เดลินิวส์ 22/10/2542
ไฟเขียวหมายจับไชยบูลย์เพิ่มอีกคดี
มหาดไทยไฟเขียวออกหมายจับ"ไชยบูลย์"กับ 3 สาวกอีกคดี เอาเงินวัดไปกว้านซื้อที่เพชรบูรณ์ อัยการสูงสุดเจอปัญหาคำขออายัดทรัพย์ธรรมกาย ไม่เคยมีตัวอย่างเกิดขึ้น รวมถึงข้อกฎหมายให้ยึดได้เฉพาะบัญชีที่เกี่ยวข้องกับคดีความฟ้องร้อง 60 ล้านเท่านั้น "สมศักดิ์" สุดมึนการดำเนินคดีทางสงฆ์สะดุดอีก สมเด็จเกี่ยวขอหนังสือที่จะส่งไปให้เจ้าคณะจังหวัดปทุมฯ ให้จัดการตามกฎนิคหกรรมไปดูก่อน จี้ให้กรมการศาสนาเร่งทวงคืนพร้อมเสนอความเห็นขีดเส้นตาย 1-2 สัปดาห์เรียกพระปลอมมารับทราบข้อกล่าวหา ต้นเดือน พ.ย.ทุกอย่างเดินต่อ
แม้มหาเถรสมาคม (มส.) จะมีมติเมื่อ วันที่ 19 ต.ค. ที่ผ่านมาว่า ฆราวาสฟ้องสงฆ์ได้ และทำให้กระบวนการ ฟ้องร้องดำเนินการทางสงฆ์กับนายไชยบูลย์ สุทธิผล เจ้าลัทธิธรรมกาย รวมถึงพระเผด็จ ทัตตชีโว รองเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ของนายสมพร เทพสิทธา ประธานยุวพุทธิกสมาคมแห่งชาติและนายมาณพ พลไพรินทร์ ผู้เชี่ยวชาญพิเศษกรมการศาสนา เดินหน้าต่อไปได้โดยจะมีการส่งเรื่องไปให้เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ในฐานะผู้พิจารณาชั้นต้น แต่ขั้นตอนกลับสะดุดลงอย่างไม่น่าเชื่อ เมื่อสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) ขอดูหนังสือที่จะส่งไปให้เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีก่อน
เมื่อวันที่ 21 ต.ค. นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยว่า ตนได้รับรายงาน จากกรมการศาสนาว่ายังส่งหนังสือไปให้เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีไม่ได้ โดยสมเด็จพระพุฒาจารย์ ขอดูหนังสือที่จะส่งไปเมื่อวันที่ 20 ต.ค. ที่ผ่านมา และเก็บไว้ โดยบอกว่าให้ไปเอาในวันนี้ ทั้งที่ตามหลักแล้วเป็นหน้าที่ของกรมการศาสนาสามารถดำเนินการได้ทันที
"ถ้าสมเด็จพระพุฒาจารย์ประสงค์จะดูก็ควรถ่ายสำเนาเอกสารแล้วให้ดำเนินการควบคู่ กันไป แต่ด้วยความเคารพ กรมการศาสนาจึงนำต้นฉบับไปให้ดู ผมจึงสั่งการให้ไปรับกลับคืนและส่งให้ทันวันนี้ ทั้งหมดเป็นเรื่องทางโลกไม่ใช่ทางสงฆ์ การขอดูคงไม่มีการแก้ไขเพราะเป็นเรื่อง ของกรมการศาสนาดำเนินการไปถือเป็นความชอบธรรม และวันนี้ต้องส่งไปถึงเจ้าคณะจังหวัด ผมยังสั่งการกรมการศาสนาด้วยว่าหนังสือที่ส่ง ไปต้องขอให้เจ้าคณะจังหวัดระบุวันที่ เวลา และสถานที่ ซึ่งจะมีการเรียกผู้ถูกกล่าวหามารับทราบข้อกล่าวหาให้ชัดเจน สังคมจะได้รับรู้และราชการจะได้เตรียมแผนป้องกัน"
