page4

เดลินิวส์ 19/10/2542

'ไชยบูลย์'ส่อเค้าเผ่นหนี สั่งปิดกว่า 50 บัญชีเงินฝาก หวั่นยัด'พันล้าน'ใส่ย่าม!

"วาสนา"จับมือกรมการศาสนาทำหนังสือถึงแบงก์พาณิชย์ขอให้ห้ามเบิก-ถอน ระบุทำผิดกฎหมายสงฆ์ชัดเจน ประกาศถ้ามีพฤติกรรม หนีจะถอนประกันจับถอดจีวรทันที ขณะที่อัยการถกด่วนประเด็นอายัดทรัพย์สัปดาห์นี้ เจ้าคณะตำบลคลอง 1 ร่อแร่ชาวบ้านฮือยื่นหนังสือกล่าวโทษซ้ำ อีกทุจริตเงินโรงเรียนปริยัติธรรม เตรียมเสนอแขวนพร้อมสอบสวนถ้าผิดจริงโทษถึงขั้น"จับสึก"พ้นจากความเป็นพระ

เมื่อวันที่ 18 ต.ค.ที่ผ่านมาที่สำนักงานอัยการสูงสุด นายพันธ์ สุริยพร รองอัยการสูงสุด ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบ ดูแลคดี วัดพระธรรมกาย เปิดเผยว่าพล.ต.ท.วาสนา เพิ่มลาภ ผบช.สง.ก.ตร. ในฐานะหัวหน้าสอบสวนคดีธรรมกาย มอบหมายให้พนักงานสอบสวนมาพบและยื่นหนังสือ ขอคำปรึกษา ให้คณะทำงานอัยการยื่นร้องต่อศาล ให้มีคำสั่งอายัดทรัพย์สินของนายไชยบูลย์และคนสนิท รวมทั้งการเบิกถอนเงินจากธนาคารต่าง ๆ ที่ฝากไว้ในนามของวัดพระธรรมกายเป็นการชั่วคราว

เรื่องดังกล่าวนายพันธ์กล่าวว่าจะหารือกับนายวิเชียร วิริยะประสิทธิ์ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีอาญา ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานของอัยการ เืพ่อพิจารณาเหตุผลตามข้อกฎหมายด้วยความรอบคอบ ตามคำร้องขอของพนักงานสอบสวนภายในสัปดาห์นี้ ขณะเดียวกันกรมการศาสนายังขอความร่วมมือไปยังธนาคารต่าง ๆ ที่นายไชยบูลย์นำเงินไปฝากไว้ ให้ระงับการเบิกถอนไว้ก่อน แต่คงทำทันทีไม่ได้ เพราะขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของธนาคารนั้น ๆ จะยินยอมตามคำร้องขอหรือไม่

นายไพบูลย์ เสียงก้อง อธิบดีกรมการศาสนาเปิดเผยว่าพล.ต.ท.วาสนารายงานมายังกรมวัดพระธรรมกาย เปิดบัญชีเงินฝากธนาคารต่าง ๆ กว่า 50 บัญชีแบบไม่หมาะสม เนื่องจากผู้มีอำนาจ ถอนเงินมีเพียงนายไชยบูลย์คนเดียวในทุกธนาคาร ยกเว้นธนาคารออมสิน และธนาคารต่างประเทศ ที่ยังไม่ทราบข้อมูลแน่ชัด เป็นการทำผิดกฎที่กำหนดให้บัญชีวัดต้องมีผู้ลงลายมือชื่อ 3 คน และการเบิกถอนต้อง กระทำอย่างน้อยจากผู้มีรายชื่อในบัญชี 2 คนถึงถอนเงินได้ เมื่อตำรวจแจ้งมายังกรม เจ้าหน้าที่กรมการศาสนาจึงแจ้งไปยังธนาคารต่าง ๆ ขอความร่วมมือในการปิดบัญชีหรือถอนเงิน ขณะเดียวกันได้ประสานงานไปยังพระสุเมธาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ให้เตือนวัดพระธรรมกาย รวมถึงให้ปรับวิธีการฝาก-ถอนเงินให้ถูกต้อง หากวัดพระธรรมกายไม่ดำเนินการ กรมการศาสนาจะแจ้งให้เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ,เจ้าคณะอำเภอคลองหลวง และเจ้าคณะตำบลคลอง 1 ใช้ระบบการปกครองสงฆ์ตามสายบังคับบัญชาเอาใจใส่ดูแลให้ถูกต้อง

"วัดที่มีทรัพย์สินมหาศาลไม่ใช่เพียงวัดพระธรรมกาย อย่างเดียว เช่นวัดหลวงพ่อโสธร แต่ทุกวัด ดำเนินการทุกอย่างถูกต้อง ตามกฎ เรียบร้อยไม่มีปัญหา ถ้าไม่ทำตามถือว่าผิดตามกฎกระทรวง รวมถึงพนักงานสอบสวนกำลังพิจารณาในประเด็นนี้เป็นข้อมูลในการสอบสวน ส่วนกรมการศาสนาจะจับตาดูว่าจะปรับปรุงให้ถูกต้องหรือไม่ ถ้าไม่ทำต้องแจ้งผู้บังคับบัญชาที่ดูแลต่อไป"

