เดลินิวส์ 18/10/2542
ห้ามวัดธรรมกายปิดบัญชี-เงินฝาก
ตำรวจประสานกรมการศาสนาปิดช่องวัดพระธรรมกายเล่นเล่ห์ ติดต่อทุกแบงก์ห้ามวัดฉาวปิดบัญชี พร้อมให้เจ้าคณะจังหวัดปทุมฯ สั่งการด่วนไปที่วัดต่างหาก เชื่อกระแส"ไชยบูลย์"ลัดฟ้าไปต่างประเทศพร้อม เจรจาอัยการขอให้ฟ้องฉุกเฉิน ศิษย์ธรรมกาย ยังฟุ้งสรรพคุณ อภินิหาร "พระดูดทรัพย์" สามารถหยุดยั้งฝนฟ้าอากาศได้ ปิดปากสนิทเหตุฟ้าผ่าทำเอา "คำนึง เสมพูล" เสียชีวิต "ไชยบูลย" มาดซิ่งสวมแว่นดำใส่หมวกมาเป็นประธานปฏิบัติธรรม
ที่วัดพระธรรมกาย อ.คลองหลวง ปทุม ธานี เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 17 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายไชยบูลย์ สุทธิผล เจ้าลัทธิธรรมกายและผู้ต้องหาคดียักยอกทรัพย์ และเป็นเจ้าหน้าที่ประพฤติมิชอบได้มาร่วมกิจกรรมของวัดด้วย โดยนั่งในที่ประธานสงฆ์ ซึ่งนายไชยบูลย์ยังคงใช้ผ้าปิดปากปิดจมูก สวมแว่นตาดำ พร้อมทั้งสวมหมวกไหมพรมสีเหลืองจนมองแทบไม่เห็นใบหน้า ปล่อยให้พระมหาฉัตรชัย ฉัตรตันธโย พระลูกวัดพระธรรมกายกล่าวนำสวดมนต์ และนำนั่งสมาธิตามแบบธรรมกาย โดยมีสาวกมาร่วมกิจกรรมประมาณ 2,000 คน
กระทั่งเวลา 10.00 น. นายไชยบูลย์ได้ เดินทางออกจากสภาธรรมกายสากล โดยมีพระลูกวัดพระธรรมกายเดินประกบปีกซ้าย-ขวา พาไปขึ้นรถยนต์นั่งประจำตำแหน่ง ยี่ห้อเลกซัส ทะเบียน พห 6672 กท. ขับกลับออกไปโดยมีขบวนรถ รปภ. ขับคุ้มกันอย่างแน่นหนา
สำหรับบรยากาศโดยทั่ว ๆ ไปนั้น รายงานแจ้งว่า บริเวณเต็นท์ชมรมพุทธ 3 เหล่าทัพไม่ปรากฏว่ามีเจ้าหน้าที่ทหารบก จากสถาบันวิชาการ ทหารชั้นสูงมาจำหน่ายหนังสือ "พุทธศาสนาชะตาของชาติ" และ "ขบวนการล้มพุทธ" ของ ดร.เบญจ์ บาระกุล เหมือนเช่นที่เคย และบริเวณจุดตั้งตู้รับบริจาคต่าง ๆ ที่มีกระจายอยู่ทั่วไปเป็นจำนวนมากก็ค่อนข้างเงียบเหงา เพราะหลังพิธีช่วงเช้าบรรดาสาวกส่วนใหญ่ต่างก็ทยอยเดินทางกลับกัน
น.ส.ชุลีพร ช่วงรังษี เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์มูลนิธิธรรมกาย กล่าวถึงหนังสือ "พุทธศาสนาชะตาของชาติ" และ "ขบวนการล้มพุทธ" ที่กำลังเป็นปัญหาเสนอข้อความหมิ่นประมาทพระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตโต) ว่า ไม่ใช่เรื่องแปลก วัดอื่น ๆ ก็มีจำหน่าย เป็นสิทธิ์ที่ผู้ใดจะหาซื้อ และทางวัดพระธรรมกายไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตามจากการสังเกตของผู้สื่อข่าวพบว่าเจ้าหน้าที่วัดพระธรรมกาย ได้ขนย้ายหนังสือดังกล่าวจำนวนนับพันเล่มออกจากเต็นท์ชมรมพุทธ 3 เหล่าทัพ โดยใช้รถจี๊ปแวน ทะเบียน 4 ร-07448 กท. เป็นพาหนะ นอกจากนี้ยังได้มีนายทหารของกองทัพบกผู้หนึ่งซึ่งเป็นศิษย์ระดับแกนนำของวัดในชุดนอกเครื่องแบบ กล่าววิจารณ์ การทำงานของภาครัฐกับสาวกว่า ที่ผ่านมามีความพยายามยั่วยุคน ของวัดให้ปั่นป่วนและเคลื่อนไหวต่อต้าน เพื่อที่จะเข้ามา ปราบปรามภายในวัดฐานก่อความไม่สงบ ซึ่งกลยุทธ์นี้เป็นกลยุทธ์ทางทหาร คือปล่อยข่าวลือ สร้างข่าวเท็จ และทำให้แตกแยก เช่นเมื่อไม่นานมานี้มีการปล่อยข่าวจะจับกุมนายไชยบูลย์อีกทำให้ศิษย์ธรรมกายต้องอดหลับอดนอน แต่ก็ไม่มีการดำเนินการ ทำให้ศิษย์ธรรมกายเกิดความ เครียด ดังนั้นศิษย์ทุกคนจึงไม่ควรเคลื่อนไหว ใด ๆ ในขณะนี้ เพราะจะเป็นการเปิดโอกาสให้มีการเข้ามาจัดการวัดพระธรรมกายได้
อย่างไรก็ดีเป็นที่น่าสังเกตว่าก่อนหน้านี้ บุคคลในวัดพระธรรมกายหลายคนเคยให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า ดร.เบญจ์มีตัวตนจริง ผมขาว และเป็น ดร.จากต่างประเทศ รวมทั้งเคยนำเสียงของดร.เบญจ์มาออกอากาศภายในวัดในช่วงเวลา 12.00 น. ซึ่งเป็นช่วง ที่ผู้มาปฏิบัติธรรมได้พักผ่อนตามสบาย โดยครั้งนั้นได้ออกมาโจมตีการดำเนินการของพนักงานสอบสวนที่ดำเนินการนายไชยบูลย์ รวมทั้งระบุว่าหมายจับนายไขยบูลย์นั้นไม่ เป็นผล เนื่องจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่มี อำนาจในการดำเนินการ และผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทยไม่มีอำนาจในการอนุมัติหมายจับ เพราะสำนักงานตำรวจแห่งชาตินั้นเป็นหน่วยงานที่ขึ้นตรงกับนายกรัฐมนตรี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางวัดได้ประกาศเชิญชวนให้หัวหน้าบ้านกัลยาณมิตรเดินทางไปร่วมปฏิบัติธรรมพิเศษที่บ้านพัก "สวนพนาวัฒน์" จ.เชียงใหม่ ตั้งแต่เย็นวันที่ 17 ต.ค. เป็นเวลา 1 สัปดาห์ และในวันที่ 14-24 พ.ย. จะมีโครงการที่"สวนเพชรแก้ว" จ.เชียงใหม่อีก นอกจากนี้ทางวัดยังเปิดรับอาสาสมัครที่มีความรู้ด้านภาษาต่างประเทศ โดยเฉพาะภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส จีน และพม่า เพื่อคอยต้อนรับชาวต่างชาติที่จะเดินทางมาร่วมงานฉลองมหาธรรมกายเจดีย์ในปี 2543 ซึ่งทางวัดอ้างว่าจะมีกว่า 1,000,000 คน
ขณะเดียวกัน พิธีกรที่จัดรายการ "สู้ต่อไป" ก็ได้ให้สาวกวัดพระธรรมกายขึ้นมาอวดอ้างโปรโมตสรรพคุณของ "พระมหาสิริราชธาตุ" ว่า สามารถกำหนดให้ฝนตกหรือหยุดตกได้ แต่ไม่ได้กล่าวถึงเรื่องฟ้าผ่า ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่นานเคยผ่าใส่นายคำนึง เสมพูล กลางวัดพระธรรมกาย จนเสียชีวิตมาแล้ว