นายวิชัย ตันศิริ รมช.ศึกษาธิการเปิดเผยว่า การที่สมเด็จพระพุฒาจารย์ เอาหนังสือไปดู คงต้องการช่วยขัดเกลาดูถ้อยคำ ไม่มีปัญหาอะไรหรือเปลี่ยนแปลงอะไร และเมื่อเข้ากระบวนการต้องถือว่านายไชยบูลย์ต้องอธิกรณ์ เจ้าคณะตำบลคลอง 1 อาจใช้ดุลพินิจสั่งปลดจากตำแหน่งได้ อีกครั้ง ถ้าไม่พิจารณาเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีในฐานะผู้บังคับบัญชาอาจพิจารณาได้ และตนจะไปกราบนมัสการเจ้าคณะจังหวัดในต้นเดือน พ.ย.นี้
ด้านนายสมพรกล่าวว่า การที่สมเด็จพระพุฒาจารย์ทำเช่นนี้ทำให้ประชาชนสงสัยในความตั้งใจจริงของมหาเถรฯ และการทำเช่นนี้ส่อเจตนาดึงเรื่องทั้งที่เสียเวลาไปกว่า 2 เดือนแล้ว และควรจะระมัดระวังมาก ๆ ที่จะไม่ทำให้ ประชาชนสงสัยในเจตนาว่าจะช่วยเหลือกัน แต่ไม่อยากพูดมากเพราะจะถูกกล่าวหาว่าจาบจ้วงพระผู้ใหญ่ ถ้าปล่อย อย่างนี้จะเป็นที่พึ่งของประชาชนได้อย่างไร นอก จากนั้นแม้จะมีมติ ชาวบ้านฟ้องได้ก็ยังไม่มั่นใจเพราะพระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 ที่เคยวินิจฉัยชาวบ้านฟ้องไม่ได้ และทำให้การฟ้องร้องนาย ไชยบูลย์ต้องสะดุดลงไปก็อยู่ในคณะผู้พิจารณาชั้นต้นด้วย
เมื่อเวลา 17.30 น. นายไพบูลย์ เสียงก้อง อธิบดีกรมการศาสนา ให้สัมภาษณ์ ภายหลังเข้านมัสการสมเด็จพระพุฒาจารย์ว่าได้นำหนังสือมติมหาเถรฯ ที่จะส่งให้เจ้าคณะจังหวัด ปทุมธานีให้สมเด็จพระพุฒาจารย์ตรวจสอบและแนะนำในฐานะเป็นประธานที่ประชุมวันนั้น โดยจะรีบนำจดหมายไปให้เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีทันที และจะถวายคำแนะนำว่าควรดำเนินการตามกฎนิคห กรรมในเวลาอันสมควรอาจจะ 1-2 สัปดาห์ เพราะประชาชนสนใจมาก เมื่อเรียกผู้ถูกกล่าวหามารับทราบข้อกล่าวหาแล้วก็ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการสงฆ์ต่อไป
วันเดียวกันได้เกิดความเคลื่อนไหวดำเนินการกับนายไชยบูลย์ในคดีทางโลก โดยเวลา 12.00 น. พ.ต.ท.ชนะชัย ลิ้มประเสริฐ รอง ผกก. สศก. พร้อมทีมสอบสวนคดีธรรมกายนำเอาสำนวนการสอบสวน การกว้านซื้อที่ดินของนายไชยบูลย์ ที่ จ.เพชรบูรณ์ จำนวน 7 แฟ้ม ไปยื่นเสนอต่อพล.ต.ท.วาสนา เพิ่มลาภ ผบช.สง.ก.ตร. ในฐานะหัวหน้าทีมสอบสวน โดยมี พล.ต.อ.พรศักดิ์ ดุรงควิบูลย์ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สมบัติ อมรวิวัฒน์ ผบช.ตำรวจภูธรภาค 1 ร่วมหารือด้วย
