เดลินิวส์ 24/10/2542
"ไชยบูลย์"เบี้ยว ตร.เจอดีแน่
กรรมการเอาอีกปล่อยข่าวในหมู่ศิษย์ เรื่องสาวกถูกฟ้าผ่า อานุภาพ "ไชยบูลย์" จะทำให้รอดอยู่แล้ว แต่ถูกฝ่ายตรงข้ามเล่นงานจนเสียชีวิต กลัวหากรอดไปจะดังทั้งโลก อัยการสูงสุดระบุใกล้ได้ข้อสรุปอายัดเงินฝาก ประกาศถ้าขืนถอนเงินออกจากบัญชีอาจเกิดอีกข้อหายักยอกทรัพย์ ตำรวจลั่นคำ 28 ต.ค.นี้ ไม่มามอบตัวเจอของแข็ง ใช้ "หมายจับ" เล่นงานแน่ ถึงขั้นถอดจีวร
เมื่อวันที่ 23 ต.ค. นายพันธ์ สุริยพร รองอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า ได้มีการประชุมเพื่อพิจารณากฎหมาย กรณีที่จะขออำนาจศาลสั่งอายัดบัญชีเงินฝากของวัดพระธรรมกายโดยได้ข้อสรุปเกือบสมบูรณ์แล้ว แต่ต้องประชุมหารือร่วมกับ นายวิเชียร วิริยะประสิทธิ์ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีอาญา เพื่อร่วมกันพิจารณาให้เกิดความรอบคอบยิ่งขึ้น และจะได้ข้อยุติแน่นอน ด้วยความรวดเร็ว ใช้เวลาน้อยที่สุดด้วย
ส่วนกรณีที่วัดพระธรรมกายได้ปิดบัญชีเงินฝากของวัดทั้งหมด แล้วนำไปเปิดบัญชีใหม่นั้น เรื่องนี้เป็นความไม่เหมาะไม่ควรของวัด เงินทั้งหมดฝากไว้ในธนาคารดีอยู่แล้ว ไม่มีเหตุต้องนำออกมาเปิดบัญชีใหม่อีก ส่อเจตนาที่ไม่บริสุทธิ์ ซึ่งต้องดูด้วยว่าการเปิดบัญชีเงินฝากใหม่นั้น มีชื่อใคร และจะทำให้เกิดความผิดเป็นผลสำเร็จหรือไม่ โดยส่วนตัวแล้วไม่เห็นด้วยกับการโยกย้ายเงินไปฝากที่ใหม่ ทั้งนี้เป็นเพราะยังมีคดีความผิดและเป็นผู้ถูกกล่าวโทษอยู่ในศาล
"หากเหตุการณ์เกิดขึ้นนี้เป็นหน้าที่ที่กรมการศาสนากับพนักงานสอบสวน จะได้เร่งตรวจสอบว่าเงินได้ถูกถ่ายโอนมาครบตามจำนวนหรือไม่ ถ้าเงินที่มีการนำมาเปิดบัญชีใหม่มีเงินครบตามจำนวนก็แล้วไป แต่ถ้าหากขาดหายไปมากน้อยเท่าไรก็ตาม อาจต้องตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาอีกคดีความหนึ่งก็ได้"
รายงานข่าวจากกองปราบปรามเปิดเผยว่าสำหรับการดำเนินคดีกับนายไชยบูลย์ สุทธิผล เจ้าลัทธิธรรมกาย ความคืบหน้าจนถึงขณะนี้มีหลายเรื่องที่สรุปแล้ว อย่างเช่น การหารือเรื่องที่ดินที่ต้องสงสัยว่ามีการนำเงินของวัดไปกว้านซื้อมา และโอนเป็นชื่อของนายไชยบูลย์
ส่วนเรื่องที่เกรงกันว่าในวันที่ 28 ต.ค.นี้ นายไชยบูลย์จะไม่มามอบตัวและอ้างอาการป่วยอีก ขอยืนยันว่าไม่เกิดผลดีเลย ตำรวจได้ให้เกียรติแก่นายไชยบูลย์มากแล้ว หากไม่มามอบตัวก็จะมีวิธีที่จะดำเนินการต่อไปได้อีก และอย่าลืมว่าตำรวจขออนุมัติออกหมายจับ ไม่ใช่ขออนุมัติในการเชิญให้นายไชยบูลย์มามอบตัวเอง รวมถึงอาจมีผลต่อการประกันตัว แหล่งข่าวกล่าว
มีรายงานข่าวเปิดเผยอีกว่า ขณะนี้พนัก งานสอบสวนได้ศึกษากฎหมายควบคุมการเรี่ยไร เพื่อนำมาประกอบการสืบสวนสอบสวน โดยล่าสุดพบว่า กรณีที่ทางวัดพระธรรมกายจัดทำใบปลิวชักชวนทำบุญ รวมทั้งแผ่นป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ไม่ได้ขออนุญาตจากเจ้าคณะอำเภอ, สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการจัดพิมพ์และไม่ได้ส่งแบบของใบปลิว, แผ่นป้ายโฆษณาขนาดใหญ่มาให้คณะกรรมการพิจารณาก่อนด้วย
