เดลินิวส์ 29/10/2542
อ้างแพทย์ไม่ได้ผลเข็น'ไชยบูลย์'จากรพ.ไปพบตร.
ขอเลื่อนนัด
แต่จนท.ไม่เชื่อ ต้องปิดปากใส่หมวกมอบตัว
"ไชยบูลย์"เจ้าเล่ห์ไม่ออก หมอรพ.เกษมราษฎร์ยืนยัน ใช้เสียงได้ต้องยอมขึ้นรถเข็นมามอบตัวตามนัด หลังอ้างใบรับรองแพทย์ขอเลื่อนไปเป็น 3 พ.ย. ชุดสุดหรูสวมหมวดไหมพรมเสื้อแขนยาวถุงเท้าเหลือง แถมมีผ้าคาดปิดปากต่างหาก พนักงานสอบสวนสอบเครียดกว่า 2 ชั่วโมงก่อนให้ใช้หลักทรัพย์ 3 ล้านบาทประกันตัวไป ช่างภาพหนังสือพิมพ์ดวงซวยเจออันธพาลใช้ร่มเคาะหัวตำรวจจับตัวทันควัน ศิษย์ธรรมกายหน้าจ๋อยผู้เสียหายยืนยันเอาเรื่องถึงที่สุด เจ้าคณะจังหวัดปทุมฯเลื่อน กำหนดเชือด"พระครูปทุมกิจโกศล" เผยพระผู้ใหญ่แนะให้เสร็จเรื่องนิคหกรรมก่อน อัยการสรุปอายัดทรัพย์เจ้าลัทธิธรรมกายยังไม่ได้ข้อยุติ
ที่วัดพระธรรมกาย อ.คลองหลวง ปทุมธานี เมื่อวันที่ 28 ต.ค. ผู้สื่อข่าว รายงาน บรรยากาศว่า ช่วงเช้าได้มีรถเก๋ง ของสาวกขับเข้าไปอย่างไม่ขาดสาย มียามรักษาการณ์หน้า ประตูคอยตรวจตรารายชื่ออย่างละเอียด ข้างอาคาร ชมรมพุทธศาสน์สากลมีรถบัส 2 ชั้นที่ใช้บรรทุกพระและสามเณรจอดติดเครื่องอยู่ 2 คัน ใกล้กันนั้นมีรถบัสธรรมดา 4 คัน และรถยนต์ รถเก๋งส่วนตัว รถปิกอัพกว่า 40 คัน เป็นการรอสัญญาณนัดหมายเพื่อให้กำลังนายไชยบูลย์ สุทธิผล เจ้าลัทธิธรรมกายที่ตามกำหนดต้องเข้ามอบตัวต่อกองปราบปรามตามข้อหาใหม่ที่ตำรวจพบหลักฐานเพิ่ม และในเวลาเที่ยงขบวนรถกว่า 30 คันมีทั้งพระและสาวกนั่งมุ่งตรงไปกองปราบปราม
ขณะเดียวกันที่กองปราบปรามบรรดาสาวกธรรมกายจำนวนหนึ่งได้มีความเคลื่อนไหวเช่นกัน โดยเมื่อเวลา 10.00 น. พนักงานสอบสวนคดี วัดพระธรรมกายได้รับการประสานจากนายสนธยา โพธิแดง ทนายความ นายไชยบูลย์ ขอเลื่อนวันมอบตัวโดยอ้างผู้ต้องหาป่วย เดินทางมามอบตัวไม่ได้ โดยขอเลื่อนเป็นวันที่ 3 พ.ย.ที่จะถึงนี้แทน
จากนั้นเวลา 11.00 น. พล.ต.ท.วาสนา เพิ่มลาภ ผบช.สง.ก.ตร. ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงาน สอบสวนคดีวัดพระธรรมกาย ได้เรียกประชุม พนักงานสอบสวนประกอบ ด้วยพ.ต.อ.ฉัตรกนก เขียวส่องแสง ผกก.3 ป. พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ผกก.1ป. พ.ต.อ.พีรพันธ์ เปรมภูติ รองผบก.ตท. พ.ต.ท.ชนะชัย ลิ้มประเสริฐ รองผกก. สศก.และพ.ต.ท.จรุงวิทย์ ภุมมา รองผกก.3ป. จากนั้นพล.ต.ท.วาสนา เปิดเผยว่าหากนายไชยบูลย์ป่วยจริงก็ไม่น่ามีปัญหา และการนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลน่าจะพอเชื่อถือได้ อย่างไรก็ตามก็ต้องนำหลักฐานมาแสดง
