เดลินิวส์ 6/10/2542
ปลดกลางอากาศไชยบูลย์เกมสกัดหนีออกนอก จี้เจ้าคณะตำบลดำเนินการ วาสนาสั่ง ตม.เข้มคอยจับตา
กระทรวงศึกษาธิการเดินเกมส่งอธิบดกีกรม ศาสนาพบ 3 สมเด็จ"มหานิกาย"ขอไฟเขียว เขี่ย"ไชยบูลย์" พ้นตำแหน่ง หลังมีคำสั่งฟ้องศาล 2 ข้อหาพาดพิงถึงการโกงเงินวัด ถ้าปล่อยไว้กระเทือนต่อการดำเนินคดี ขณะเดียวกันทำหนังสือด่วนให้เจ้าคณะจังหวัดปทุมฯ สั่งการปลด แพทยสภาฯเล่นงาน หมอธรรมกายออกใบรับรองมั่ว อาจเจออีกข้อหาแจ้งความเท็จ รองอธิการมหาจุฬาฯ ซัดพฤติกรรม พระปลอมน่าละอาย เป็นแค่คนขาดความมั่นใจ ไม่ใช่พระแท้แน่แล้ว ไล่ส่งทำให้สังฆมณฑล เสียหายไปหมด จี้ มหาเถรฯ ต้องตัดสินใจ พยานปากเอกชี้ตัว "ถาวร พรหมถาวร" กว้านซื้อที่ดินบุกรุกป่าแม่แตง จ.เชียงใหม่ ระบุ "นะจ๊ะ" เคยมาดูที่ดินด้วย ที่กระทรวงศึกษาธิการ เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 5 ต.ค. นายวิชัย ตันศิริ รมช. ศึกษาธิการ เรียก นายไพบูลย์ เสียงก้อง อธิบดีกรมการศาสนา, นายสุทธิวงศ์ ตันตยาพิศาลสุทธิ์ รองอธิบดีกรมการศาสนา และเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกรมการศาสนาหารือ
ภายหลังการประชุมนายวิชัยเปิดเผยว่า เมื่อนายไชยบูลย์ สุทธิผล เจ้าลัทธิธรรมกาย ถูกฟ้องดำเนินคดีอาญาและอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาล กระทรวงศึกษาฯ เห็นว่าควรปลด นายไชยบูลย์พ้นจากตำแหน่งในวัดพระธรรมกายตามกฎมหาเถรสมาคมฉบับที่ 24 ข้อ 56 ที่ระบุพระ รูปใดถูกฟ้อง ดำเนินคดีอาญา ผู้บังคับบัญชาใกล้ชิดเห็นว่า ถ้าอยู่ในตำแหน่งจะก่อให้เกิดความเสียหาย ให้สั่งพักในตำแหน่งนั้นได้
"ผมมอบหมายให้กรมการศาสนา ทำหนังสือถึงพระสุเมธาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี เพื่อให้สั่งการเจ้าคณะตำบลคลอง 1 ที่เป็นพระผู้ปกครองใกล้ชิดทำตามกฎมหาเถรฯนี้ โดยจะชี้แจงเรื่องดุลพินิจของกระทรวงถ้าปล่อยให้อยู่ในตำแหน่ง ต่อไปความเสียหายอาจเกิดขึ้น เพราะถูกฟ้องเกี่ยวกับการยักยอกทรัพย์, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือตีความได้ว่านำเงินของวัดไปใช้ในธุรกิจจึงควรพักตำแหน่งไว้"
ขณะนี้ปัญหาของวัดพระธรรมกายยังมีความเกรงอกเกรงใจกันอยู่ เนื่องจากมีสาวกออกมาคอยปกป้อง จึงไม่มีรูปแบบสำเร็จในการแก้ไขปัญหา ต้องยึดหลักอหิงสาและความเป็นธรรมของกฎหมายเป็นหลัก
นอกจากนั้นมอบหมายให้อธิบดีกรมการศาสนาไปกราบนมัสการพระเถระชั้นผู้ใหญ่ฯ อาทิ สมเด็จพระพุฒาจารย์ สมเด็จพระมหาธีราจารย์ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ฯลฯ เพื่อชี้แจงถึงการดำเนินการของกระทรวงและการวินิจฉัยเรื่องนี้ต้องอยู่ที่ความชัดเจน ความแข็งแกร่งและความเข้าใจให้ตรงกันในมหาเถรฯ
นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รมว. ศึกษาธิการ เปิดเผยว่าตนกำชับอธิบดีกรมการศาสนาต้องทำหนังสือรายงาน เป็นลายลักษณ์อักษรทุกครั้งไม่ว่าผลการดำเนินการเรื่องนี้จะเป็นอย่างไร และให้ทำสำเนาคำฟ้องของอัยการส่งให้มหาเถรฯประกอบการพิจารณาด้วย ส่วนกรณีที่เกรงว่าเจ้าคณะตำบลคลอง 1 ไม่กล้าปลดนายไชยบูลย์เพราะสมณศักดิ์ต่ำกว่า คงไม่ต้องห่วงเพราะกฎมหาเถรฯเขียนชัดให้พระใกล้ชิดเป็นผู้ปลด
ด้านนายไพบูลย์กล่าวว่า กรมการศาสนาจะประสานขอเอกสารข้อมูลกับสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อแจ้งไปยังพระผู้บังคับบัญชาใกล้ชิดนายไชยบูลย์ ซึ่งเมื่อเจ้าคณะตำบลเห็นชอบว่า อาจจะก่อความเสียหายได้ก็สั่งพ้นตำแหน่งในวัดและจะเสนอแต่งตั้งผู้รักษาการแทน โดยอาจจะเป็นรองเจ้าอาวาสหรือผู้ช่วยเจ้าอาวาส หรือพระภิกษุรูปใดรูปหนึ่งที่เห็นว่าเหมาะสมมาก็ได้ เรื่องราวทั้งหมดก็ต้องดำเนินการให้เสร็จสิ้นก่อน 18 พ.ย. ที่ศาลนัดสอบพยานนัดแรก เชื่อว่าเมื่อเข้าสู่ กระบวนการ กฎหมายแล้วทุกคนจะต้องปฏิบัติตามกรอบของกฎหมาย ทั้งฆราวาสและสงฆ์เป็นผู้มีเหตุมีผล
อย่างไรก็ตาม กรณีที่หวั่นเกรงกันว่าหากมีการตั้งพระเผด็จ ทัตตชีโว รองเจ้าอาวาสมารักษาการเจ้าอาวาสแล้วจะก่อให้เกิดความเสียหายได้นั้น ยังเชื่อว่าเจ้าคณะตำบลคงจะหาผู้ที่เหมาะสมที่สุดมารักษาการแทน
พระศรีปริยัติโมลี รองอธิการบดีมหา-วิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย กล่าวว่า นายไชยบูลย์ ไม่ใช่เพิ่งต้องอธิกรณ์ในตอนนี้ ตามหลักศาสนาถือว่าต้องอธิกรณ์ตั้งแต่มีการกล่าวหาช่วงแรก ๆ คณะสงฆ์ ผู้ปกครองควรสั่งพักหรือถอนออกจากตำแหน่งแล้ว เพราะอาจ ใช้อำนาจทำให้การสอบสวนเป็นไปได้ยาก และการที่พยายามหลีกเลี่ยงไม่ยอมไปพบอัยการอ้างว่าป่วย แต่เมื่อตรวจสอบแล้วก็ไม่เป็นความจริงทำให้ความเชื่อถือในตัวนายไชยบูลย์ลดลง และสะทอนให้เห็นว่าคำสอนอื่น ๆ เพี้ยนไปด้วย
"พระรูปอื่น ๆ จะเสียหาย ไปด้วย ทั้งสังฆมณฑล ไม่น่าหลบเลี่ยง ด้วยวิธีนี้ ทำให้เห็นธาตุแท้ว่า ไม่ใช่ของจริง คำสอน ไม่ใช่ของจริง พระที่ปฏิบัติมาอย่างดีจะไม่กลัวเรื่องแค่นี้ แต่นี่มีอาการตื่นเต้น ขาดสมาธิ เหมือนคนขาดความมั่นใจ ถ้าไม่ผิดก็ไม่เห็นต้องกลัวการขึ้นศาล อย่างกรณีในอดีตพระพิมลธรรมใครจะนิมนต์ท่านไปไหนก็ไป ไม่มีใครมาปกป้องหรือตั้งทนายสู้ ท่านถือว่าไม่ผิดแม้ถูกจับถอดจีวรก็ตาม สุดท้ายท่านชนะคดี แสดงความเด็ดเดี่ยวว่านี่คือพระแท้"
