เดลินิวส์ 13/10/2542
เบื้องหลังไม่สั่งพักไชยบูลย์
พระสุเมธาภรณ์"แฉสุดลิ่ม เบื้องหลังคำวินิจฉัยไม่สั่งพัก"ไชยบูลย์" ธรรมกายดุนหลังเจ้าคณะตำบล ระบุมีเจตนาขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชาไม่ยอมรายงานเหตุผลการวินิจฉัยให้ทราบ ยันต้องลงดาบสั่งสอนถอดถอนพ้นเก้าอี้ หลังให้อภัยกรณีลบหลู่พระลิขิตสมเด็จพระสังฆราช สัปดาห์หน้าออกหมายจับไชยบูลย์พร้อมศิษย์ธรรมกายอีกรอบ 2 แพทย์ธรรมกายดิ้นยื่นหนังสือแพทยสภาขอความเป็นธรรม อ้างถูกตราหน้าเป็นจำเลยสังคม เตรียมดำเนินคดี"ดรเบญจ์ บาระกุล" 2 ข้อหาใหญ่ "หมิ่นประมาท-เขียนหนังสือกระทบความมั่นคงต่อชาติ"
ที่วัดมูลจินดาราม เมื่อเวลา 9.30 น. วันที่ 12 ต.ค.นายไพบูลย์ เสียงก้อง อธิบดีกรมการศาสนา นายสุทธิวงศ์ ตันตยาพิศาลสุทธิ์ รองอธิบดีกรมการศาสนา พร้อมด้วยคณะได้เดินทางเข้านมัสการพระสุเมธาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี เพื่อสอบถามถึงความคืบหน้าของหนังสือที่กรมการศาสนาส่งมา เพื่อเสนอให้ดำเนินการสั่งพักตำแหน่งนายไชยบูลย์ สุทธิผล เจ้าลัทธิธรรมกาย และเป็นผู้ต้องหาคดีอาญา ตามกฎมหาเถรสมาคมฉบับที่ 24 โดยการเข้าพบครั้งนี้ได้รับแจ้งจากพระสุเมธาภรณ์ว่า พระครูปทุมกิจโกศล เจ้าคณะตำบลคลองหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาใกล้ชิดได้มีคำวินินจฉัยออกมาแล้วว่า ไม่สมควรสั่งพักตำแหน่ง แต่ก็ยังไม่ได้มีการส่งมาให้เจ้าคณะจังหวัดอย่างเป็นทางการ เพียงรับทราบจากการหารือภายในเท่านั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นคณะของอธิบดีกรมการศาสนาได้เข้านมัสการพระมหาปัญญา ขันติธัมโม เจ้าอาวาสวัดบางหลวงและรักษาการเจ้าคณะอำเภอคลองหลวง เพื่อขอรับสำเนาคำวินิจฉัยของพระครูปทุมกิจโกศลเพื่อนำกลับไปพิจารณาต่อที่กรมการศาสนา หลังจากได้รับสำเนาแล้วอธิบดีกรมการศาสนาได้อ่านคำวินิจ ฉัยอย่างละเอียด ก่อนที่จะกล่าวกับพระมหาปัญญาว่า หากทางโลกมีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมต่อนายไชยบูลย์ เจ้าคณะตำบลอาจจะเปลี่ยนใจสั่งพักตำแหน่งนายไชยบูลย์ก็ได้
ภายหลังจากเสร้จสิ้นภารกิจที่วัดบางหลวงแล้ว อธิบดีกรมการศาสนาพร้อมคณะได้เดินทางต่ไปยังวัดสว่างภพ เพื่อเข้านมัสการพระครูปทุมกิจโกศล เจ้าคณะตำบล ซึ่งเมื่อไปถึงนั้นพระครูปทุมกิจโกศลกำลังอยู่ระ หว่างการฉันเพล เมื่อฉันเพลเสร็จก็ได้ออกมาต้อนรับคณะของอธิบดีกรมการศาสนา โดยนายไพบูลย์ได้ถามเรื่องการวินิจฉัยสั่งไม่พักตำแหน่งนายไชยบูลย์ ปรากฎว่าพระครูปทุมกิจโกศลยืนยันว่า นายไชยบูลย์อยู่ในตำแหน่งก็ไม่น่าจะเกิดผลเสียหายประการใดต่อพระพุทธศาสนา เมื่อได้ยินดังนั้นนายไพบูลย์จึงหยุดการซักถาม เป็นที่น่าสังเกตว่า ระหว่างหารือพระมหาชัยยะ พระลูกวัดของวัดพระธรรมกายนั่งประกบพระครูปทุมกิจโกศลตลอดเวลา