ส่วนผู้ต้องหาที่เหลืออีก 3 รายคือนายถาวร พรหมถาวร นายมัยฤทธิ์ ปิตะวนิค และน.ส.อมรรัตน์ สุวิพัฒน์ หรือสีกาตุ้ย จะมามอบตัวตามนัด โดยทั้งหมดนี้ตกเป็นผู้ต้องหาฐานให้การสนับสนุน เจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์และปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
พล.ต.ท.วาสนา ยังได้กล่าวถึงกรณีที่หนังสือพิมพ์พิมพ์ไทย เสนอข่าวโดยระบุว่า พนักงานสอบสวน ได้รับเงินจัดสรรจากต่างประเทศเพื่อทำลายวัดพระธรรมกาย โดยผ่านทางอดีตนายกรัฐมนตรีจำนวน 800 ล้านบาทว่า การเสนอข่าวดังกล่าวเป็นการหมิ่นประมาทและดูหมิ่นเจ้าพนักงาน ขอย้ำว่าพนักงานสอบสวนไม่ใช่ที่ระบายอารมณ์ของใครหรือสร้างสถานการณ์ หนังสือพิมพ์ที่ออกมาเผยแพร่ไปถึงคนอ่านทั่วทั้งประเทศอาจทำให้ประชาชนเข้าใจผิด การที่ ตำรวจจับพระเพราะได้รับเงินสินบน ทางเดียวที่จะฟอกตัวให้กับตัวเองคือต้องฟ้องร้องแล้วมาขึ้นศาลกัน ถ้ามีหลักฐานว่ารับเงินมาจริง ก็ขอให้นำออกมาแสดงกันในศาลแล้วจับเข้าคุกไปเลย
เวลาต่อมานายสนธยาพร้อมด้วยนายเพทาย มณีไพโรจน์ นายประกันของ นายไชยบูลย์ได้เดินทางมาพบพนักงานสอบสวน โดยนายสนธยาได้นำหนังสือขอเลื่อน การเข้ามอบตัวและใบรับรองแพทย์จากโรงพยาบาลเกษมราษฏร์มามอบให้ หนังสือดังกล่าวระบุว่า เนื่องจากการเคลื่อนไหวและต้องใช้แรงมากๆเป็นสาเหตุทำให้อา การป่วยของนายไชยบูลย์กำเริบ มีอาการไอมีเลือดปนเสมหะออกมาด้วย จึงต้องขอเลื่อนการเข้ามอบตัวออกไป เป็นวันที่ 3 พ.ย.นี้ และมีใบรับรองแพทย์ของโรงพยาบาลเกษมราษฎรออกโดยน.พ.สมนึก ตรัยไชยาภรณ์ ระบุว่านายไชยบูลย์มีอาการสายเสียงอักเสบแต่อาการดีขึ้นแล้ว
อย่างไรก็ตามเมื่อพล.ต.ท.วาสนาและพ.ต.อ.ทวีได้ร่วมกันตรวจสอบใบรับรองแพทย์ ได้พบสิ่งผิดปกติมีการขีดฆ่าข้อความบางส่วน โดยเฉพาะตรงข้อความที่ระบุว่า"การเข้าพักรักษาตัวตั้งแต่"และข้อความ"รวมกี่วัน" พนักสอบสวนจึงไม่ยอมรับเรื่อง เพราะใบรับรองแพทย์ขาดความสมบูรณ์ ซึ่งนายสนธยาได้ต่อรองโดยให้ไปแจ้งข้อกล่าวหาที่โรงพยาบาล แต่พนักงานสอบสวนไม่ยอม พร้อมยืนยันให้กลับไปนำใบรับรองแพทย์มาใหม่ ขณะที่นายเพทายได้ยื่นหลักทรัพย์เป็นโฉนดที่ดินมูลค่ากว่า 20 ล้านบาท 2 แปลง ราคาประเมินแปลงละ 