เดลินิวส์ 31/10/2542
แฉพระพรหมโมลี ขวางจัดการไชยบูลย์ ธรรมกายพลิกเกมสู้สุดฤทธ
ที่แท้ก็ "พระพรหมโมลี" ขวางเจ้าคณะจังหวัดปทุมฯจัดการกับ"ไชยบูลย์"ตามกฎสงฆ์ อ้างตัดสินไปแล้วก่อนมหาเถรฯมีมติให้ชาวบ้านฟ้องได้ จันทร์นี้รู้จะหาทางออกอย่างไร เจัาคณะตำบลคลอง 1 เอาอีกเสนอยกระดับวัดพระธรรมกาย เป็นรองเจ้าคณะตำบลแต่ถูกเบรกกลางอากาศ งานนี้โดนปลดแน่ เตรียมหาพระรูปใหม่มาเป็นแทน วัดฉาวพลิกเกมสู้ปิดบัญชีทั้งหมด โอนเงินเปิดใหม่ให้อำนาจ 3 คนลงนามเบิกถอน จากเดิมที่พระปลอมเท่านั้นมีอำนาจคนเดียว
วันที่ 30 ต.ค.ที่ผ่านมาพระสุเมธาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี กล่าวถึงเหตุผลที่เกิดความลังเลในการเรียกนายไชยบูลย์ สุทธิผล เจ้าลัทธิธรรมกาย และพระเผด็จ ทัตตชีโว รองเจ้าอาวาสวัดพระะธรรมกายมารับทราบข้อกล่าวหาตามกฎนิคหกรรมว่า เนื่องจากพระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 ท้วงติงมา
"เดิมเมื่ออาตมาได้รับหนังสือจากทางกรมศาสนาว่า มติจากทางมหาเถรสมาคมให้ฆราวาส ฟ้องสงฆ์ได้และสมเด็จพระพุฒาจารย์(เกี่ยว อุปเสโณ)ท่านได้มีหนังสือส่งมาให้เร่งดำเนินการใหม่ทันทีโดยเร็วที่สุด อาตมาจึงได้กำหนดวันที่จะเรียกผู้ถูกกล่าวหามารับฟังข้อกล่าวหาในวันที่ 10 พ.ย. ที่จะถึงนี้ แต่เมื่อได้นัดหมายวันเรียบร้อยจึงได้รายงานให้ทางเจ้าคณะภาค 1 ทราบ ปรากฎว่าก็ได้รับการท้วงติงมาว่าข้อกล่าวหาที่ฟ้องร้องเข้ามานั้นได้มีคำพิพากษาทางสงฆ์ถึงที่สุดไปแล้ว จะนำเอามาพิจารณาใหม่ไม่ได้ เพราะเจ้าคณะภาค 1 เคยวินิจฉัยกรณีนี้ว่าชาวบ้านฟ้องไม่ได้ก่อนมติมหาเถรฯจะออกมา ทำให้อาตมาเกิดความไขว้เขวขึ้น "
อย่างไรก็ตามพระสุเมธาภรณ์กล่าวว่าเมื่อนำเอาเอกสารที่ทางสมเด็จพระพุฒาจารย์ ส่งให้มาพิจารณาอย่างละเอียดแล้วเห็นว่า ข้อความที่เขียนมานั้นเปรียบเมือนคำสั่งของผู้บังคับบัญชาเช่นเดียวกัน ซึ่งเรื่องนี้ กำลังอยู่ในระหว่างปรึกษากันเพื่อหาข้อยุติ
แต่การที่จะเรียกนายไชยบูลย์และเผด็จมารับทราบข้อกล่าวหาหรือไม่คงต้องรอถึงวันที่ 1 พ.ย.นี้ ถึงจะกำหนดวันได้แน่หชัด หรือจะต้องเลื่อนออกไป แต่หากเลื่อนออกไปก็คงหมายความว่าต้องมาเริ่มต้นใหม่ ซึ่งก็ยังขัดกันกับคำสั่งที่สมเด็จพระพุฒาจารย์ส่งมาให้อยู่ดี
"อาตมาก็ไม่สามารถที่จะบอกปัดความรับผิดชอบได้ เวลานี้มีทั้งคนชมมีทั้งคนเขียนจดหมายมาต่อว่าก็ได้แต่ทำใจ เพราะเรื่องนี้ล่าช้าจริงๆ แต่จะให้เร็วก็ไม่ได้เพราะจะเกิดความผิดพลาด ความเสียหายต่อทางคณะสงฆ์ได้ สรุปว่าเวลานี้ อาตมาโดนทั้งขึ้นทั้งล่อง ในใจอยากจะทำเรื่องนี้ให้เสร็จสิ้นไปโดยเร็วที่สุดจะได้ไปทำเรื่องอื่นต่อไป ยังมีเรื่องค้างที่ต้องทำอีกมากมายภายในวัด "
ส่วนเรื่องพระปทุมกิจโกศล เจ้าคณะตำบลคลองหนึ่ง ที่ถูกร้องเรียนว่าแจ้งตัวเลขนักเรียนพระปริยัติธรรมสูงเกินจริง และนำตัวเลขนักเรียกไปเบิกของเงินจากกรมการศาสนานั้นเวลานี้กำลังพิจารณาอยู่ว่า จะจัดการอย่างไรและเมื่อไม่กี่วันมานี้พระครูปทุมกิจโกศลยังส่งหนังสือแต่งตั้ง รองเจ้าคณะตำบลมาให้พิจารณาอีก โดยเสนอให้เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายเป็นรองเจ้าคณะตำบล แต่สั่งระงับไปแล้ว เพราะเห็นว่าไม่เหมาะสมและไม่น่าที่จะทำเรื่องอื่นเพิ่มมาอีก ลำพังเรื่องของตัวก็มากพอแล้วและอยู่ในระหว่างโดนสอบพิจารณาความผิดอยู่
