เดลินิวส์ 12/10/2542
อุ้ม'ไชยบูลย์'สุดตัวยันไม่ผิด-ไม่ปลด
เจ้าคณะตำบลคลอง 1 ประกาศแล้ว ไม่สั่งปลด"ไชยบูลย์"อ้าง มีอำนาจเต็มท ี่เท่าที่ดู ไม่มีอะไรเสียหาย พร้อม กับให้ "ลาพัก" พอหายดีค่อยกลับมาตำแหน่งเดิม ขณะที่เจ้าคณะอำเภอบอกตัดสินใจอย่างนี้ต้องรับกรรมไป จะปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดก่อน ศึกษาธิการเร่งขอมติมหาเถรฯ ฟัน เตรียมออกหมายจับพระชั้นในอีกราย ขนเงินออกต่างประเทศเปิดแอล/ซี ซื้อสินค้าจาก 5 ประเทศในราคาสูงเกินจริง
เมื่อวันที่ 11 ต.ค. เวลา 10.00 น. พระครูปทุมกิจโกศล เจ้าคณะตำบลคลองหนึ่ง เปิดเผยว่า ได้พิจารณาหนังสือสั่งการที่มีการเสนอให้ปลดนายไชยบูลย์ สุทธิผล เจ้าลัทธิธรรมกาย ออกจากตำแหน่งแล้ว ในฐานะที่เป็นผู้บังคับบัญชาใกล้ชิดได้เข้าไปตรวจสอบวัดพระธรรมกายและผู้ที่เกี่ยวข้อง เห็นว่า ยังไม่ถึงขั้นที่จะเป็นการเสียหายแก่วงการสงฆ์ จึงไม่เห็นสมควรให้ปลด โดยได้เสนอความเห็นไปในวันนี้ แต่จะให้นายไชยบูลย์ลาพักจากตำแหน่งได้ตามที่ขอมา
หนังสือคำวินิจฉัยนี้ได้เสนอให้ เจ้าคณะอำเภอและเจ้าคณะจังหวัด ไปแล้ว ซึ่งได้พิจารณาเหตุผลประกอบหลายอย่าง การปกครองสงฆ์ยืดหยุ่นต่างจากทางโลก มีระดับชั้นปกครองที่ชัดเจน ธรรมกายมีพระภิกษุสามเณร อุบาสกอุบาสิกาจำนวนมาก ทั้งหมดต้องดำเนินกิจกรรม ศึกษาเล่าเรียน จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องสั่งปลดพระและวัดยังต้องการที่พึ่ง เชื่อว่าคงไม่มีปัญหาในเรื่องการทุจริตหรือปกปิดข้อมูลแต่อย่างใด
ส่วนการขอลาพักของนายไชยบูลย์นั้นเมื่อหายป่วยก็กลับมารับตำแหน่งเดิมคืนได้ ถ้าเจ้าคณะอำเภอ และเจ้าคณะ จังหวัดไม่เห็นชอบด้วยให้กลับมาวินิจฉัยใหม่นั้นก็ต้องมีเอกสารหลักฐานประกอบมาด้วยจึงจะพิจารณา แต่ขอยืนยันในจุดยืนนี้ว่าจะไม่มีการเปลี่ยนคำวินิจฉัย และมั่นใจว่าที่ได้วินิจฉัยไปนั้นถูกต้องแล้ว
"หากเจ้าคณะจังหวัด จะสั่งลงโทษคงต้องยอมรับ แต่มั่นใจว่า คงไม่ทำ เพราะอำนาจวินิจฉัย เป็นสิทธิ์ขาดของอาตมา ส่วนประชาชนที่มีความคิดเห็นแตกต่างไปจากนี้ จะด่าก็ให้ด่าไป แต่ละคนมีจุดยืนของตัวเอง" ขณะเดียวกันพระมหาชัยยะ อดีตพระลูกวัด ของวัดพระธรรมกาย และพระเลขาฯเจ้าคณะตำบลกล่าวว่า พระครูปทุมกิจโกศลดูแลวัดพระธรรมกายมากว่า 20 ปี จึง วินิจฉัยไม่เห็นควรให้ปลดนายไชยบูลย์ สิ่งที่ได้ทำไปนั้นถือว่าได้ทำตามหน้าที่ เชื่อว่าพระผู้ใหญ่คงต้องพูดคุยสอบถามหาเหตุผลก่อน ในส่วนตัวถึงแม้จะเป็นอดีตพระลูกวัด ของวัดพระธรรมกายแม้จะมาช่วยงานเจ้าคณะตำบลแต่ก็ไม่เคยครอบงำชักจูงแต่อย่างใด