ในวันเดียวกันที่กระทรวงสาธารณสุข เมื่อเวลา 11.00 น. น.พ.สุวิทย์ วิบูลย์ผลประเสริฐ ผู้ช่วยปลัดกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะโฆษกแพทยสภา กล่าวว่า ในวันที่ 14 ต.ค.นี้ คณะอนุกรรม การจริยธรรม แพทยสภา จะประชุมพิจารณากรณีน.พ.พรชัย พิญญพงษ์ แพทย์ประจำมูลนิธิธรรมกายออกใบรับรองอาการป่วยของนายไชยบูลย์มีอาการหนักจนเดินทาง มารับฟังคำฟ้อง ที่ศาลอาญา ไม่ได้ ทั้งที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง สุดท้ายนายไชยบูลย์ถูกพาตัวมาฟังคำฟ้อง
แพทยสภาตรวจสอบแล้วว่า น.พ.พรชัยเป็นแพทย์ที่มีใบอนุญาตประกอบโรคศิลปะ เรื่องนี้หากพิจารณาพบว่าคดีมีมูล อาจถูกพักใช้ใบอนุญาต 1-3 เดือนหรือเป็นปีขึ้นไป ขึ้นอยู่กับความเห็นของที่ประชุมแพทยสภา แต่ถ้าเห็นว่า การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดร้ายแรงก็อาจถึงขั้นเพิกถอนใบอนุญาต ตามประวัติของ น.พ.พรชัย สำเร็จการศึกษาเมื่อปี 2534 ทำงานมา 8 ปี
รายงานข่าวจากกองปราบปรามเปิดเผยว่า น.พ.พรชัย ที่ออกใบรับรองแพทย์ว่านายไชยบูลย์ป่วย อาจถูกพิจารณาดำเนินคดีฐานแจ้งความเท็จตามกฎหมายอาญามาตรา 137 และ 269 ในฐานะที่เป็นแพทย์ให้คำรับรองในเอกสารอันเป็นเท็จก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นและประชาชน
ผู้สื่อข่าวเดลินิวส์ เชียงใหม่ รายงานว่า เมื่อเวลา 09.25 น. ของวันเดียวกัน พ.ต.ท.การุณย์ อิงประสาร สว.ผ. 3 กก. 3 ป. พร้อมพวกได้นำตัวนายถาวร พรหมถาวร สาวกคนสนิท ของนายไชยบูลย เดินทางมาถึง จ.เชียงใหม่ โดยเที่ยวบิน ทีจี 102 เพื่อส่งมอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อ.แม่แตง ตามหมายจับเลขที่ 15,16,17,18/2531 ลงวันที่ 19 พ.ค. 31 ในข้อหาบุกรุก แผ้วถาง ยึดครองป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่แตง บ้านปางมะกล้วย หมู่ 2 ต.ป่าแป๋ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่
เจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายถาวร ส่งมอบให้กับทาง พ.ต.ท.ชาตรี คงรอด รอง ผกก.สส.สภ.อ. แม่แตง ทำการสอบสวน โดยนายถาวร ได้นำนายปรัชญา ก้อนจันทร์ ทนายความมาด้วย และมีรถสาวกของธรรมกายเดินทางมาให้กำลังใจนายถาวร จำนวนหลายคนในนี้มีกลุ่มชายใส่แว่นดำสวมหมวกคอยถ่ายภาพบรรดาผู้สื่อข่าวและตำรวจด้วย
จากการสอบปากคำนายถาวร ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาโดยบอกว่าไม่รู้เห็น ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวนายอินทร มิตรเฉลียว กำนันตำบลป่าแป๋ ซึ่งในขณะเมื่อปี 2529 ดำรงตำแหน่งเป็นผู้ใหญ่บ้านบ้านปางมะกล้วย และเป็นคนที่นายถาวรติดต่อ ขอซื้อที่ดินมาทำการสอบสวนปากคำและชี้ตัวนายถาวร ซึ่งนายอินทร ได้ชี้ตัวนายถาวร ได้แม่นยำมาก แม้ทางเจ้าหน้าที่จะนำชายที่มีรูปร่างลักษณะใกล้เคียงกันมายืนให้ชี้ตัวจำนวน 8 คน
นายอินทรเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่าเมื่อประมาณปี 2529 นายถาวร ได้เดินทางมาหา และแสดงความ ประสงค์ที่จะขอซื้อที่ดินจำนวน 320 ไร่ 3 งานที่ชาวบ้านใช้เป็นที่ทำกินปลูกใบชา ต้นเมี๋ยง ขายกันมานาน โดยนายถาวรบอกว่าต้องการขอแบ่งซื้อที่ดินเพื่อนำไปสร้างเป็นสถานปฏิบัติธรรมให้ความสงบแก่ชาวบ้าน จนชาวบ้านยอมขายไปในราคาไร่ละไม่ถึง 5,000 บาท ช่วงที่มีการติดต่อนั้นบางครั้งมีพระเดินทางมากับนายถาวรจำนวนหลายรูป แต่มีพระอยู่รูปหนึ่งที่คล้ายกับเจ้าอาวาสธรรมกายที่เห็นในทีวีมากใส่แว่นเหมือนกัน
หลังจากที่มีการซื้อขายกันแล้วเจ้าหน้าที่ป่าไม้ และอำเภอแม่แตง ได้เข้ามาตรวจสอบพบว่า มีการบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติแม่แตงเกิดขึ้นจึงได้แจ้งความไว้และทำการออกหมายจับต่อมา
พ.ต.ท.การุณย์ เปิดเผยว่าในคดีนี้ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ สภ.อ.แม่แตง ส่วนในคดีที่เกี่ยวกับเรื่องธรรมกาย ที่อำเภอฮอด จ.เชียงใหม่ นั้นขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการสอบสวนอยู่ คาดว่าไม่นานคงเสร็จ
ด้าน พ.ต.ท.ชาตรี คงรอด รอง ผกก.สส. สภ.อ.แม่แตง เปิดเผยว่าตำรวจสรุป สำนวนเสร็จ ทุกอย่างแล้วและได้นำเสนออัยการ ส่วนเรื่องที่นายถาวร จะขอประกันตัวเองนั้นก็แล้วแต่อำนาจของศาล ซึ่งในคดีนี้มีโทษจำคุก 6 เดือนแต่ไม่เกิน 2 ปี หรือปรับเงิน 5,000 บาท ถึง 50,000 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงาน เพิ่มเติมว่าต่อมา ทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการสรุปสำนวนและนำตัวนายถาวร ไปส่งที่อัยการ ศาลจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งทางสาวกธรรมกาย ที่ติดตามมาด้วยหลายคนได้เตรียมหลักทรัพย์และที่ดิน เงินสด มารออยู่ที่ศาล โดยศาลให้ประกันตัวนายถาวรไปด้วยเงินสด 1.8 ล้านบาท
ด้าน นายสนธยา โพธิ์แดง ทนายความวัดพระธรรมกาย กล่าวว่า เท่าที่ฟังข้อหาที่ฟ้องแทบไม่มีหลักฐานเอาผิดได้เลย สุดท้ายจะยกฟ้อง และการที่มีการพาตัวนายไชยบูลย์มาฟังคำฟ้องเป็นการสร้างภาพเอาใจสื่อมวลชน เพราะตั้งแตเชาสอบถามอัยการจะฟ้องหรือไม่ก็ไม่ยอมบอก ถ้าบอกว่าจะฟ้องศาลตนจะนำรถพยาบาลไปรับมา แต่กลับประสานให้ตำรวจไปรับตัว ซึ่งเพิ่งทราบ
"ใครจะแกล้งป่วย ผมถามแล้วถ้าไม่ฟ้องจะขอเลื่อนออกไป เพราะป่วยจริง ๆ และสำหรับกรณีนายถาวรที่โดนข้อหาเพิ่มก็เป็นเรื่องเกิดมาเป็น 10 ปี ทำไมเพิ่งมาดำเนินการตอนนี้ และพนักงานสอบสวนทำงานมานานทำไมไม่เห็นพูดถึงเลย และเพิ่งมาทำตอนพาไปที่ศาลอาญา เล่นเกมอะไรหรือเปล่า คดีทั้งหมดคาดว่าจะใช้เวลานานเพราะต้องพิสูจน์พยานหลักฐานต่าง ๆ อีก"