10 ล้านบาท เพื่อใช้ขอประกันตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 คน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่เวลา 12.30 น. ได้มีบรรดาสาวกของวัดพระธรรมกายเดินทางมาให้กำลังใจแก่ผู้ต้องหาทั้ง 4 เป็นจำนวนมาก โดยเดินทางมาด้วยรถตู้ และรถยนต์ส่วนตัว และยังทยอยกันมาเรื่อยๆ ทั้งนี้มีพระชั้นในอีก 3 รูปเดินทางมาคุมสถานการณ์ อย่างไรก็ตามพล.ต.ต.อัศวิน ขวัญเมือง ผบก.ป.ไม่อนุญาตให้สาวกธรรมกาย เข้าไปใกล้บริเวณห้องสอบสวน ทั้งนี้ก็เพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นไปด้วยความรวดเร็ว
ขณะเดียวกันที่โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ เมื่อเวลา 13.45 น. นพ.พรชัย พิญญพงษ์ แพทย์ ประจำวัดพระธรรมกาย พล.อ.อ.วีรวุทธ ลวเปารยะ ไวยาวัจกรวัดพระธรรมกายและนายวิระศักดิ์ ฮาดดา หัวหน้าสำนักงานมูลนิธิธรรมกาย ร่วมกัน แถลงข่าวระบุว่า นายไชยบูลย์ป่วยด้วยโรค กล่องเสียงและหลอดลมอักเสบมาตั้งแต่ปลายเดือนก.ย.และรักษาตัวเรื่อยมา จนเข้าโรงพยาบาลเกษมราษฎร์เมื่อวันที่ 11 ต.ค. เป็นเวลา 2 สัปดาห์เศษแล้ว แพทย์ยังห้ามใช้เสียง จึงขอเลื่อนการมอบตัว ทั้งยังระบุว่านายไชยบูลย์ยืนยันความบริสุทธิ์กลับลูกศิษย์และไม่หวั่นว่าจะมีการแจ้งข้อหาเพิ่ม โดยขณะนี้นายไชยบูลย์มีน้ำหนักลดลงถึง 10 กิโลกรัม เนื่องจากอาการป่วย
จากนั้นเวลา 14.00 น. น.ส.อมรรัตน์ หรือสีกาตุ้ย ผู้ต้องหาที่ 3 ได้เดินทางมาถึงอาคารอำนวยการ กองปราบปราม ห้องปฏิบัติการที่ 1 ซึ่งจัดไว้เป็นห้องสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย ในเวลาไล่เลี่ยกันนี้นายถาวรผู้ต้องหาที่ 2 ได้เดินทางมาพร้อมกับนายมัยฤทธิ์ผู้ต้องหาที่ 4
อย่างไรก็ตาม เวลา 16.45 น. เมื่อรู้ว่าไม่สามารถบิดพลิ้วได้นายไชยบูลย์ได้เดินทางออกจากโรงพยา บาล โดยให้พระสมชาย ฐานวุฒโฑ พระผู้ใกล้ชิดลงมาตรวจสอบ ที่รถพยาบาลเพื่อดูความเรียบร้อย จากนั้นนายไชยบูลย์ก็นั่งรถเข็นออกมาจากลิฟท์ชั้น 4 ศรีษะใส่หมวกไหมพรม สวมเสื้อแขนยาวสีเหลือง ถุงเท้าสีเหลืองมีผ้าขาว ขาดจมูก โดยมีนายผ่อง เล่งอี้ แกนนำศิษย์และพล.อ.อ.วีระวุธเดินมาด้วย ทางเดินหน้าประตูลิฟท์ด้านล่างมีพระลูกวัดตั้งแถว 2 ฟากๆละ 4 รูป และมีสาวกจำนวนมากยืนรอรับ จากนั้นนายไชยบูลย์ขึ้นรถตู้เดินทางมาที่กองปราบปราม