หลังการนมัสการเจ้าคณะตำบลเสร็จสิ้น นายไพบูลย์กล่าวว่า ความจริงแล้วกรมการศาสนาส่งหนังสือมา ให้เจ้าคณะจังหวัดเพื่อให้พิจารณากรณีที่มีพระสังฆาธิการถูกศาลสั่งประทับรับฟ้องคดีอาญา และขอทราบแนวทางการวินิจฉัยซึ่งเป็นหน้าที่ของเจ้าคณะตำบลคลองหนึ่ง ซึ่งเมื่อได้มาพบและพูดคุยแล้วก็ทราบถึงความคิดของเจ้าคณะตำบลที่ไม่สั่งพักตำแหน่ง เมื่อคำวินิจฉัยออกมาเช่นนี้เจ้าคณะตำบลก็คงจะต้องรับผิดชอบ
"ขณะนี้ผมยังให้ความเห็นในเรื่องนี้ไม่ได้ เพราะกำลังอยู่ระหว่างการนำเสนอตามลำดับชั้น เพื่อให้เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีได้พิจารณาวินิจฉัย จึงต้องรอผลจากเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีก่อน อย่างไรก็ตามได้แจ้งให้เจ้าคณะจังหวัดปทุมฯทราบแล้วว่า หากชี้ขาดเช่นใดกรมการศาสนาก็จะดำเนินการต่อไปตามขั้นตอน โดยจะรายงานให้รมว.ศึกษาธิการทราบและเสนอให้มหาเถรฯพิจารณา"
ด้านพระสุเมธาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีกล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานเกี่ยวกับคำวินิจฉัย แต่เหมือนว่าเจ้าคณะตำบลมีเจตนาที่จะบิดพลิ้วไม่ยอมรายงานเหตุลให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ดังนั้นอาจจะต้องมีการพิจารณาถอดถอนเจ้าคณะตำบล หากให้เหตุผลเรื่องคำวินิจฉัยไม่ดีพอ โดยในวันที่ 13 ต.ค.จะเชิญเจ้าคณะตำบลมาพบเพื่อชี้แจงเหตุผลอีกครั้ง ที่ผ่านมานั้นก็แทบไม่พบตัวเจ้าคณะตำบล และติดต่อก็ยากลำบากมาก
พระสุเมธาภรณ์กล่าวด้วยว่า ที่น่าสังเกตอีกอย่างหนึ่งก็คือ คำวินิจฉัยของเจ้าคณะตำบลนั้นอาจจะไม่ใช่ความคิดของเจ้าคระตำบลเอง อาจจะมีคนของวัดพระธรรมกายอยู่เบื้องหลังก็ได้ ที่สำคัญเจ้าคณะตำบลเคยมีความผิดมาก่อนเรื่องลบหลู่พระลิขิต ของสมเด็จพระสังฆราช ซึ่งในครั้งนั้นก็ได้ให้อภัย แต่ครั้งนี้เป็นความผิดซ้ำสองคงต้องลงโทษ แต่หากสั่งพักตำแหน่งเจ้าคณะตำบลก็เป็นเรื่องยากที่จะต้องหาพระรูปอื่นมารักษาการแทน
"พระที่จะมาทำหน้าที่ตรงนี้จะต้องมีความรู้ความสามารถเพียงพอ ซึ่งไม่จำเป็นจะต้องเป็นพระในวัดสว่างภพก็ได้ ดังนั้นการจะสั่งพักตำแหน่งเจ้าคณะตำบลนั้นต้องหาผู้ที่เหมาะสมมาดำรงตำแหน่งนี้ให้ได้ก่อน และจะต้องหารือกับพระผู้ใหญ่ด้วย แต่เมื่อ 2-3 วันก่อนได้เดินทางไปกราบนมัสการพระเถระชั้นผู้ใหญ่ที่เป็นกรรมการมหาเถรฯ ท่านก็แนะนำมาว่าน้ำเชี่ยวอย่าเอาเรือขวาง การดำเนินการต่างๆก็ขอให้ไปเรื่อยๆต่อไป"
นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเปิดเผยถึงความคืบหน้า ในการดำเนินการเกี่ยวกับปัญหาวัดพระธรรมกายว่า ขณะนี้นายไชยบูลย์อยู่ในฐานะจำเลยในคดียักยอกทรัพย์ ถือเป็นคดีอาญา ซึ่งได้มอบให้กรมการศาสนาทำหนังสือแจ้งไปยังเจ้าคณะตำบล ผู้รับผิดชอบ เจ้าคณะอำเภอและเจ้าคณะจังหวัด โดยแจ้งถึงกฎมหาเถรสมาคมว่าเป็นอย่างไร สภาพความรู้สึกของสังคมเป็นอย่างไร อยากให้สำนึกว่าการอยู่ร่วมกันในสังคมต้องเคารพกติกาสังคม ดูข้อเท็จจริงในสังคมที่เกิดขึ้น จะยึดหลักตีความเพียงให้คนหนึ่งคนใดได้ประโยชน์ จะเกิดความเสียหาย เห็นว่าเจ้าคณะตำบลพยายามใช้กฎมหาเถรฯเพื่อประโยชน์ซึ่งกันและกันอยู่
