เดลินิวส์ 20/10/2542
ถก 4 ชม.รื้อคดีสงฆ์เล่นงาน"ไชยบูลย์"
มีชัย ฤชุพันธุ์"ร่วมถกกับมหาเถรฯตีความกฎนิคหกรรมเปิดช่องชาวบ้านฟ้องพระได้ ใช้เวลา 4 ชั่วโมง ถึงยุติรื้อฟื้นกระบวนการเล่นงาน "ไชยบูลย์" ทางสงฆ์ต่อ ล้างคำวินิจฉัยพระพรหมโมลีที่อุ้มพระปลอม เตรียมให้เจ้าคณะจังหวัดเรียกเจ้าลัทธิจานบิน-ทัตตชีโวมารับข้อ กล่าวหา กรมการศาสนาประกาศตามเงินธรรมกายคืน แม้จะถอนออกไปจากแบงก์ก็ตามถือเป็นสมบัติศาสนา กองปราบฯเร่งสอบอีก 5 ประเด็น เน้นหลักฐานการเงินมัดตัว
เมื่อวันที่ 19 ต.ค.ที่ผ่านมา ที่กองปราบปราม เวลา 10.00 น. นายวิชัย เจียมพิยานุวัฒน์ อายุ 34 ปี เดินทางมาให้ปากคำพนักงานสอบสวนเนื่องจากพบหลักฐานการจ่ายเช็คเงินสด 5 ใบ เป็นเงิน 4 ล้านบาทจากนาย ไชยบูลย์ สุทธิผล เจ้าสำนักธรรมกาย โดยพนักงานสอบสวนใช้เวลาสอบปากคำกว่า 2 ชั่วโมง จากนั้นนายวิชัยเปิดเผยว่าได้รับเช็คเมื่อปี 2541 เป็นค่าผ้าที่วัดจะนำไปตัดจีวรสามเณรจำนวน 1 หมื่นรูป ซึ่งวัดต้องการผ้าจำนวนมากและตนเป็นเจ้าของร้านขายผ้าที่สำเพ็งและเป็น การค้าขายกันครั้งแรก
รายงานข่าวจากทีมงานสอบสวนเปิดเผยว่าพล.ต.ท.วาสนา เพิ่มลาภ ผบช.สง.ก.ตร. ในฐานะหัวหน้าทีมสอบสวนคดีธรรมกายสั่งการให้ทีมงานหาข้อมูลเพิ่มขึ้นตาม ที่พนักงานอัยการต้องการในประเด็นต่าง ๆ คือ 1.รายได้ของวัด หลักฐานการบริจาคเงินเข้าวัด, 2.รายจ่ายของวัดเช่นการก่อสร้างถาวรวัตถุ และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ, 3.กระแสเงินจากบัญชีของวัด, 4.การจัดทำบัญชีแสดงวัน เวลา จำนวนเงินและรายละเอียดที่ต้องพิจารณา และ 5.การพิสูจน์ลายมือชื่อของนายเทิดชาติ ศรีนพรัตน์ และสอบสวนพยานธนาคารให้ส่งเอกสารต้นฉบับ หรือสอบสวนให้ปรากฏว่าเหตุใดจึงส่งเอกสารไม่ได้
ในวันเดียวกันนี้พนักงานสอบสวนยังส่งหนังสือถึงอธิบดีกรมศุลกากรให้ตรวจสอบ กรณีการสั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศของพระร. ซึ่งเป็นพระชั้นในของวัด ว่ามีการนำเข้าสินค้าจริงหรือไม่ และนำเข้ามาปีใด
นอกจากนั้นพนักงานสอบสวนยังส่งรายงานผลการทำงานต่อพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ผบ.ตร. ผ่านพล.ต.อ.พรศักดิ์ ดุรงควิบูลย์ รองผบ.ตร. โดยพล.ต.ท.วาสนาและพล.ต.ต.ปานศิริ ประภาวัตร ผช.ผบช.สง.ก.ตร. เข้าหารือกับพล.ต.อ.พรศักดิ์ด้วย ส่วนเรื่องการอายัดทรัพย์บัญชีเงินฝากของธรรมกายกว่า 50 บัญชีที่นายไชยบูลย์มีอำนาจเบิกถอนแต่เพียงผู้เดียวต้องรอคำสั่งจากอัยการ โดยบัญชีดังกล่าวฝากไว้กับธนาคารกรุงเทพ, กรุงไทย, กรุงศรีอยุธยา, ไทยทนุ, นครหลวงไทย, ทหารไทย, เอเชีย, กสิกรไทยและไทยพาณิชย์ โดยแต่ละแห่งเปิดบัญชี 7-9 บัญชี
