดำเนินการให้ถูกต้องเท่านั้น ซึ่งหาก กรมโรงงานอุตสาหกรรมไม่สามารถอนุญาตให้ตั้งในวัดได้ก็ยินดีปฏิบัติตาม แต่ภายในสิ้นปีนี้ทุกอย่างก็จะเรียบร้อยแล้ว
หัวหน้ามูลนิธิธรรมกายกล่าวด้วยว่า ได้รับการเปิดเผยจากพระครูปทุมกิจโกศล เจ้าอาวาสวัดสว่างพบ เจ้าคณะตำบลคลองหนึ่ง กรณีที่ชาวบ้านบริเวณหน้าวัดสว่างพบต่อต้านโรงเรียนพระปริยัติธรรม บาลีวัดสว่างพบว่า เนื่องจากชาวบ้าน เสียผลประโยชน์ไม่ได้รับงาน ประมูลก่อสร้างโรงเรียนปริยัติธรรมฯ โดยผู้ที่ได้งานเป็นญาติของนายมาณพ พลไพรินทร์ ผู้เชี่ยวชาญพิเศษกรมการศาสนา ชาวบ้านไม่พอใจจึงหาทางขัดขวางทุกวิถีทาง
ทางด้านความคืบหน้ากรณี ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ได้ดำเนินคดีกับนายถาวร พรหมถาวร คนสนิท ของนายไชยบูลย์ ในข้อหาบุกรุกพื้นที่เขตป่าสงวน จำนวน 320 ไร่ 3 งาน 4 แปลง แหล่งข่าวจากวัดพระธรรมกาย เปิดเผยว่า ทางวัดพระธรรมกาย ได้เตรียมรวบรวมหลักฐานในการสู้คดีของนายถาวร โดยมุ่งประเด็นพิสูจน์ว่านายถาวรไม่ใช่ผู้ต้องหาในคดีนี้ ซึ่งจะมีการนำหมายเรียก ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เคยออกไว้มาเป็นหลักฐาน เพราะหมายเรียกเก่าระบุชื่อนายถาวร นามสกุล "พรหมพร" ไม่ใช่ "พรหมถาวร"
ก่อนหน้านี้ก็ได้เคยไปให้ตำรวจป่าไม้ชี้ตัวแล้ว ทางตำรวจป่าไม้ก็ยืนยันว่าเป็นคนละคนกัน เรื่องจึงเงียบไป จนกระทั่งตำรวจกองปราบฯขึ้นไปก็ไปขู่กำนันว่าจะมีความผิดด้วย กำนันคนนั้นจึงบอกว่าเป็นคนๆเดียวกัน ทั้งนี้ ในหมายเรียกเก่าที่ทางวัดมีอยู่นั้น ได้มีการเพิ่มเติมข้อความภายหลังว่า "และหรือพรหมถาวร" ต่อท้ายคำว่าพรหมพร ซึ่งทางทนายความจะดำเนินการฟ้องร้องกลับพนักงานสอบสวนฐานปลอมแปลง เอกสารด้วย รายงานข่าวแจ้งว่า พนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกนายปรม วรรณศุภ และนายสงวน ชัยเจริญสุข มาให้ปากคำในวันที่ 1 พ.ย. นี้ ในฐานะที่เป็นผู้ได้รับเช็คเงินสดจากวัดพระธรรมกาย ที่สั่งจ่ายโดยนายไชยบูลย์