ในวันเดียวกันเวลา 11.00 น.ที่วัดกลางคลองสาม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี มีชาวบ้าน 40 คน ที่อาศัยบริเวณวัดสว่างภพ ได้มอบหมายให้นายปะพงษ์ ช่วยผดุงศักดิ์,นายถวิล ศรีประยูรและนางมะลิ ปิ่นรัตน์ เป็นตัวแทนยื่นเอกสาร ต่อพระครูศิริพัฒนาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดกลางคลอง 3 ในฐานะเจ้าคณะตำบลคลอง 4 และพระมหาปัญญา ขันติธัมโม เจ้าอาวาสวัดบางหลวง รักษาการณ์เจ้าคณะอำเภอคลองหลวง เพื่อฟ้องร้อง กล่าวโทษการทุจริตแจ้งยอดสารเณรเกินความเป็นจริงของพระครูปทุมกิจโกศล เจ้าคณะตำบลคลอง 1 โดยร่วมมือกับลูกศิษย์คนสนิทที่ดูแลโรงเรียนพระปริยัติธรรมวัดสว่างภพ

จากหลักฐานที่ชาวบ้านนำมายื่น ก็คือในปี 2542 มีรายชื่อสามเณรถึง 250 รูปและครูสอนถึง 30 คน แต่จากหลักฐานของชาวบ้านพบว่ามีครูแค่ 9 คน สามเณรแค่ 85 รูป และวัดไม่ได้ทำบัญชีรายรับรายจ่าย จำนวนเงินที่ญาติโยมทำบุญบริจาค และเงินทอดกฐินที่ไม่รู้ว่าเอาไปใช้ใช้จ่ายอะไร

ด้านพระครูศิริพัฒนาภรณ์กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวจะรายงานไปตามลำดับชั้น ช่วงนี้ติดภาระกิจสอบพระนวกะ และงานบุญออกพรรษาในวันที่ 25 ต.ค.นี้ ต้องให้พ้นงานเหล่านี้ไปก่อนถึงเริ่มสอบสวนข้อเท็จจริง กับพระครูปทุมกิจโกศลว่ามีมูลมากน้อยเพียงไร หากมีมูลตามชาวบ้านร้องมา ก็ต้องความผิดถึงขั้นปาราชิกขาดจากความเป็นพระ ถ้าพบความผิดก็จะรายงานตามลำดับชั้นไปยังอำเภอ และจังหวัดเพื่อสั่งการต่อไป

นางมะลิ 1 ในชาวบ้านที่ยื่นกล่าวโทษพระครูปทุมกิจโกศลกล่าวว่าชาวบ้าน เสื่อมศรัทธา พระครูปทุมกิจโกศลลงไปมาก เมื่อวันที่ 17 ต.ค.ที่เป็นวันพระมีคนไปทำบุญเพียง 15 คนเท่านั้น วันปกติ จะมีแต่ศิษย์ธรรมกายเข้าไปป้อนข้อมูล เท่านั้นไม่ให้ปลดนายไชยบูลย์ เจ้าลัทธิธรรมกาย ออกจากตำแหน่ง

พระมหาปัญญา กล่าวว่ากรณีพระครูปทุมกิจโกศล ไม่ยอมปลดนายไชยบูลย์ตามคำแนะนำ ของพระสังฆาธิการ ผู้บังคับบัญชา รวมถึงถูกชาวบ้านร้องเรียน เรื่องอาศัยตำแหน่งเจ้าอาวาสในการทุจริตต่อหน้าที่ ทำให้ขณะนี้ประสบปัญหามากมายในวงการสงฆ์ ซึ่งมีทางออกของปัญหานี้โดยให้พระครูปทุมกิจโกศล ไปเป็นเจ้าคณะตำบลกิตติมศักดิ์และให้เจ้าคณะจังหวัดไปดำเนินการเอง

พ.ต.ต.สุรเชรษ� แสนวงษ์สิริ สว.สล.สก.อ.คลองหลวง กล่าวว่าการที่มีคนตั้งข้อสังเกตุนายไชยบูลย์ใส่แว่นดำใช้ผ้าคาดปิดปาก จนมิดชิดและไม่เห็นหน้าอาจเป็นการไปทำศัลยกรรมตบแต่งเพื่อเตรียมหนีไปต่างประเทศนั้น คงเป็นไม่ได้ เพราะตำรวจสันติบาลหลายนายที่ฝังตัวในวัดติดตามความเคลื่อนไหวให้ผู้บังคับบัญชาทราบ