เวลา 16.50 นายไชยบูลย์ได้ติดกับพนักงานสอบสวนว่าจะเข้ามอบตัว ขณะที่บรรดาสาวก ได้ทะยอยเดินทางมาที่กองปราบปรามเพิ่มขึ้นราว 1,000 คน จนพล.ต.ต.อัศวินต้องสั่ง ตรึงกำลังคอมมานโดและนำแผงเหล็กมากั้นเป็นช่องทางเดิน จากนั้นไม่นานนายไชยบูลย์ก็เดินทางมาถึง บรรดาสาวกต่างลงนั่งพับเพียบพนมมือพร้อมกับส่งเสียงสวดสรรเสริญนายไชยบูลย์ โดยลูกศิษย์นำตัวออกจาก รถตู้ของโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ทั้งๆที่ยังนั่งอยู่บนรถเข็นขึ้นบันไดตรงไปยังห้องรับทราบข้อกล่าวหา
ทันทีที่นายไชยบูลย์ออกจากรถตู้ก็ได้เกิดเหตุการณ์ชุลมุนขึ้น เมื่อบรรดาลูกศิษย์ได้ใช้กำลังก่อกวนผู้สื่อข่าวและช่างภาพทุกรูปแบบ พยายามไม่ให้ช่างภาพสื่อมวลชนเข้าถึงนายไชยบูลย์ สาวกรายหนึ่งใช้ร่มสีบรอนซ์ตีเข้าที่ศีรษะของนายธานี ทวีเกิด ผู้สื่อข่าวและช่างภาพของหนังสือพิมพ์ข่าวสด เสียงดังสนั่นต่อหน้าต่อตาเจ้าหน้า ที่ตำรวจ จึงถูกจับกุมตัวไว้ เมื่อบรรดาพรรคพวก ของผู้ถูกจับกุมเห็นเข้าได้พยายามจะแย่งตัวผู้ต้องหา จนต้องมีการล็อกประตูกระจกเลื่อนเพื่อป้องกัน แต่ก็ยังมีกลุ่มสาวกอันธพาลส่วนหนึ่งทุบกระจก และใช้ทั้งกล้องวิดีโอและกล้องถ่ายภาพนิ่งถ่ายเข้าไปในห้อง แต่ถูกสื่อมวลชนยืนบังไว้จึงไม่สามารถถ่ายได้
จากการสอบสวนเบื้อนต้นทราบว่า อันธพาลที่ใช้ร่มตีผู้สื่อข่าวคือนายปิรัญ ปทุมทรัพย์ อายุ 57 ปี อยู่บ้านเลขที่ 33/1444 ถ.โชคชัย 4 แขวงและเขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ โดยนายปิรัญอ้างว่าแค่เคาะเบาๆ แต่นายปิรัญก็ถึงกับหน้าซีดเผือดเมื่อผู้สื่อข่าวที่ถูกทำร้ายคือนายธานียืนยันที่จะเอาเรื่อง ทางตำรวจกองปราบปรามจึงได้ให้ร้อยเวรสน.พหลโยธิน นำตัวนายปิรัญไปดำเนินคดีในข้อหาทำร้ายร่างกาย พร้อมกับนำตัวนายธานีไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลตำรวจ เพราะนายธานีมีอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรง
หลังจากที่นายไชยบูลย์เดินทางมามอบตัวแล้ว พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหาว่า เป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ซึ่งนายไชยบูลย์ได้ปฏิเสธข้อหาและขอให้การในชั้นศาล จากนั้นพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำนายไชยบูลย์ โดยใช้เวลาในการสอบปากคำนานกว่า 2 ชั่วโมง ซึ่งตลอดเวลาดังกล่าวนี้นายสนธยาได้อยู่ภายในห้องสอบสวนด้วย