หลังจากหารือกว่า 2 ชั่วโมง พล.ต.ท. วาสนา กล่าวว่า จากการสอบสวนพบหลักฐานนายไชยบูลย์นำเงินจาก บัญชีวัดหลายสิบล้านบาทไปให้นายถาวร พรหมถาวร ไปซื้อที่ดินที่ จ.เพชร บูรณ์ โดยใช้ชื่อนายไชยบูลย์เป็นเจ้าของไม่ใช้ชื่อวัด และนายไชยบูลย์น่าจะมีความผิดในฐานเป็น เจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และเป็น เจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ ส่วนนายถาวร น่าจะเข้าข่าย ผู้สนับสนุน เจ้าพนักงานให้กระทำความผิดร่วมกับสาวกอีก 2 คน คือ น.ส.อมรรัตน์ สุวิพัฒน์ หรือสีกาตุ้ย กับนายมัยฤทธิ์ ปิตวนิค จึงเสนอออกหมายจับต่อผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย หากเห็นชอบต้องเรียกบุคคลดังกล่าวมาแจ้งข้อหา และมีความเห็นเสนออัยการต่อไป
"หากมหาดไทยอนุมัติการออกมายจับคงไม่ทัน และเมื่อจับกุม ผู้ต้องหาแล้วถ้าไม่มีเจตนาหลบหนีก็จะให้ประกันตัวเหมือนเก่า และคดีนี้เป็นข้อหา ต่างกรรมต่างวาระกับที่เคยขออนุมัติจับกุมครั้งก่อน และยังมีคดีสาวกคนอื่น ๆ ทำ ความผิดรวมกันอีกหลายคดี แต่สำนวนยังไม่เสร็จ"
รายงานข่าวเปิดเผยว่า การกว้านซื้อที่ดินที่เพชรบูรณ์บริเวณเขาพนมพา นายถาวรกับสีกาตุ้ยจะเป็นผู้กว้านซื้อ โดยชาวบ้านยืนยันนายไชยบูลย์เคยเดินทางมาดูที่ดินด้วยตัวเอง และยังมีพระซึ่งสมัยเป็นฆราวาสเป็นนายหน้าให้ด้วย นายไชยบูลย์จ่ายเช็คเงินสดธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขารังสิต มอบให้นายมัยฤทธิ์นำเงินไปโอนให้นายถาวร ผ่านบัญชีธนาคารกสิกรไทย สาขาดงขุยกว่า 40 ล้านบาท
เวลา 15.00 น. พล.ต.ท.วาสนาเดินทางมาที่กระทรวงมหาดไทย และเข้าพบนายกฤษณ์ ธีระชัยชยุติ ผู้ตรวจราชการมหาดไทยเขต 11 เป็นเวรอนุมัติออกหมายจับ พร้อมกับนำสำนวนการสอบสวนประกอบด้วยหลักฐานการเงินที่ใช้ซื้อที่ดิน จ.เพชรบูรณ์, เอกสาร นส.3ก. และโฉนดที่ดิน, เอกสารการฝาก และถอนเงินเพื่อซื้อที่ และคำให้การของพยานที่เกี่ยวข้อง มาให้ฝ่ายกฎหมายพิจารณาใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง จนกระทั่งเวลา 17.00 น. นายกฤษณ์ ได้ลงนามออกหมายจับตามที่พนักงานสอบสวนเสนอมา โดยผู้ต้องหาทั้ง หมด 3 คนเคยถูกหมายจับมาแล้ว มีเพียงสีกาตุ้ยที่เพิ่งมีการอนุมัติออกหมายจับครั้งแรก