พล.ต.ท.วาสนา เพิ่มลาภ ผบช.สง.ก.ตร. ในฐานะหังหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีวัดพระธรรมกายกล่าวว่า สามารถที่จะดำเนินการกับนายไชยบูลย์ตามที่กระแสสังคมต้องการได้ เพราะดูจากพยานหลักฐานแล้วมีความชัดเจนมากพอที่จะพิสูจน์ความผิดของนายไชยบูลย์ แต่ก็ยอมรับว่าการทำคดีนี้เป็นไปด้วยความยุ่งยากและพยานหลักฐานก็อยู่ในฝ่ายจำเลยเป็นส่วนใหญ่
ในวันเดียวกันที่แพทยสภา นายแพทย์พรชัย พิญญพงษ์ แพทย์ประจำมูลนิธิธรรมกาย และนายแพทย์บันลือ กองไชย ซึ่งเป็นผู้ร่วมลงนามในใบรับรองแพทย์ให้แก่นายไชยบูลย์ว่าป่วย ไม่สามารถเดินทางไปรับฟังคำฟ้องที่ศาลอาญาได้ตามที่สำนักงานอัยการสูงสุดนัด ได้เดินทางมายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อแพทยสภา โดยมีศ.นายแพทย์สมศักดิ์ โล่ห์เลขา อุปนายกแพทยสภาเป็นผู้รับเรื่อง
จากนั้นน.พ.สมศักดิ์ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า อนุกรรมการจริยธรรมยังไม่ได้บอกว่าใครผิดใครถูก และการพิจารณาคงไม่ได้เข้าข้างใคร การที่บางครั้งอนุกรรมการจริยธรรมสรุปว่าเรื่องมีมูลก็ไม่ได้หมายความว่าถึงที่สุดแล้วจะมีความผิด เพราะบางครั้งต้องมีการสอบสวนให้ลึกลงไปในรายละเอียดเพื่อจะได้เกิดความชัดเจน ด้านน.พ.พรชัยกล่าวว่า ได้ตกเป็นจำเลยต่อสังคมร่วมกับน.พ.บันลือทั้งที่ไม่มีการพิสูจน์แน่ชัดเลยว่าใบรับรองที่ออกมานั้น เป็นเท็จหรือไม่ เพราะได้รักษาอาการเจ็บป่วยของนายไชยบูลย์มานานยืนยันว่ามีอาการหนักมาก แต่แพทย์จากรพ.ตำรวจมาทำการตรวจแค่ 7 นาทีกลับบอกว่าไม่เป็นอะไร อย่างนี้เป็นการสร้างความขัดแย้งในหมู่แพทย์ทำให้เกิดความสับสน แพทยสภาจะต้องพิจารณาด้วยว่าจะใช้มาตรฐานในการรักษาอย่างไร
ส่วนที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.สมบัติ อมรวิวัฒน์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานสอบสวนกรณีที่มีการเผยแพร่หนังสือโจมตีพระธรรมปิฎก เจ้าอาวาสวัดญาณเวสกวันเปิดเผยว่า หลังจากได้รับมอบหมายให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่า ดร.เบญจ์ บาระกุล ซึ่งเป็นผู้เขียนหนังสือโจมตีพระธรรมปิฎกนั้นมีตัวตนอยู่จริง และยังอยู่ในประเทศไทย มีการเดินทางเข้า-ออกกรุงเทพ-ลอสแองเจลิสอยู่ตลอด โดยดร.เบญจ์นี้อยู่ฝ่ายตรงข้ามกับพระธรรมปิฎก
"ขณะนี้กำลังให้กองคดี กองวิชาการและเจ้าพนักงานการพิมพ์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติพิจารณาในข้อกฎหมายว่า หนังสือดังกล่าวขัดกัยพ.ร.บ.การพิมพ์หรือไม่ ซึ่งหากชี้ว่าขัด ดร.เบญจ์ก็จะถูกดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการดล่าวหาบุคคลอื่นโดยไม่มีมูลความจริง และความผิดฐานทำสิ่งพิมพ์ที่ขัดต่อพ.ร.บ.การพิมพ์และมีผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติด้วย"