เวลา 14.00 น.ผู้สื่อข่าวรายงานว่าทีมงานสอบสวนคดีวัดพระธรรมกายประชุมกันเป็นเวลากว่า 4 ชั่วโมง เพื่อติดตามความคืบหน้าของการสอบสวนเพิ่มเติม ในพื้นที่จังหวัดต่าง ๆ เกี่ยวกับที่ดิน ซึ่งหลักฐานที่มียังไม่พอเพียงและต้องสอบเพิ่มใน 5 จังหวัดคือคราด เชียงใหม่ เพชรบูรณ์ พิจิตรและเลย

รายงานข่าว จากกองปราบปรามเปิดเผยว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาตัวแทนของธรรมกายขอเบิกเงินจากสาขาธนาคาร 3 แห่งในเขตรังสิตได้แก่ธนาคารกรุงเทพ 40 ล้านบาท,ธนาคารไทยพาณิชย์ 20 ล้านบาทและธนาคารไทยทนุ 2.9 ล้านบาท และต่อมายังมอบอำนาจผ่าน เจ้าหน้าที่วัดประสานงาน มายังธนาคารทุกแห่งขอปิดบัญชีเงินฝากของวัดทั้งหมดที่มีอยู่ แต่ธนาคารประสานงานมายังพนักงานสอบสวนเพื่อขอความเห็น เนื่องจากไม่กล้า ให้ปิดบัญชีเพราะนายไชยบูลย์ที่เป็นเจ้าของบัญชีตกเป็นผู้ต้องหาคดีอาญา ธนาคารจึงไม่อนุมัติ

เรื่องดังกล่าวพนักงานสอบสวน หารือกับกรมการศาสนาเห็นว่า จะต้องมีการดำเนินการขัดขวางไม่ให้ปิดบัญชี โดยกรมการศาสนาทำหนังสือที่ ศธ.030/พิเศษ ไปยังธนาคารทุกแห่งเรื่องขอความร่วมมือชะลอปิดบัญชี เนื่องจากกรมได้รับแจ้งจากพนักงานสอบสวนว่าธรรมกายจะปิดบัญชีเงินฝากของวัดที่ฝากอยู่ที่ธนาคาร ซึ่งกรมการศาสนาเห็นว่าในพ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ. 2535 มาตรา 40(2) กำหนดว่าศาสนสมบัติของวัดได้แก่ทรพัย์สินของวัดหนึ่ง ให้เป็นไปตามวิธีที่กำหนดในกฎกระทรวง และกระทรวงศึกษาธิการได้มีการออกกฎกระทรวงฉบับที่ 2 ปี 2511 กำหนดให้กรมการศาสนาดูแลทรัพย์สินของวัด

กรมการศาสนาจึงได้มีข้อแนะนำตามข้อที่ 35 กำหนดว่าในการฝากเงินไว้กับธนาคารให้มีชื่อผู้มีอำนาจลงนามไว้อย่างน้อย 3 คนได้แก่เจ้าอาวาส ไวยาวัจกร หรือผู้จัดการผลประโยชน์ และการสั่งจ่ายเช็คให้สั่งจ่ายพร้อมกับ 2 คน โดยมีเจ้าอวาสลงนามตามด้วยทุกครั้ง และปรากฎว่า นายไชยบูลย์ไม่ได้ทำตามรวมถึงถูกฟ้องร้องคดีอาญาฐานยักยอกทรัพย์ และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรมจึงขอความร่วมมือในการพิจารณาเรื่องการปิดบัญชีด้วย

พล.ต.ท.วาสนาเปิดเผยว่า กรมการศาสนาได้ขอความร่วมือไปยังธนาคารต่าง ๆ ชะลอการปิดบัญชีของธรรมกาย ในฐานะที่มีหน้าที่ดูแลให้คำแนะนำและตรวจสอบทรัพย์สินวัด และได้พิจารณารายละเอียดหลาย ๆ ประเด็น รวมถึงทำหนังสือถึงอัยการด้วย ส่วนกรณีการทยอยปิดบัญชีจะส่อเจตนาว่านายไชยบูลย์จะหนีหรือไม่ ก็ให้ประชาชน คิดเอง หรืออาจจะปิดบัญชีจากธนาคาร ที่ไกลวัดไปเปิดไว้กับธนาคารที่ใกล้วัดเพื่อความสะดวกก็ได้

อย่างไรก็ตามถ้าปรากฎหลักฐานชัดเจนว่าจะมีการหลบหนีอาจต้องพิจารณายึดเงินประกัน และในวันที่ 19 ต.ค.นี้จะส่งข้อมูลเพิ่มเติม ไปยังอัยการเกี่ยวกับบัญชีรายชื่อ และเม็ดเงินของผู้เกี่ยวข้องด้านการเงินที่มีการโอนเงินจากบัญชีวัดไปให้

อนึ่ง ก่อนหน้านี้สำนักงาน ตำรวจแห่งชาติประสานงานไปยัง กระทรวงการต่งประเทศให้ระงับการใช้หนังสือเดินทางของนายไชยบูลย์และพวกที่ตกเป็นผู้ต้องหาแล้ว