ผู้สื่อข่าวรายงานจากวัดพระธรรมกายว่าในวันนี้นายไชยบูลย์นั่งรถโตโยตา เล็กซัส ออกจากวัดตั้งแต่ช่วงบ่ายหลังกินข้าวเที่ยงเสร็จ โดยไม่รู้ว่าไปไหน
พล.ต.ท.วาสนา เพิ่มลาภ ผบช.สง.ก.ตร. หัวหน้าทีมสอบสวนคดีธรรมกายเปิดเผยว่าเมื่ออัยการสั่งฟ้อง ตำรวจเชื่อมั่นหลักฐานไม่เช่นนั้นคงไม่แจ้งข้อกล่าวหาหรือจับกุม และหลักฐานการยักยอกเงินวัด 6.8 ล้านบาท ไปซื้อที่ดินที่พิจิตรก็ได้มาจากการใช้จ่ายเงินในบัญชีวัด ส่วนกรณีการนำเงิน ไปเกี่ยวข้องกับตลาดหุ้นหรือพัวพันสถาบันการเงินที่มีปัญหา และลงทุนในธุรกิจที่ดิน ยังไม่ได้รวบรวมหลักฐานในส่วนนี้ให้อัยการ และมีหลักฐานแค่การยักยอกทรัพย์ส่งให้ ส่วน อื่น ๆ อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่ม
ส่วนที่ต้องเดินทางไป พาตัวนายไชยบูลย์ออกจากวัดเพราะมีการอ้างว่าเจ็บป่วย และเมื่อเชิญแพทย์จาก รพ.ตำรวจ ไปดูก็พบว่าสามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้ และไม่ได้บังคับอะไร เมื่อเข้าไปในกุฏิก็เห็นนอนอยู่เฉย ๆ
"คดีนี้ยุ่งยากในการรวบรวมเอกสาร เพราะเกี่ยวกับเงินที่ติดตามยาก บางส่วนมีเส้นทางเงินไปต่างประเทศด้วย ส่วนการป้องกันการเดินทางไปต่างประเทศก็ประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว แต่ก็ยังมีชายแดนที่ยาว ทำให้เดินทางไปต่างประเทศได้ง่าย และให้ระมัดระวังกันพอสมควร"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 6 ต.ค. คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการออกหนังสือใส่ร้ายพระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตโต) จะประชุมนัดแรก โดยมี พล.ต.ท.สมบัติ อมรวิวัฒน์ ผช.ผบ.ตร. เป็นประธาน
สำหรับวัดพระธรรมกายได้ระดมเงินจากญาติโยมมาใช้ในการประกันตัวนายไชยบูลย์และนายถาวร โดยให้สมทบกัน ใครมีเงินเท่าไหร่ให้ถอนจากบัญชีออกมาก่อน บางรายแห่ไปถอนเงินจากตู้เอทีเอ็มมาให้ ขณะเดียวกันก็ได้มีการใช้วิทยุติดต่อกันเคลื่อนไหวด้วยคลื่นสาธารณะ 270 มีพระชั้นในบงการ
นายอำนวย สุวรรณคีรี ประธานที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการการศาสนาฯ เปิดเผยว่า ในวันที่ 7 ต.ค.นี้ กรรมาธิการจะจัดเสวนาหาความจริงใครทำลายพระพุทธศาสนา ตอนที่ 2 โดยมีพระพยอม กัลยาโณ, นายสมพร เทพสิทธา, นายเสฐียรพงษ์ วรรณปก, รศ.ดร.ศุภชัย ตั้งวงศ์ศานต์ ผู้บุกเบิกทำพระไตรปิฎกคอมพิวเตอร์, พ.อ.(พิเศษ)ทองขา พ่วงรอดพันธุ์ มาร่วมอภิปรายและถ่ายทอดสดทางคลื่นเอเอ็ม 891 และเอเอ็ม 1143 กิโลเฮิรตซ์.