กระทั่งเมื่อเวลา 19.15 น. พนักงานสอบสวนจึงอนุญาตให้ประกันตัวนายไชยบูลย์ได้ โดยใช้หลักทรัพย์ 3 ล้านบาท ซึ่งนายเพทาย มณีไพโรจน์ได้ใช้บัญชีเงินฝากธนาคารกรุงเทพ สำนักงานใหญ่ ซึ่งมีเงินอยู่ในบัญชี 4 ล้านบาทเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน ส่วนผู้ต้องหาคนอื่นนั้นได้ประกันไปโดยใช้หลักทรัพย์รายละ 10 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าะระหว่างที่มีการสอบปากคำนายไชยบูลย์นั้น บรรดาสาวกธรรมกาย ได้ทะยอยเดินทางมาที่กองปราบเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนกระทั่งทำให้การจราจรติดขัดไปหมด แต่ก็ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงใดเกิดขึ้นอีก และหลังจากสอบปากคำเสร็จ นายไชยบูลย์ ออกมาจากห้องสอบสวนโดยยังคงนั่งรถเข็นออกมาพร้อมถือกระดาษที่มีข้อ ความเขียนด้วยปากกาเคมีสีแดงว่า "ขอขอบคุณทุกคน ขอให้ได้บุญมากๆนะจ๊ะ" และระหว่างที่นายไชยบูลย์กำลังผ่านออกไป เจ้าหน้าที่ของวัด ได้ให้พระลูกวัดยืนเรียงแถวทั้ง 2 ข้างทาง โดยมีตำรวจคอมมานโดประกอบอยู่ด้านหลังเป็นแถวที่สอง
ในระหว่างที่นายไชยบูลย์จะเดินทางกลับนั้น เจ้าหน้าที่วัดพระธรรมกายได้มาเจรจากับ สื่อมวลชน ในเรื่องของการถ่ายภาพและทำข่าว โดยขอให้สื่อมวลชนอยู่เป็นโซนจากนั้นก็จะอนุญาตให้ถ่ายภาพทำข่าวได้ เสร็จแล้วก็จะนำตัวนายไชยบูลย์ออกไป โดยขอให้สื่อมวลชนเลิกการติดตาม จากนั้นนายไชยบูลย์ ได้พบปะกับบรรดาลูกศิษย์ที่มาให้กำลังใจราว 20 นาทีจึงขึ้นรถของทางโรงพยาบาลกลับไป ขณะเดียวกันในส่วนของพนักงานสอบสวนนั้น เมื่อได้ให้ประกันตัวนายไชยบูลย์แล้วพล.ต.ท.วาสนา ก็เรียกประชุมทันทีเพื่อวางแผนงานในการดำเนินการต่อไป โดยมีรายงานว่าอาจจะมีการออกหมายจับกุมแกนนำศิษย์คนสำคัญอีกคนหนึ่งเพิ่มเติมด้วยเร็วๆนี้
สำหรับคดีฉ้อโกงประชาชนนั้น เดิมพล.ต.ต.อัศวินจะแจ้งข้อหากับนายไชยบูลย์ทันที แต่พล.ต.ท.วาสนาขอให้อนุโลมการเพิ่มเติมข้อหาไปก่อน ส่วนพยานที่ได้รับเช็คเงินสดจากวัดพระธรรมกายที่เหลือนั้น นายผ่องได้แจ้งกับพล.ต.ท.วาสนาว่า จะพยายามติดตามพยานทั้งหมดมาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนด้วย
