เดลินิวส์ 16/10/2542
อัยการสั่งการตำรวจหาเพิ่มหลักฐานมัดไชยบูลย์อมเงินวัด
อัยการสั่งตำรวจตามหลักฐาน "ไชยบูลย์" อมเงินวัดซื้อที่ดินไส่ชื่อตัวเองเพิ่มพบพฤติกรรมอีก 2 จังหวัดเพชรบูรณ์-กาญจนบุรี ประกาศทยอยฟ้องแน่ ระบุเจอหลายกระทงอาจเข้าไปอยู่ในคุกเป็นสิบปี กองปราบฯเตรียมเสนอหลักฐานฟันอีกคดีรุกป่าที่เลย ชาวบ้านขายให้เป็นที่จับจองมือเปล่า แต่พอพระปลอมซื้อไปกลับออกเอกสารสิทธิ์ได้ในพริบตา กระทรวงต่างประเทศระงับพาสปอร์ตเจ้าลัทธิจานบินพร้อมสาวกอีก 3 คนแล้ว
เมื่อวันที่ 15 ต.ค. ที่สำนักงานอัยการสูงสุด สนามหลวง เวลา 10.00 น. พ.อ. (พิเศษ) ทองขาว พ่วงรอดพันธุ์ ในนามตัวแทนชาวพุทธนำกระเช้าดอกไม้ไปให้กำลังใจนายพันธ์ สุริยพร รองอัยการสูงสุดที่รับผิดชอบคดีนายไชยบูลย์ สุทธิผล เจ้าสำนักธรรมกาย
หลังจากรับมอบกระเช้าดอกไม้นายพันธ์กล่าวถึงความคืบหน้าในการพิจารณาสอบสวนคดีว่า อัยการสั่งให้พนักงานสอบสวนไปสืบหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม เกี่ยวกับการที่นายไชยบูลย์โอนเงินวัดไปให้ผู้ใกล้ชิดซื้อที่ดิน และใส่ชื่อตัวเองเป็นเจ้าของ ถือเป็นการยักยอกหรือเบียดบังทรัพย์ เท่าที่พบหลักฐานแน่ชัดมีการโอนเงินไปกว้านซื้อที่ดินที่ จ.เพชรบูรณ์ และ จ.กาญจนบุรี นอกเหนือจากที่ จ.พิจิตร และ จ.ชลบุรี ที่ยื่นฟ้องแล้ว
พฤติกรรมใหม่ที่พบ พนักงานสอบสวนกำลังรวบรวมรายละเอียดของพยานหลักฐานอยู่ หากอัยการได้รับหลักฐานครบถ้วนสมบูรณ์ก็จะสั่งฟ้องนายไชยบูลย์เพิ่มอีก สำหรับคดีที่มีการสั่งฟ้องนายไชยบูลบ์แล้วมีอยู่ 5 กระทง โดยผิด 2 ข้อหา โดยข้อหาแรกเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามมาตรา 157 มีโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี ปรับตั้งแต่ 2,000-20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ อีกข้อหาคือเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติยักยอกทรัพย์ตามมาตรา 147 ต้องโทษจำคุกตั้งแต่ 5-20 ปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ 2,000-40,000 บาท ถือเป็นคดีความที่มีโทษไม่น้อย
อย่างไรก็ตาม การกำหนดโทษขึ้นกับดุลพินิจของศาลว่าจะลงโทษอย่างไร โดยเฉพาะมีการกระทำผิดต่างกรรมต่างวาระกันหลายกระทงความผิด หากถูกลงโทษแค่กระทงละ 5 ปี รวมแล้วโทษทั้งหมดอาจถูกจำคุกนานเป็นสิบปีได้
นายสมภพ โรจนพันธ์ ที่ปรึกษาและคณะทำงาน นายวิชัย ตันศิริ รมช.ศึกษาธิการ เปิดเผยถึงการเคลื่อนไหวคัดค้านร่าง พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พระภิกษุและฆราวาสบางกลุ่มว่า ภายหลังจากที่มีการเสนอข่าวเกี่ยวกับการร่าง พ.ร.บ.คณะสงฆ์ขึ้นฉบับใหม่ ปรากฏว่ามีวัดหลายแห่งและประชาชนบางกลุ่มออกมาเคลื่อนไหวคัดค้านร่าง พ.ร.บ. คณะสงฆ์ฉบับดังกล่าว โดยเข้าใจผิดว่าเป็นร่างของกรมการศาสนา กระทรวงทรวงศึกษาธิการ และยังเข้าใจผิดด้วยการเข้าใจว่าร่างกฎหมายฉบับนี้ มีสาระส่อไปในลักษณะเปิดโอกาสให้ฆราวาส ปกครองสงฆ์ ซึ่งไม่เป็นความจริงตามที่มีการกล่าวอ้างกัน
ทั้งนี้ ในความเป็นจริงแล้วกระทรวงศึกษาธิการมิได้เป็นผู้ร่าง พ.ร.บ.คณะสงฆ์ฉบับนี้ เป็นร่างของคณะกรรมาธิการศาสนาฯ สภาผู้แทนราษฎร กระทรวงศึกษาฯ เพียงแต่ได้มีการแสดงความคิดเห็น และได้มีการเตรียมคณะทำงานขึ้นเพื่อศึกษาปัญหา ทั้งนี้เพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2540 ตามมาตรา 73 ที่บัญญัติให้รัฐต้องให้ความอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนาเท่านั้น ดังนั้นผู้ที่นำเรื่องนี้ไปเผยแพร่ต่อสาธารณชน ก็เท่ากับเป็นการโกหก หากต้องการนำไปเผยแพร่ก็ควรบอกถึงผู้ร่างที่ถูกต้องด้วย
ทางด้านความคืบหน้าในการตรวจสอบที่ดินที่เกี่ยวข้องกับวัดพระธรรมกายที่ จ.เลย มีรายงานแจ้งว่า พนักงานสอบสวนพบว่ามีการกว้านซื้อที่ดินในเขต อ.ด่านซ้ายอีกหลายแปลง ประมาณ 300 ไร่ บางส่วนเป็นชื่อของศิษย์ธรรม กาย ซึ่งเตรียมโอนให้เป็นชื่อของนายไชยบูลย์ ในที่ดินจำนวนนี้มีพฤติกรรมไม่ชอบมาพากล กล่าวคือมีนายหน้าไปกว้านซื้อที่ดินที่ไม่มีหลักฐาน หรือเป็นที่ดินสิทธิทำกิน แต่ภายหลังกลับมีเอกสารสิทธิ์ นส. 3 ก. โดยชาวบ้านรายหนึ่งเปิด เผยว่าได้ขายที่ดินไป 40 กว่าไร่ ในราคา 480,000 บาท เป็นที่ดินไม่มีหลักฐาน แต่ไม่ทราบว่าภาย หลังมีเอกสารสิทธิ์ นส. 3 ก.
ทั้งนี้ การอนุมัติออกเอกสารสิทธิ์ นส. 3 ก. ให้กับที่ดินแปลงที่ไม่ถึง 50 ไร่นั้น เป็นอำนาจของนายอำเภอ และล่าสุดมีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องรวมทั้งเจ้าหน้าที่ที่ดินได้หลบหนีไปแล้ว
รายงานข่าวจากกระทรวงการต่างประเทศแจ้งว่า เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ประสานงานขอความร่วมมือจากกองหนังสือเดินทาง กระทรวงการต่างประเทศ พิจารณาระงับการใช้หนังสือเดินทางทุกฉบับของผู้ต้องหาคดีวัดพระธรรมกาย 4 คน ประกอบด้วย นายไชยบูลย์ สุทธิผล นายถาวร พรหมถาวร นายเทิดชาติ ศรีนพรัตน์ และนายมัยฤทธิ์ ปิตวนิค เป็นการชั่วคราว เพื่อประโยชน์ในการสืบสวนสอบสวนคดีนี้ ซึ่งทางกองหนังสือเดินทางได้ดำเนินการตามที่ได้รับการร้องขอเรียบร้อยแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 14 ต.ค. มีศิษย์ธรรมกายเคลื่อนไหวตามสถานที่ต่าง ๆ ใน จ.เชียงใหม่ เพื่อแจกจ่ายใบปลิวเชิญชวนให้เข้าร่วมเสวนาเกี่ยวกับร่าง พ.ร.บ.ปกครองสงฆ์ ที่หอ ประชุมมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในวันที่ 16 ต.ค. เวลา 13.00 น. ซึ่งใบปลิวดังกล่าวมีข้อความว่า "พุทธศาสนากำลังมีภัย ขอเชิญชาวพุทธร่วมปกป้องพระพุทธศาสนา" สำหรับผู้ร่วมเสวนาประกอบด้วย นายคณิน บุญสุวรรณ ดร.บุญทัน ดอกไทสง
แหล่งข่าวรายหนึ่งเปิดเผยว่า งานเสวนาครั้งนี้มีการนิมนต์พระราชพุทธิญาณ เจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ มาเป็นประธาน และมีการเกณฑ์พระเณรจากวัดต่าง ๆ ในจังหวัดไปร่วมงานเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ ในวันที่ 16 ต.ค. ที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) วิทยาเขตเชียงใหม่ ยังมีการจัดประชุม มจร.ทุกวิทยาเขตด้วย โดยพระราชวรมุนี อธิการบดี มจร. เดินทางมาเป็นประธานในการประชุม.