"เรื่องลงโทษพระครูปทุมกิจโกศลทำเมื่อไรก็ได้แต่ว่าที่สำคัญคือเวลานี้กำลังหาพระองค์ที่จะเหมาะสม ที่จะมาเป็นรักษาการเจ้าคณะตำบลคลองหนึ่งซึ่งกำลังเฟ้นอยู่ว่าจะเป็นใคร ให้หลายฝ่ายช่วยกันดูอยู่และต่อไปจะต้องมีการสั่งการใหม่ปรับเปลี่ยนย้ายเจ้าคณะตำบล ที่อยู่ใกล้เคียงด้วยพร้อมกันเพื่อความเหมาะสม"
ด้านความเคลื่อนไหวของวัดพระธรรมกาย พล.ต.ต.วีระวุทธ สวเปารยะ ประธานไวยยาวัจกรวัดพระธรรมกาย กล่าวว่าในวันที่ 7 พ.ย. นี้นอกการจัดงานทอดกฐินประจำปีแล้ว ทางวัดจะเปิดตัวโครงการบ้านกัลยาณมิตร 100,000 หลัง เพื่อให้ประชาชนได้ร่วมกันทำความดี โดยจะต้องเปิดบ้านให้ได้ 100,000 หลังภายในวันที่ 5 ธันวาคมนี้ ซึ่งขณะนี้ยอดของบ้านกัลยาณมิตรทั่วประเทศมีกว่า 50,000 หลังแล้ว
รายงานข่าวจากพนักงานสอบสวนคดีธรรมกายเปิดเผยเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ตำรวจพบข้อมูลวัดพระธรรมกายได้ปิดบัญชีเงินฝากของวัดทั้งหมดจำนวน 49 บัญชี และเปิดใหม่ 3 บัญชีกับธนาคารกรุงไทย สาขาคลองหลวง และจะต้องตรวจสอบยอดเงินมีครบ 500 ล้านบาทหรือไม่ รวมถึงมีการเคลื่อนไหวอย่างไร หากเป็นไปอย่างไม่ถูกต้อง อาจเข้าข่ายยักยอกทรัพย์ได้ โดยนายไชยบูลย์ตกเป็นผู้ต้องหาเป็นเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ จึงต้องมีการตรวจสอบทรัพย์สินที่ถือครองอยุ่
ด้านนายสนธยา โพธิ์แดง ทนายความของเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายเปิดเผยว่า ขณะนี้ทางวัดได้ปิดบัญชีเงินฝากของวัดทั้งหมดและไปเปิดบัญชีใหม่ โดยผู้มีอำนาจในการสั่งจ่ายประกอบด้วยพระทัตตชีโวรองเจ้าอาวาส ซึ่งรักษาการแทนเจ้าอาวาส ไวยาวัจกรและกรรมการวัด ส่วนที่ก่อนหน้านี้ทางกรมศาสนาได้ขอความร่วมมือจากธนาคารทุกแห่ง ให้ระงับการปิดบัญชีของวัดพระธรรมกายนั้น เรื่องนี้เป็นสิทธิของแต่ละธนาคารที่จะปฏิบัติต่อลูกค้า แต่ยืนยันว่าเงินยังอยู่ครบและมีหลีกฐานการเบิกจ่ายถูกต้อง
ขณะที่นายจรวย หนูคง ที่ปรึกษารมว.กระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า วัดพระธรรมกายไม่จำเป็นต้องแจ้งการปิดบัญชีของวัดให้กรมศาสนาทราบ เพราะการปิดบัญชีแล้วเปิดใหม่แต่เงินยังอยุ่ครบก็ไม่มีปัญหา แต่หากปิดแล้วเหลือไม่ครบก็จะต้องมีการตรวจสอบว่าเอาเงินไปทำอะไร เงินฝากในบัญชีวัดจะต้องมีเหตุผลในการสั่งจ่ายและวัตถุประสงค์ที่เป็นไปเพื่อกิจการของวัดล
นายจรวยยังเรียกร้องให้พระสุเมธาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีเร่งดำเนินการตามกฏนิคหกรรมโดยเร็ว เพราะตอนนี้ก็ไม่มีอุปสรรคอะไรอีกแล้ว ทางมหาเถรสมาคมก็เห็นชอบด้วย ไม่ควรที่จะปล่อยให้ระยะเวลาเนิ่นนานออกไป เพราะในขั้นตอนเพียงแค่เรียกตัวเจ้าอาวาสและรองเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายมารับฟังข้อกล่าวหาเท่านั้น ยังไม่ต้องเรียกสืบพยาน ควรจะรีบทำให้เสร็จโดยเร็วจะดีกว่า หากยิ่งช้าสังคมจะตั้งข้อสังเกตุ