เดลินิวส์ 1/10/2542
จับตาขุนศึกศาสนาพลิกกกระบวนยุทธปราบธรรมกายสู้ศึกในนอก
เกือบจะ 1 ปีผ่านไป ขาดก็ไม่เกิน 45 วัน คดีฉาวโฉ่ ในวงการพระพุทธศาสนากรณีปัญหา "ไชยบูลย์ สุทธิผล" เจ้าลัทธิธรรมกายและปัญหาวัดพระธรรมกาย ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะสิ้นสุดลง หรือสามารถดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง กับพระปลอมตามลายพระหัตถ์ของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ที่ทรงวินิจฉัยไว้แต่อย่างใด
รัฐมนตรีช่วยฯศึกษาฯก็เด้งไปแล้ว 1 กระทั่งมาถึงอธิบดีกรมฯก็เด้งออกไปอีก 1 คดีฉาวโฉ่นี้ก็ยังอยู่เหมือนเดิม คนของวัดพระธรรมกาย ยังอยู่กันครบถ้วนกระบวนความ ไม่มีใครถูกถอดถอน ถูกโยกย้ายหรือถูกดำเนินคดีแต่อย่างใด
พิภพ กาญจนะ อธิบดีกรมการศาสนา ที่ดำเนินการเรื่องวัดพระธรรมกายมาแต่ต้น จนชาวบ้านชาวช่องด่าทอเรียกร้องให้พ้นจากเก้าอี้ไป นานแล้ว ก่อนถึงฤดูกาลเสียอีก โดยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันอังคารที่ 28 กันยายนที่ผ่านมา มีมติให้โยกย้ายเก้าอี้ไปเป็น รองปลัดกระทรวงศึกษาฯ เสียแล้ว ส่วนผู้ที่มาใหม่นั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหนเขาคือ ไพบูลย์ เสียงก้อง รองปลัดกระทรวงศึกษาฯที่ย้ายมาแทนที่ สาเหตุการโยกย้ายอธิบดีกรมการศาสนานั้น สมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เจ้าของรหัส เสมา 1 บอกว่า เป็นไปตามคำร้องขอของ พิภพ กาญจนะ เอง แม้จะทวงถามความตั้งใจหลายครั้ง แต่อธิบดีกรมการศาสนาที่จะย้ายไปเป็นรองปลัดกระทรวงฯในวันที่ 1 ต.ค.นี้ ก็ยืนยันคำเดิม พูดง่าย ๆ เข้าใจกันถ้วนทั่วก็คือ ไม่ได้ไร้ประสิทธิภาพ ไม่ได้มีความผิด แต่ไปเพราะเจ้าตัวอยากให้พ้นไป พูดกันติดตลกก็ต้องบอกว่า บอกศาลาเพราะรบไม่ไหวกับอย่างหนาตราช้างของวัดพระธรรมกาย แล้ว ไพบูลย์ เสียงก้อง เขาคือใครกันล่ะ !?! แน่แค่ไหนถึงให้เข้ามารับศึกหนักในพระพุทธศาสนาครั้งนี้ ไพบูลย์ ให้สัมภาษณ์ทันทีที่ ครม. มีมติออกมาว่าเขาต้องถูกโยกย้ายมาเป็นอธิบดีกรมการศาสนาว่า เขาไม่หนักใจกับปัญหาวัดพระธรรมกาย จะเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาให้ดีที่สุด และเชื่อว่าถ้าได้รับความร่วมมือจากฝ่ายต่าง ๆ จะสามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยดี ในจุดแรกที่จะเข้าไปดูแลคือคอยตรวจสอบว่ามีเรื่องใดบ้างที่ยังมีข้อขัดข้อง และจะต้องได้รับการแก้ไข
ว่ากันตามเนื้อผ้าตามความเป็นจริงชื่อ ไพบูลย์ เสียงก้อง นั้นไม่ได้ก้องนามในวงการศาสนาตามสกุลแต่อย่างใด เขาเติบโตมาในสายครู สังกัด กรมสามัญศึกษา ตำแหน่ง ครูตรี และเติบโตมาในกรมนี้ตลอดกระทั่งได้ เป็น อาจารย์ 1 จากนั้นจึงโอนไปรับราชการในสายสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ โดยดำรงตำแหน่งเป็น ผู้ช่วยศึกษาธิการอำเภอ ในปี 2520