ด้านพระสุเมธาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี วัดมูลจินดาราม เปิดเผยว่า ได้มีพระลูกวัดพระธรรมกายเดินทางมาส่งหนังสือ ขออนุมัติต่อวีซ่าของพระชาวต่างประเทศจำนวน 6 รูปให้อาตมาลงนาม ซึ่งก็ได้ลงนามอนุมัติไปตามที่ร้องขอ หากแต่มีข้อที่น่าสังเกตว่าหนังสือดังกล่าว ลงนามโดยพระทัตตชีโว รักษาการเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย จึงได้สอบถามพระลูกวัดพระธรรมกายไปว่า ขณะนี้นายไชยบูลย์หายจากอาการป่วยไข้และได้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว ทำไมถึงไม่ลงนามเอง เพราะเห็นว่ากลับมาอยู่ที่วัดเหมือนปกติแล้วมิใช่หรือ ซึ่งได้คำตอบกลับมาว่า ขณะที่เดินทางมาส่งหนังสือนี้นายไชยบูลย์ ได้กลับมาเจ็บป่วยและกลับเข้ารับการรักษาตัวอีกครั้ง เมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมา จึงยังคงให้พระทัตตชีโวรักษาการในตำแหน่งเจ้าอาวาสต่อไปอีก
ในส่วนของการปลดนายไชยบูลย์ออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายนั้น ขณะนี้ทราบมาว่าเจ้าคณะตำบลคลองหนึ่งปฏิเสธ ที่จะเปลี่ยนคำวินิจฉัยการถอดถอนนายไชยบูลย์ตามที่ได้สั่งการลงไป อย่างไรก็ตามยอมรับว่าตามกฏมหาเถรสมาคม ได้ให้อำนาจสิทธิ์ขาดการพิจารณาแก่เจ้าคณะตำบลเป็นผู้ชี้ขาด แม้จะเป็นผู้ปกครองสูงสุดในระดับจังหวัดก็ไม่สามารถเข้าไปก้าวก่ายได้
สำหรับกระแสเรียกร้องให้มีการปลดเจ้าคณะตำบลคลองหนึ่งออกจากตำแหน่ง อันเนื่องมาจากการปฏิบัติหน้าที่มิชอบนั้น เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ทั้งนี้จะต้องหารือกับพระเถระชั้นผู้ใหญ่เสียก่อน แต่ถ้ามีผู้ร้องเรียนเข้ามาก็จะดำเนินการให้ทันที แต่ผู้ที่ร้องเรียนจะต้องมีคุณสมบัติเป็นผู้ที่อยู่ใน "เขตบุญ" เรือเคยเข้ามามีส่วนได้เสียในวัดสว่างภพ อย่างเช่นเคยไปทำบุญหรือบริจาคที่ดินให้วัด ร่วมถึงพระหรือญาติโยมในวัดก็สามารถร้องเรียนได้ ซึ่งหากมีการทำเรื่องร้องเรียนเข้ามาอย่างเป็นทางการและมีความถูกต้อง ก็จะดำเนินการสอบสวนความผิดให้ต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า นายประทีป หงษ์โสภา ศึกษาธิการจังหวัดปทุมธานี ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมวัดสว่างภพตามที่มีผู้ร้องเรียนว่า พระครูปทุมกิจโกศล เจ้าคณะคลองหนึ่ง รายงานข้อมูลเท็จเกี่ยวกับจำนวนนักเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญ เพื่อของบประมาณจากกรมการศาสนา แต่ปรากฏว่าการตรวจเยี่ยมในครั้งนี้ ได้มีสาวกลัทธิธรรมกาย เดินทางมาคอยสังเกตการณ์และบันทึกวีดิโอเทปไว้ ซึ่งพระครูปทุมกิจโกศลกล่าวยืนยันว่า ในวัดสว่างภพมีพระเณรตามจำนวนที่ระบุจริง แต่ด้วยช่วงเวลานี้เป็นช่วงปิดภาคเรียนจึงไม่มีพระเณรให้ตรวจสอบได้ครบตามจำนวน ศึกษาธิการจังหวัดจึงได้เดินทางกลับ และจะกลับมาตรวจหาความถูกต้องอีกครั้ง ในวันเปิดภาคเรียน
อย่างไรก็ตาม ขณะที่ศึกษาธิการจังหวัดกำลังตรวจราชการอยู่นั้น ได้มีชาวบ้านบริเวณใกล้วัดได้ร้องเรียนพฤติกรรมของเจ้าคณะตำบลคลองหนึ่งด้วย