พระมหาปัญญา ขันติธัมโม เจ้าคณะ อำเภอคลองหลวง กล่าวว่า ยังไม่ได้รับหนังสือคำวินิจฉัยของเจ้าคณะตำบลคลองหนึ่ง แต่ผลต่อไป จะเป็นอย่างไรเจ้าคณะตำบลต้องรับกรรมไปตามนั้น แม้อำนาจหน้าที่ อาตมา จะพิจารณาความเห็นของเจ้าคณะตำบลได้ แต่อยากจะหารือกับเจ้าคณะจังหวัดก่อน และทันทีที่ได้รับ หนังสือจะนำเสนอเจ้าคณะจังหวัดทันที ส่วนที่มีการเสนอให้ถอด ถอนเจ้าคณะตำบลนั้นสามารถพิจารณาได้ ล่าสุดกรมการศาสนาได้สอบถามข้อเท็จจริงเรื่องนี้แล้ว คาดว่าจะมีเจ้าหน้าที่ของกรมเดินทางมาขอเอกสารคำวินิจฉัยต่อไป
ด้านพระสุเมธาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีเปิดเผยว่า ยังไม่ได้รับคำวินิจฉัยของเจ้าคณะตำบลยังพูดอะไรมากไม่ได้ แต่อย่างที่เป็นข่าวก็คงจะนิมนต์เจ้าคณะตำบลมาชี้แจงเหตุผลเพื่อ ที่จะได้รับฟังความคิดเห็น เชื่อว่าคงจะมีเหตุผลเพียงพอ แต่หากฟังไม่ขึ้นก็อาจจะมีคำสั่งให้ปฏิบัติตามคำร้องขอของกรมการศาสนา
"ตอนนี้ต้องแยกให้ออกหากเป็นหนังสือขอลาพักเจ้าคณะตำบลเห็นชอบได้เลย แต่ที่อาตมารออยู่คือหนังสือสั่งปลด หากวินิจฉัยว่าไม่ให้ปลด ก็ต้องมีเหตุผลที่ชัดเจนและฟังขึ้นเท่านั้น"
บ่ายวันเดียวกัน นายวิชัย ตันศิริ รมช. ศึกษาธิการได้เรียกนายไพบูลย์ เสียงก้อง อธิบดีกรมการศาสนามาหารือ โดยนายวิชัย กล่าวยืนยันให้มีการปลดนายไชยบูลย์ แทนการให้ลาพัก เพราะเจ้าอาวาสมีสถานะเหมือนผู้จัดการบริษัท ซึ่งข้อหาที่ศาลประทับ รับฟ้องนั้น เป็นความผิดเกี่ยวกับเรื่องผลประโยชน์ในวัด หากให้อยู่ในตำแหน่ง อาจส่งผลกระทบต่อรูปคดี จึงสั่งให้อธิบดีกรมการศาสนาเดินทางไปนมัสการเจ้าคณะตำบล เจ้าคณะ อำเภอและเจ้าคณะจังหวัด ประมวลข้อมูลทั้งหมดเสนอให้ที่ประชุมมหาเถรสมาคมพิจารณาและวินิจฉัยต่อไป
ด้านนายไพบูลย์กล่าวว่า จะเดินทางไปนมัสการเจ้าคณะต่าง ๆ ตามคำสั่งรมช.ศึกษาฯใน 2-3 วันนี้ อย่างไร ก็ตามกฎมหาเถรฯระบุไว้ชัดเจนแล้ว เชื่อว่าเจ้าคณะตำบลคงจะปฏิเสธไม่ได้ ส่วนเจ้าคณะ จังหวัด ปทุมธานี นั้นหากเห็นว่าคำวินิจฉัยของเจ้าคณะตำบลคลองหนึ่งขัดต่อกฎมหาเถรฯก็สามารถถอดถอนได้เช่นกัน
ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถนนรัชดา เมื่อเวลา 10.00 น. พ.ต.ท.จรุงวิทย์ ภุมมา รอง ผกก. 3 ป. พร้อมพวก นำนายเทิดชาติ ศรีนพรัตน์ และนายมัยฤทธิ์ ปิตวนิค คนสนิทของนายไชยบูลย์ ผู้ต้องหา ปลอมแปลงเอกสารและสนับสนุนให้เจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ มามอบให้นายอำพล เหมาคม อัยการ พิเศษ ฝ่ายคดีอาญา 5 พร้อมสำนวนการสอบสวนเพิ่มเติม จากนั้น น.ส.พรทิพย์ และ น.ส.พรรณทิพย์ พิริยะโยธิน นายประกัน ยื่นหลักทรัพย์เป็นสมุดเงินฝากธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาประชาชื่น ขอประกันตัวไป ทางพนักงานอัยการพิจารณาแล้วอนุญาตให้ทั้ง 2 ประกันตัวไปโดยตีราคาคนละ 2 ล้านบาท