วันเดียวกัน พระมหาปัญญา ขันติธัมโม รักษาการเจ้าคณะอำเภอคลองหลวง กล่าวถึงความคืบหน้า ในการสั่งพัก ตำแหน่งเจ้าอาวาสของนายไชยบูลย์ว่า แม้ขณะนี้จะมีเสียงท้วงติงจากพระปกครองชั้นเหนือ ๆ ขึ้นมา แต่พระครูปทุมกิจโกศล เจ้าอาวาสวัดสว่างภพ ในฐานะเจ้าคณะตำบลคลองหนึ่ง ซึ่งเป็นพระปกครองใกล้ชิดก็ยังคงยืนยันคำวินิจฉัยเดิมที่จะไม่สั่งพัก มันก็เป็นเรื่องของท่าน ขณะนี้มีการฟ้องร้องแค่คดีเดียว ซึ่งหากการสอบสวนของตำรวจพบว่ามีความผิดและมีการแจ้งข้อหาเพิ่มอีก พระครูปทุมกิจโกศลก็ต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น ตอนนี้ก็อยากจะให้โอกาสท่าน หากมีการแจ้งข้อหาเพิ่มอีกท่านอาจเปลี่ยนใจสั่งพักตำแหน่งก็ได้
สำหรับกรณีที่มีข่าวว่าทางวัดแจ้งจำนวนสามเณรเพื่อขอรับเงินสนับสนุนไม่ตรงกับความเป็นจริง พระมหาปัญญากล่าวว่า เรื่องนี้ขึ้นตรงกับศึกษาจังหวัดและกระทรวงศึกษาธิการโดยตรง ไม่ได้ผ่านทางเจ้าคณะอำเภอ ทางศึกษาธิการจังหวัดคงต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป ส่วนเรื่องที่นายไชยบูลย์สวมหมวก ใส่แว่นตาดำ มีผ้าคาดปากออกมานั่งเป็นประธานสงฆ์ที่วัดพระ ธรรมกายนั้นไม่ขอออกความเห็น ถ้าญาติโยม เขารับได้ก็ว่ากันไป อันนี้ถือเป็นความสามารถเฉพาะตัว
ในวันเดียวกันเมื่อเวลา 18.00 น. พล.ต.ท. วาสนา เพิ่มลาภ ผบช.สง.ก.ตร. ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีวัดพระธรรมกาย ได้เรียก ประชุมพนักงาน สอบสวนที่ดำเนินการตรวจสอบเรื่องบัญชีเงินฝากของวัดพระธรรมกายร่วมกับข้าราชการ ระดับสูงของกรมการศาสนา อาทินายไพบูลย์ เสียงก้อง อธิบดีกรมการศาสนา นายเชลียง เทียมสนิท หัวหน้านิติการฯ โดยในการประชุมครั้งนี้เป็นการหารือกัน ในเรื่องของบัญชีเงินฝาก ของวัดพระธรรมกายที่ขณะนี้มีการเคลื่อนไหวจากฝ่ายศิษย์วัดที่จะมีการปิดบัญชีทุกบัญชี
รายงานข่าวแจ้งว่า หัวหน้าพนักงานสอบสวนฯ ได้ขอความร่วมมือกรมการศาสนาในฐานะผู้ดูแลทรัพย์สินของวัด ให้ขอ ความร่วมมือไปยังธนาคารพาณิชย์ทุกแห่ง เพื่อระงับการเบิกจ่ายและปิดบัญชีเงินฝากของวัดทุกบัญชี เนื่องจากเห็นว่า นายไชยบูลย์นั้น ตกเป็นผู้ต้องหาคดียักยอกทรัพย์และเป็นเจ้าพนักงานประพฤติมิชอบ นอก จากนี้ให้ขอความร่วมมือไปยังพระสุเมธาภรณ์ เจ้า คณะจังหวัดปทุมธานี เพื่อให้มีหนังสือคำสั่งไปยังวัดพระธรรมกายห้ามเบิกถอนและปิดบัญชีเงินฝากทุกบัญชีด้วย
"ขณะที่มีความเคลื่อนไหวอย่างมากที่วัดพระธรรมกายต้องการปิดบัญชีเงินฝากทุกบัญชีจากทุกธนาคาร ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น จะทำให้พนักงานสอบสวนทำงานยากขึ้นไปอีก นอกจากนี้ยังมีความเชื่อว่า นายไชยบูลย์คงหนีคดีออกนอกประเทศแน่นอน จึงจำเป็น ต้องระงับการปิดบัญชีไว้ก่อน ที่สำคัญกำลังติดต่อสำนักงานอัยการสูงสุดอยู่ว่าจะขอให้มีการนำคดีวัดพระธรรมกายฟ้องฉุกเฉินด้วย"