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เวลา 18.00 น. นายสาโรจน์ กาลศิริศิลป์ เจ้าหน้าที่ฝ่ายสังฆการกรมการศาสนา ได้เดินทางไปที่วัดมูลจินดารามเพื่อพบกับพระสุเมธาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี โดยมีพระปริยัติวโรปการ เจ้าอาวาสวัดเขียนเขต ในฐานะพระเลขาฯ ร่วมต้อนรับอยู่ด้วย ซึ่งนายสาโรจน์ได้ยื่นหนังสือบรรจุในซองสีขาวเขียนว่า "ลับที่สุด" ต่อเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี และระบุว่าเป็นหนังสือจากทางกรมการศาสนา เพื่อที่จะให้มีการสั่งพักตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายของนายไชยบูลย์ จากนั้นก็ได้รีบเดินทางต่อไปยังวัดสว่างภพ เพื่อยื่นหนังสือต่อพระครูปทุมกิจโกศล เจ้าคณะตำบลคลองหลวง
พระปริยัติวโรปการเปิดเผยว่า ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดของหนังสือดังกล่าวได้ ที่บอกได้ก็คือเวลานี้นายไชยบูลย์ถูกฟ้องศาลถือว่าต้องอธิกรณ์เพราะเป็นจำเลยในคดีอาญา ต้องดำเนินการตามกฎ มส. คือพักตำแหน่งเจ้าอาวาส ซึ่งคืนนี้ (5 ต.ค.) จะทำหนังสือ และในวันที่ 6 ต.ค.จะส่งให้กับเจ้าคณะอำเภอ และทางเจ้าคณะอำเภอต้องมีคำสั่งลงไปให้มีการสั่งพักตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ขณะนี้ศาลก็ประทับรับฟ้องแล้วก็ต้องเป็นไปตามกฎ มส. ในวันที่ 6 ต.ค.นี้หนังสือฉบับนี้ก็จะส่งถึงเจ้าคณะตำบลคลองหลวงแน่นอน ซึ่งทางเจ้าคณะตำบลต้องวินิจฉัยสั่งพัก ตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย เพราะทางเจ้าคณะจังหวัดเป็นผู้สั่งการลงไปเอง จะบิดพลิ้วไม่ได้ เรื่องนี้ลุกลามไปมากแล้วต้องหยุดไว้ระดับหนึ่งก่อน
ขณะเดียวกัน มีรายงานข่าวจากกองปราบปรามว่า พล.ต.ท.วาสนา เพิ่มลาภ หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีวัดพระธรรมกาย ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนในคดีทำหนังสือถึงสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ย้ำอีกครั้งให้ช่วยกวดขันตรวจสอบเพื่อป้องกันนายไชยบูลย์หลบหนีออกนอกประเทศ เนื่องจากมีกระแสข่าวว่านายไชยบูลย์กำลังมีการเตรียมการที่จะหลบหนี และกรณีที่นายไชยบูลย์ แกล้งป่วยเพื่อพยายามหลบหลีกที่จะไม่ไปศาลเมื่อวันที่ 4 ต.ค. ที่ผ่านมานั้น ก็แสดงให้เห็นแล้วว่า การดำเนินการตามกระบวนการ ยุติธรรมกับนายไชยบูลย์อาจจะต้องเผชิญกับอุปสรรคและลูกเล่นต่าง ๆ อีก โดยเฉพาะการทำให้ผู้ต้องหาหายตัวไป.