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่าขณะนี้ยังมีการเผยแพร่หนังสือ "เปิดโปงขบวนการล้มพุทธ" และ "พุทธศาสนาชะตาของชาติ" ที่บิดเบือนความจริงและโจมตีบุคคลที่ออกมาวิจารณ์และชี้ข้อผิดพลาดของธรรมกาย อาทิ พระธรรมปิฎก(ป.อ.ปยุตโต) โดยได้มีการจัดพิมพ์ฉบับคัดย่อออกแจกจ่ายกว่า 3 หมื่นเล่ม ขณะที่มีการเสนอข้อมูลจากคณะทำงานของสำนักงานตำรวจแห่ง ชาติไปถึงผบ.ตร.แล้วว่าหนังสือดังกล่าวมีข้อความบ่อนทำลายความมั่นคง มีลักษณะขัดต่อศีลธรรมอันดีงาม แต่สำนักงานตำรวจแห่งชาติยังไม่มีคำสั่งยึดหรือทำลายหนังสือดังกล่าว
นายวิชัย ตันศิริ รมช.ศึกษาธิการเปิดเผยว่าไม่เชื่อนายไชยบูลย์จะหนี ถ้าทำคงไปตั้งแต่ช่วงที่ตำรวจจะบุกจับ และแตกต่างกับกรณียันตระ โดยธรรมกายมีความเป็นสถาบัน เป็นสำนักมากกว่า ขณะนี้เหมือนกับว่านายไชยบูลย์ไม่ค่อย เป็นตัวของตัวเอง เหมือนคนชี้นำ อาจเป็นทีมงานที่ทำขึ้น
นายไพบูลย์ เสียงก้อง อธิบดีกรมการศาสนาเปิดเผยว่า แม้จะมีการปิดบัญชีวัดพระ ธรรมกายไปแล้ว จะเอาเงินไปไหนไม่ได้เพราะเป็นสมบัติของวัด ส่วนบัญชีธนาคารอื่น ๆ ได้ทราบจากพนักงานสอบสวนว่ามีกว่า 50 บัญชีและได้ประสานงานกับธนาคารถึงความเคลื่อนไหวของเงิน แต่ไม่ทราบว่าจะมีการปิดบัญชีเพื่อหนีออกต่างประเทศหรือไม่ เพราะพนักงานสอบสวนดูแลอยู่ อย่างไรก็ตามพนักงานสอบสวนกำลังพิจารณาว่ามีบัญชีใดบ้างเกี่ยวข้องกับสำนวนคดีที่ได้ส่งฟ้องไปแล้ว ก็สามารถร้องขอให้ศาลอายัดทรัพย์ได้ ข้อมูลทั้งหมดทั้งพนักงานสอบสวนและกรมการศาสนาส่งให้นายพันธ์ สุริยพร รองอัยการสูงสุด หัวหน้าทำงานคดีธรรมกายแล้ว
สำหรับขั้นตอนการอายัดต้องเสนอให้ศาลพิจารณา และอยู่ระหว่างการปรึกษากับอัยการ โดยจะอยู่ที่ข้อกฎหมายโดยหากเป็นคดีส่งฟ้องแล้ว และบัญชีนั้นเกี่ยวข้องกับสำนวนการฟ้องร้อง ก็สามารถยื่นต่อศาลขอให้พิจารณาได้ พนักงานสอบสวนกำลังดำเนินการอยู่ รวมถึงรวบรวมพยานหลักฐานการกระทำผิดเรื่องอื่นด้วย
นายไพบูลย์กล่าวอีกว่า พระสุเมธาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี แจ้งว่าให้เจ้าหน้าที่มาส่งเอกสารกรณีที่เจ้าคณะตำบลคลอง 1 ไม่ยอมสั่งปลดนายไชยบูลย์ออกจากตำแหน่งมาให้แล้ว แต่ตนยังไม่ได้รับหนังสือ และก่อนที่กรมจะเสนอเรื่องให้ทบทวนต้องดูความเห็นเจ้าคณะจังหวัด รวมถึงข้อมูลเพิ่มเติมจากพนักงานสอบสวน