นอกจากนี้ การเรี่ยไรต้องมีกำหนดเวลา เช่น สิ่งก่อสร้างจะประกาศเรี่ยไรได้ต่อเมื่อต้องมีการก่อสร้างไปแล้ว 50-60% ซึ่งมหาธรรมกายเจดีย์ของวัดพระธรรมกายกลับมีการเรี่ยไรตั้งแต่เริ่มก่อสร้าง
กรณีของวัดที่ทำผิดกฎหมายควบคุมการเรี่ยไรนี้ แม้จะกำหนดโทษไว้เพียง ปรับ 200 บาทหรือจำคุกไม่เกิน 1 เดือน แต่ผู้ที่ดำเนินการให้มีการเรี่ยไรนี้ถือว่ามีความผิด ขัดคำสั่งมหาเถรสมาคมที่ว่า พระองค์ไหนเรี่ยไรโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษถึงขั้นขับออกจากวัดหากไม่ใช่พระสังฆาธิการ คือตั้งแต่รองเจ้าอาวาสขึ้นไป แต่ถ้าเป็นพระสังฆาธิการต้องถูกปลดจากตำแหน่ง ฐานละเมิดจรรยาพระสังฆาธิการ
ขณะเดียวกันสำหรับกรณีที่มีการเคลื่อนไหวของกลุ่มที่สนับสนุนธรรมกายโดยระบุว่า การที่ธรรมกายถูกเล่นงานก็เพื่อความมุ่งหวังจะร่างพ.ร.บ.ปกครองสงฆ์ และได้ออกหนังสือโจมตีพ.ร.บ.ดังกล่าว รวมถึงบุคคลที่ออกมาเล่นงานธรรมกายว่าเป็นพวกทำลายศาสนานั้น ตำรวจสันติบาลได้สรุปแล้วว่าความเคลื่อนไหวของกระบอกเสียงธรรมกายกลุ่มนี้ เป็นสิ่งที่ทำให้สังคมเกิดความแตกแยกทางความคิด ล่าสุด พล.ต.อ.ณรงค์วิช ไทยทอง รอง ผบ.ตร.ได้มีคำสั่งมายังสำนักงานตำรวจสันติบาลให้เก็บข้อมูล กลุ่มดังกล่าว และตรวจสอบความเคลื่อนไหวทั่วประเทศแล้วรายงานให้ทราบเป็นระยะ ๆ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วัดพระธรรมกายได้จัดโครงการปฏิบัติธรรมพิเศษ ที่บ้านพักสวนพนาวัฒน์ อ.ฮอด จ.เชียงใหม่ โดยเชิญหัวหน้าบ้านกัลยาณมิตร ไปพักผ่อนตั้งแต่วันที่ 17-21 ตุลาคม ที่ผ่านมา ปรากฏว่ามีผู้เข้าร่วมเพียง 1,000 คน จากที่ตั้งเป้าหมายไว้ 10,000 คน
อย่างไรก็ตามทางวัดพระธรรมกายได้ถือโอกาสนี้ส่งพระชั้นในหลายรูปไปชี้แจง ทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องข่าวต่าง ๆ ที่ผ่านมา โดยเฉพาะกรณีการเสียชีวิตของนายคำนึง เสมพูล ลูกศิษย์ที่ถูกฟ้าผ่ากลางลานมหาธรรมกายเจดีย์ที่วัดพระธรรมกาย ซึ่งพระชั้นในระบุว่า นายคำนึงนั้นได้ถูกฟ้าผ่าจริง แต่เพิ่งเข้าวัดพระธรรมกายและไม่มีพระดูดทรัพย์คุ้มครอง แต่อาการกำลังดีขึ้นตามลำดับแล้ว หลังจากที่มีการสวดมนต์สรรเสริญพระดูดทรัพย์และนำเอาภาพนายไชยบูลย์มาติด
แต่ในระหว่างที่นายคำนึงพักรักษาตัวอยู่ บรรดาสื่อมวลชนก็พากันนำเสนอข่าวว่า นายคำนึงจะไม่รอดบ้าง, จะเป็นเจ้าชายนิทราบ้าง หรือเสียชีวิตแล้วก็มี จึงเป็นจุดเป็นช่องจังหวะเหมาะสม ให้ฝ่ายตรงข้ามวัดพระธรรมกายได้ลอบเข้าไปดำเนินการจนทำให้นายคำนึงถึงแก่ความตายในที่สุด เนื่องจากเห็นว่า หากนายคำนึงรอดชีวิตจากเหตุการณ์ฟ้าผ่าในครั้งนี้ จะส่งผลให้วัดพระธรรมกายมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก จึงต้องตัดไฟเสียแต่ต้นลม เพื่อสยบข่าวความดังของวัด.