นายอำพลเปิดเผยว่าคดีนี้เกี่ยวเนื่องกับการกระทำผิดของนายไชยบูลย์จึงต้องพิจารณารวมกัน แต่แยกข้อหา ความผิดซึ่งอัยการพิจารณาตามพยานหลักฐานและจะรีบรายงานให้นายวิเชียร วิริยะประสิทธิ์ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีอาญา ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานทราบ และได้นัดให้มาฟังการสั่งคดีในวันที่ 3 พ.ย. เวลา 10.00 น.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในวันเดียวกันสภายุวพุทธิกสมาคมแห่งชาติ ยื่นหนังสือถึงนายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรี เร่งรัดให้ดำเนินการเกี่ยวกับกรณีที่พระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตโต) ขอให้ตรวจสอบสิ่งพิมพ์ธรรมกายที่บิดเบือนโจมตีในทางเสียหาย นอกจากนั้น มูลนิธิพุทธธรรม ได้ประกาศยื่นฟ้องหนังสือพิมพ์ไทยและบรรณา ธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณาที่ศาลอาญา กรุงเทพฯใต้ เนื่องจากได้มีการตีพิมพ์บทความโจมตีผู้ไม่เห็นด้วยกับคำสอนของธรรมกาย และมีบทความใส่ร้ายพระธรรมปิฎก, บุคคล องค์กรหลายแห่งที่สร้างคุณประโยชน์แก่ศาสนา รวมถึงใส่ร้ายหมิ่นประมาทมูลนิธิพุทธธรรม เป็นการเบนความสนใจ ของประชาชนไปจากผู้ประสงค์บิดเบือนคำสอนทางพระพุทธศาสนา ทำบุญเป็นสินค้า หลอกลวงเอาประโยชน์จากศรัทธาชาวพุทธ มุ่งหวังในอำนาจ
แหล่งข่าวจากกองทัพบกเปิดเผยถึงกรณีที่ พ.อ.บรรจง ไชยลังกา ตั้งชมรมชาวพุทธ 3 เหล่าทัพ โดยอ้าง เพื่อปกป้อง พระพุทธศาสนาร่วมกับธรรมกายว่า ขณะนี้ พ.อ.บรรจงเป็นอาจารย์สอนอยู่ที่โรงเรียนเสนาธิการทหารบก การเข้าร่วมกิจ กรรมกับธรรมกายนั้นทางผู้บังคับบัญชารับทราบ แต่ยังไม่ก่อให้เกิดความเสียหายจึงถือว่าเป็นความเชื่อของตัวบุคคล กองทัพจะไม่เข้าไปก้าวก่าย เพียงแต่เมื่อเกิดมีการเสนอข่าวก็ให้ทำหนังสือชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษรทำไมจึงเข้าไปมีส่วนพัวพัน และสิ่งที่ผู้ใหญ่ไม่สบายใจก็คือการแต่งเครื่องแบบทหารไปเข้าร่วมกิจกรรมซึ่งไม่ใช่ภารกิจของทหาร แต่ขณะนี้เท่าที่ทราบ พ.อ.บรรจง ก็ไม่ได้แต่งเครื่องแบบแล้ว
ด้าน พล.ต.ท.วาสนา เพิ่มลาภ ผบช.สง. ก.ตร. ในฐานะ หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดี วัดพระธรรมกาย กล่าวว่า พนักงานสอบสวนเดินทางตรวจสอบที่ดินธรรมกายใน 4 จังหวัดคือ สระบุรี เลย เชียงใหม่ เชียงราย เนื่องจากพบมีที่ดินวัดและบุคคลใกล้ชิดอยู่มาก และจากการสอบปากคำชาวบ้านในพื้นที่ต่าง ๆ นั้น ยืนยันว่าเป็นของวัดพระธรรมกายโดยมีหลักฐานมัดแน่น คงต้องดูว่ามีการบุกรุกที่ป่าสงวนด้วยหรือไม่