ด้านนายพันธ์ สุริยพร รองอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า ในวันที่ 22 ต.ค. 42 จะมีการประชุมหารือ ข้อกฎหมายเพื่อวินิจฉัยว่าจะอายัดทรัพย์บัญชีเงินฝากธนาคารของนายไชยบูลย์ทั้ง 55 บัญชี ตามคำร้องขอ ของกรมการ ศาสนาและพนักงานสืบสวนได้หรือไม่ เพราะยังไม่เคยมีกรณีเช่นนี้เกิดขึ้นมาก่อน แต่ในประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณา ความแพ่งและประมวลวิธีพิจารณาความอาญาสามารถนำมาใช้ได้แต่ต้องยึดตามความเสียหายที่เกิดขึ้น ซึ่งคดีที่ฟ้องร้อง แล้วคือพนักงานสอบสวนสรุปสำนวนว่าได้มีการยักยอกเงินวัดไปทั้งสิ้น 60 ล้านบาท หากภายหลังพนักงานสอบสวนจะแจ้ง ข้อกล่าวหาเพิ่มเติมคอยมาว่ากันใหม่
"ขั้นตอนอายัดทรัพย์ มิได้จบกระบวนการที่อัยการสูงสุดต้องขออำนาจศาลเป็นผู้สั่ง ซึ่งเข้าใจว่าศาลก็คงต้องใช้ระยะเวลา โดยยังไม่มีกรณีหรือคดีตัวอย่างมาก่อน การประชุมก็ไม่สามารถบอกได้ว่าจะได้ข้อวินิจฉัยจากที่ประชุมหรือไม่ เป็นเรื่องที่ต้องใช้ความระมัดระวังอย่างรอบคอบอีกด้วย"
ส่วนนายวิเชียร วิริยะประสิทธิ์ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีอาญา เรียกคณะทำงานอัยการ 9 คนมาประชุม เพื่อหารือคดีธรรมกาย โดยใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมง โดยนายวิเชียรกล่าวว่าตนสั่งตั้งคณะทำงานพิ่ม 5 คน เพราะสำนวนในคดีมีมาก และพนักงานสอบสวนส่งผลสอบเพิ่มขึ้นมาเรื่อย ๆ รวมถึงได้ขอให้สอบสวนหาพยานหลักฐานเพิ่มบางประเด็น และต้องรายงานให้นายพันธ์ทราบทุกระยะ
ต่อมาเวลา 19.30 น. นายไพบูลย์เดินทางมาถึงวัดมูลจินดารามพร้อมกับนายสุทธิวงศ์ ตันตยาพิศาลสุทธิ์ รองอธิบดีกรมการศาสนา, นาย เริงฤทธิ์ เบ้านุวงศ์ หัวหน้าฝ่ายสังฆการ และพบพระสุเมธาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัด เพื่อมอบมติมหาเถรฯ ให้
พระสุเมธาภรณ์กล่าวว่า จะเรียกนาย ไชยบูลย์และพระเผด็จ ทัตตชีโว รองเจ้าอาวาส มารับทราบข้อกล่าวหาในต้นเดือนพฤศจิกายน เพราะช่วงนี้มีภารกิจมาก หลังจากนี้อาจต้องไปหารือกับพระพรหมโมลีอีกครั้งเพื่อสอบถามความเห็น และแจ้งให้ทราบว่าจะเรียกตัวผู้ถูกกล่าวหามาเมื่อไหร่ เชื่อว่าจะเรียกมาได้โดยเร็ว
ส่วนนายไพบูลย์กล่าวว่า ได้ขอความร่วมมือยังเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีให้เตือนเจ้า อาวาสธรรมกายให้ฝากและถอนเงินวัดให้ถูกต้อง โดยกรมการศาสนาได้เคยทำหนังสือถึงธนาคาร พาณิชย์ขอความร่วมมือชะลอเบิกเงินของวัดพระธรรมกายไปแล้ว และเรื่องทุกอย่างกำลังเข้า สู่กระบวนการหากดำเนินการตามขั้นตอนก็จะเรียบร้อย