ส่วนพระสุเมธาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีเปิดเผยว่า ยังไม่ส่งหนังสือเชิญพระครูปทุมกิจโกศล เจ้าคณะตำบลคลอง 1 และเจ้าอาวาสวัดสว่างภพ มาพิจารณาโทษ ทั้งการปกครองและการกล่าวหมิ่นพระมาทลายพระหัตถสมเด็จพระสังฆราช เพราะเกรงจะเกิดงานซ้อนกันในช่วงที่ จะเรียกตัวนายไชยบูลย์และพระเผด็จ ทัตตชีโว รองเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายมารับทราบข้อกล่าวหาตามกฎนิคหกรรม ในวันที่ 10 พ.ย.นี้
อย่างไรก็ตามจากการที่พระครูสิริพัฒนาภรณ์ เจ้าคณะตำบลคลองสี่ ซึ่งเป็นพระปกครองของพระครูปทุมกิจโกศล ได้มาปรึกษาหารือในกรณีที่มี การร้องเรียนความประพฤติของพระครูปทุมกิจโกศลกรณีการแจ้งยอด นักเรียนโรงเรียน พระปริยัติธรรมวัดสว่างภพไม่ตรงกับความเป็นจริง เพื่อขอรับการสนับสนุนเงินจากกรมการศาสนา ซึ่งเป็นการทุจรติ เรื่องนี้จะต้องทำอย่าง เป็นกลางและเคร่งครัดภายหลังวันที่ 10 พ.ย.ไปแล้ว ทั้งที่แต่เดิมจะมีการเรียกตัวพระครูปทุมกิจโกศลมาสอบในวันที่ 29 ต.ค.แต่หลังจากปรึกษาพระผู้ใหญ่ ต่างให้ข้อคิดว่าน่าจะเรียกตัวหลังเรียกนายไชยบูลย์และพระเผด็จมารับทราบข้อหาแล้ว
ล่าสุดพล.ต.ท.วาสนาได้ให้ได้เจ้าหน้าที่ตำรวจนำพระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราช ไปมอบให้พระสุเม ธาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ตามที่ได้ร้องขอมาก่อนหน้านี้ เพื่อเป็นข้อมูลในการพิจารณาโทษเจ้าคณะตำบลคลองหนึ่งที่กล่าวจาบจ้วงว่าเป็นพระลิขิตปลอมด้วย
วันเดียวกัน ที่ห้องประชุม 100 ปี สำนักงานอัยการสูงสุด นายพันธ์ สุริยพร รองอัยการสูงสุด ได้เรียกประชุมคณะทำงานอัยการ เพื่อพิจารณาสำนวนและพยาน หลักฐานต่างๆเพื่อเตรียมสั่งคดีนายเทิดชาติและนายมัยฤทธิ์ สองสาวกธรรมกาย ผู้ต้องหากระทำความผิดฐานปลอมแปลงเอกสาร และสนับสนุนให้พนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบที่พนักงานสอบสวนส่งหลักฐานให้อัยการแล้ว โดยมีคำสั่งให้พนักงานสอบสวนสอบพยานเพิ่มเติมอีกหลายประเด็น เมื่อได้ครบถ้วนสมบูรณ์และส่งให้กับคณะทำงาน พิจารณาแล้ว ก็จะสามารถ สั่งได้ว่าจะสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งสองได้หรือไม่ คาดว่าจะพิจารณาได้ทันวันที่ 3 พ.ย.ที่จะถึงนี้ได้
ส่วนของการพิจารณาของคณะทำงานกรณีที่พนักงานสอบสวนร้องขอให้ทางอัยการยื่นคำร้องต่อศาล เพื่อให้ศาลสั่งอายัดทรัพย์สินของนายไชยบูลย์ชั่วคราวนั้น ขณะนี้ยังไม่ได้ขอยุติ ต้องใช้ความละเอียดรอบคอบแต่มีความคืบหน้าพอสมควร ซึ่งจะได้เร่งพิจารณาหาข้อยุติให้ได้โดยเร็วที่สุดต่อไป