ในวันเดียวกันที่ตำหนักเพ็ชร์ วัดบวรนิเวศ มีการประชุมมหาเถรสมาคม (มส.) ซึ่งมีสมเด็จพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) วัดสระเกศเป็นประธาน โดยนายไพบูลย์ในฐานะอธิบดีกรมการศาสนาเชิญนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานวุฒิสภา ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายพร้อมนายจรวย หนูคง ที่ปรึกษารมว.ศึกษาธิการ เข้าหารือด้วย โดยผู้เชี่ยวชาญอีกคนคือนายวิษณุ เครืองาม เลขาธิการคณะรัฐมนตรีไม่มาประชุมเนื่องจากติดภารกิจสำคัญ
การประชุมใช้เวลา 4 ชั่วโมงถึงได้ข้อยุติ โดยนายไพบูลย์กล่าวว่า มหาเถรฯมีมติการดำเนินการที่ผ่านมายังไม่สอดคล้องตามขั้นตอนของกฎนิคหกรรม จึงให้ผู้พิจารณาเบื้องต้นดำเนินการเสียใหม่ให้ถูกต้องตามกฎมหาเถรฯ ฉบับที่ 11 (พ.ศ. 2521) และให้สอดคล้องกับมติมหาเถรฯเมื่อวันที่ 16 ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งมหาเถรฯเคยมีมติไปแล้วว่าฆราวาสสามารถกล่าวหาพระได้ โดยให้ผู้เกี่ยวข้อง ทุกฝ่ายดำเนินการตามมตินี้ และให้กรมการศาสนาแจ้งมติให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทราบ และขอให้ดำเนินการทันที ไม่ต้องรอรับรองรายงานการประชุม
มติมหาเถรฯดังกล่าวนี้ทำให้คำกล่าวหาของนายมาณพ พลไพรินทร์ ผู้เชี่ยวชาญพิเศษกรมการศาสนา และของนายสมพร เทพสิทธา ประธานสภายุวพุทธิกสมาคมแห่งชาติยังใช้ได้อยู่ และกรมการศาสนาจะเร่งทำหนังสือไปยังเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี และคณะผู้ปกครองตามลำดับชั้นให้ทราบ โดยการดำเนินการทั้งหมดทำได้ทันทีไม่ต้องรอผลการพิจารณาทางโลก เพราะเป็นคนละประเด็นกับการดำเนินการทางโลก
ด้านนายจรวยกล่าวว่าขั้นตอนต่อจากมติมหาเถรฯในวันนี้คือเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ต้องเรียกนายไชยบูลย์รวมถึงพระเผด็จ ทัตตชีโว รองเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายมารับทราบข้อกล่าวหา และเข้าสู่การพิจารณาของคณะผู้พิจารณาขั้นต้นต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่ามติมหาเถรฯครั้งนี้ สืบเนื่องจากพระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 เคยวินิจฉัยว่าฆราวาสฟ้องพระไม่ได้ และทำให้การฟ้องร้องกล่าวโทษนายไชยบูลย์ตามกฎนิคหกรรมต้องตกไป เมื่อมหาเถรฯมีมติเช่นนี้ออกมาพระพรหมโมลีต้องเปลี่ยนคำวินิจฉัยใหม่ ไม่เช่นนั้นจะถือว่าไม่ยอมทำตามมติมหาเถรฯ.