รายงานข่าวจากพนักงาน สอบสวนเปิดเผยว่า ธรรมกายได้เช่าพื้นที่ป่าไว้เป็นที่ปฏิบัติธรรมจำนวน 3 แปลงใน อ.ฮอด เชียงใหม่ในนามของ มูลนิธิลูกของธรรมกายโดยล่าสุดนายปลอดประสพ สุรัสวดี อธิบดี กรมป่าไม้ได้เดินทางมา ตรวจพื้นที่ในบริเวณดังกล่าวและได้สั่งให้หน่วยงานสำนักอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ สำนักงานป่าไม้เขต และป่าไม้จังหวัดทำการตรวจสอบข้อเท็จจริง ทั้งในเรื่องของการขออนุญาตและในส่วนของการจัดสร้างแล้ว นอกจากนี้ ยังให้เจ้าหน้าที่ รังวัดที่ดิน พร้อมทั้งมีหนังสือสั่งให้เพิกถอนใบอนุญาตเช่าป่าเนื่องจากกระทำการผิดเงื่อนไข เพราะได้มีการปลูกสร้างอาคารต่างๆไม่ตรงตามโครงการที่เสนอมา โดยก่อนหน้านี้ การดำเนินการขออนุญาตไม่ได้มีการระบุว่าจะดำเนินการก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างถาวรในพื้นที่ดังกล่าว
นอกจากนั้นพนักงานสอบสวนยังพบหลักฐาน "พระ ร." ซึ่งเป็นพระชั้นในของวัดเปิดแอล/ซี ซื้อเพชรพลอยอันไม่ใช่กิจของสงฆ์นั้น โดยกรมศุลกากรได้ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าวพบว่าเปิดแอล/ซีไป 5 ประเทศคือ จีน ไต้หวัน ญี่ปุ่น ออสเตรเลียและแอฟริกา และมีพฤติกรรมขนเงินออกนอกประเทศ เพื่อใช้ในการลงทุนและใช้จ่ายในต่างประเทศ โดยใช้วิธีจ่ายเงินเกินราคาสินค้าเช่น ซื้อสินค้าราคา 1 ล้านบาท แต่จ่ายเงินถึง 10 ล้านบาท เพื่อหลบเลี่ยงขออนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
พนักงานสอบสวนยังพบว่าวัสดุที่วัดพระธรรมกายนำมาใช้ในการสร้างวัตถุมงคลต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น พระมหา สิริราชธาตุหรือพระดูดทรัพย์นั้นก็เป็นของที่ไม่มีราคาค่างวดอะไร แม้จะเป็นของนำเข้ามา อย่างเพชร ที่ประดับรอบพระดูดทรัพย์ ก็ทำมาจากหินฟอสไซด์ หรือ หินเขี้ยวหนุมาน เมื่อวันที่ 4 ต.ค. ที่ผ่านมา พนักงานสอบ สวนได้นัดสอบปากคำพระรูปดังกล่าว แต่ไม่ยอมมาให้ปากคำแม้จะเรียกไปหลายครั้งแล้วก็ตาม ซึ่งพนักงานสอบสวนกำลังพิจารณาใช้มาตรการอย่างใดอย่างหนึ่งกับพระรูปนี้อาจถึงขั้นออกหมายจับ.
ผู้สื่อข่าวรายงาน เพิ่มมาค่ำวันเดียวกันว่า พระมหาชัยยะ อดีตพระลูกวัดของวัดพระธรรมกาย และพระเลขาฯ เจ้าคณะตำบล คลองหนึ่ง นำหนังสือคำวินิจฉัยของเจ้าคณะตำบลคลองหนึ่ง ที่ระบุไม่สั่งพักตำแหน่งเจ้าอาวาสนายไชยบูลย์ ไปส่งให้พระมหาปัญญา เจ้าคณะอำเภอคลองหลวง ปรากฏว่าถูกเจ้าคณะอำเภอต่อว่าอย่างรุนแรง ที่ชิงแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนก่อนที่จะส่งหนังสือ คำวินิจฉัยมาให้อย่างเป็นทางการ ทำให้พระเลขาฯ เจ้าคณะตำบลถึงกับนิ่งเงียบ จากนั้นพระมหาปัญญา ส่งแฟลกช์ต่อ ให้พระสุเมธาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัด ปทุมธานี รับทราบต่อไป อย่างไรก็ตาม ในเวลา 08.00 น. วันที่ 12 ต.ค. นายไพบูลย์ เสียงก้อง อธิบดีกรมการศาสนา จะเดินทางเข้ากราบมนัสการเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าวและจะเดินทางไปพบพระมหาปัญญา เจ้าคณะอำเภอคลองหลวง เพื่อตรวจสอบข้อเท็จเรื่องราวที่เกิดขึ้นต่อไป.