ในวันเดียวกันที่กองปราบปราม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.30 น. นายบวรเทพ จาติกวนิช ซึ่งเป็นผู้หนึ่งที่ได้รับเช็คเงินสกจากวัดพระธรรมกาย ลงนามโดยนายไชยบูลย์จำนวน 3 ล้านบาทได้เดินทางมาให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวน พร้อมนำหลักฐานเป็นเช็คเงินสดจำนวน 1.4 ล้านบาทมาแสดงต่อเจ้าพนักงาน โดยนายบวรเทพกล่าวว่า เช็คเงินสดที่ได้รับมานั้นทางวัดจ่ายเป็นค่าติดตั้งเครื่องบำบัดน้ำเสียในวัด ซึ่งตนเองทำธุรกิจนี้อยู่
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า เมื่อวันที่ 8 ต.ค.ที่ผ่านมา น.ส.ชนัสนันท์ สุขุมพานิช ซึ่งเป็นผู้หนึ่งที่บริจาคที่ดินให้กับวัดพระธรรมกายร่วมกับนายสอง วัชรศรีโรจน์ ได้เดินทางมาร้องเรียนต่อพนักงานสอบสวนคดีวัดพระธรรมกาย กรณีบริษัทดีเวิลด์ จำกัด โดยนางจีรวัฒน์ ศรีสัตนา ไม่ยอมดำเนินการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินที่ซื้อจากโครงการตะวันทองจำนวน 100 ตารางวา เป็นเงิน 3.5 แสนบาทตั้งแต่ปี 2533 แม้จะมีการทวงถามเจ้าของโครงการหลายครั้งแล้วแต่ทางบริษัทก็พยายามบ่ายเบี่ยง โดยอ้างว่าไม่สามารถหาเจ้าของที่ดินเดิมมาโอนให้ได้ อย่างไรก็ตามขณะนี้พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ผกก.1ป.ได้ทำหนังสือถึงพล.ต.ท.วาสนาให้พิจารณาว่าจะโอนเรื่องให้กองปราบปราม ดำเนินการหรือให้พนักงานสอบสวนคดีวัดพระธรรมกายเป็นผู้ดำเนินการ
มีรายงานข่าวแจ้งว่า บริษัทดีเวิลด์นั้นเป็นบริษัทที่ทำกิจการค้าน้ำมันเชื้อเพลิงทุกชนิด และผลิตภัณฑ์ปิโตรเลี่ยม เป็นตัวแทนนำเข้าและส่งออกสินค้าประเภทเครื่องมือสื่อสาร โทรคมนาคม เครื่องคอมพิวเตอร์และอะไหล่ของสินค้า ทั้งนี้ในบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นนั้นปรากฎชื่อของนางจีรวัฒน์เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ รวมทั้งมีชื่อสามีของนางจีรวัฒน์ ชื่อของพระ 2 รูปคือพระถวัลย์ศักดิ์และพระอำนวยศักดิ์ เมื่อครั้งเป็นฆราวาสด้วย
ในวันเดียวกันพนักงานสอบสวนได้มีหนังสือถึงเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดปทุมธานี สาขาคลองหลวงเพื่อขอสำเนาโฉนดที่ดินที่มีชื่อนายไชยบูลย์ซึ่งเป็นที่ดินฝั่งตรงข้าม วัดพระธรรมกายจำนวน 30 ฉบับตั้งแต่เลขที่ 50126-50169 มาประกอบคดีด้วย นอกจากนี้พนักงานสอบสวนได้เดินทางไปตรวจข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับที่ดินในจังหวัดเพชรบูรณ์ เพื่อดูเส้นทางการเงินและเอกสารหลักฐาน โดยเบื้องต้นมีหลักฐานแน่นหนาที่จะมัดตัวนายไชยบูลย์ นายถาวร พรหมถาวร น.ส.อมรรัตน์ สุวิพัฒน์ และนายมัยฤทธิ์ ปิตวณิชแล้ว ซึ่งได้เตรียมที่จะเสนอให้ออกหมายจับแล้ว คาดว่าจะดำเนินการได้ในสัปดาห์หน้า