ปี 2522 เขาได้เลื่อนขึ้นเป็น ศึกษาธิการจังหวัดกระบี่ จังหวัดเดียวกับที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการคนก่อนคือ อาคม เอ่งฉ้วน ผู้สั่งการให้กรมการศาสนาฟ้องดำเนินคดี "ไชยบูลย์ สุทธิผล" และวัดพระธรรมกาย 3 ข้อหาหนักคือ แจ้งความเท็จ ยักยอกทรัพย์ และปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และเดินสายเป็นศึกษาธิการจังหวัดอยู่ในอีกหลายจังหวัดนานกว่า 4 ปี
ถัดจากนั้นมาก็ถูกย้ายเข้ามาเป็นผู้อำนวยการกองตรวจและรายงาน เป็นผู้อำนวยการกองกลาง ผู้อำนวยการกองการเจ้าหน้าที่ ผู้อำนวยการกองนิติการ ผู้ช่วยปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ และขึ้นเป็นรองปลัดกระทรวงศึกษาธิการในปี 2541 ไพบูลย์ ได้รับความไว้วางใจมากพอสมควร โดยเฉพาะในแง่ของการเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องกฎหมายคนหนึ่ง เพราะเคยเป็นผู้อำนวยการกองนิติการมาก่อน จุดนี้เองที่ได้รับมอบหมายให้เป็น ประธานคณะกรรมการแก้ไขกฎมหาเถรสมาคมฉบับที่ 11 ว่าด้วยการลงนิคหกรรม และเป็นประธานคณะกรรมการร่าง พ.ร.บ.สงฆ์ฉบับใหม่ด้วย เป็นที่ทราบกันดีว่าในปัจจุบันวงการสงฆ์ค่อนข้างเกิดความวุ่นวายมากพอสมควร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของร่าง พ.ร.บ.อุปถัมภ์คุ้มครองพระพุทธศาสนา ซึ่งคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรมได้จัดทำประชาพิจารณและยกร่างขึ้นมา โดยปรากฏว่าเกิดข้อโจมตีว่าเป็นการปรับเปลี่ยนอำนาจสงฆ์ใหม่ ให้ฆราวาสขึ้นมาปกครองสงฆ์ ยิ่งไปกว่านั้นยังระบุด้วยว่าเรื่องนี้อยู่ในขั้นตอนหนึ่งของขบวนการล้มพระพุทธศาสนา โดยมีพระธรรมปิฎก (ปยุตฺโต) เจ้าอาวาสวัดญาณเวศกวันร่วมอยู่ในขบวนการนี้ด้วย
ภาระสำคัญจึงอยู่ที่ ไพบูลย์ เสียงก้อง ที่เข้ามารับตำแหน่งอธิบดีกรมการศาสนาคนใหม่ จะต้องอรรถาธิบายต่อสาธารณชนให้ได้ว่า เกิดอะไรขึ้นกันแน่ เพราะที่ผ่านมานั้นรัฐบาลพยายามยืนยันมาตลอดว่า ยังไม่เคยมีการยกร่างกฎหมายใด ๆ ทั้งสิ้น ยังอยู่ระหว่างขั้นตอนการพิจารณาศึกษาเท่านั้น ยิ่ง วิชัย ตันศิริ รมช.ศึกษาฯ ซึ่งกำกับดูแลกรมการศาสนาออกมาประกาศว่า
"จะให้อธิบดีกรมการศาสนาคนใหม่ทำหนังสือเวียนถึงศึกษาธิการจังหวัดทุกจังหวัด เจ้าอาวาสทุกวัดทั่วประเทศเพื่อชี้แจงทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องร่าง พ.ร.บ.อุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา เนื่องจากมีความเข้าใจว่าร่างกฎหมายดังกล่าวให้อำนาจฆราวาสในการปกครองสงฆ์ และที่ผ่านมากระทรวงศึกษาฯและกรมการศาสนาไม่มีนโยบายในเรื่องดังกล่าวด้วย" น่าจะเป็นประเด็นสำคัญที่ให้ ไพบูลย์ เสียงก้อง มารับเก้าอี้ตัวนี้ เพราะนอกจากจะปราบมารหัวโล้นแล้วยังต้องปราบมารหัวดำที่ชอบปล่อยข่าวให้ร้ายผู้อื่นอยู่เป็นเนืองนิจ
ดูกันไปว่าปัญหาธรรมกายจะแก้ง่ายหรือไม่ ตอน รมช.วิชัย มาก็พูดแบบนี้แหละ แล้วเป็นไงล่ะ !!.