เดลินิวส์ 23/9/2542
หอบหลักฐานระบุ'ธรรมกาย'รุกป่า
สั่งกรมการศาสนาเดินหน้าให้ฝ่ายปกครองชำระคราบสกปรกบนจีวร'พระธรรมปิฎก' หลังถูกกลุ่มอีแอบ ออกใบปลิวถล่มและใส่ร้าย ร่วมขบวนการทำ ลายพระพุทธศาสนา ชาวบ้านต.เกาะยาว หอบหลักฐาน เอกสาร มูลนิธิธรรมกายรุกป่า สงวนมอบให้กองปราบฯสาง "พล.ต.ท.วาสนา"เป็น งง มูลนิธิฯ แจ้งมีเงินแค่ล้านแต่กว้านซื้อที่ดินได้หลายร้อยไร่ "สมศักดิ์"อุบไต๋"พระพรหมโมลี" บกพร่อง อ้างไม่อยากขยายผลทันที
ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 22 ก.ย. ได้มีการประชุมคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม โดยภายหลังการประชุมร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคความหวังใหม่ ในฐานะโฆษกคณะกมธ.เผยว่า ได้หยิบเรื่องหนังสือร้องเรียนของพระธรรมปิฎกที่ถูกออกเอกสารโจมตีมาพิจารณา เพราะ เรื่องนี้มีเงื่อนงำ ที่หวังจะทำลายพระเถระที่ประชาชนนับถือ และจากการตรวจสอบเบื้องต้นนั้นทราบว่าเป็นผลงานของศิษย์วัดพระธรรมกายที่ใช้เงินจำนวนมาก หากปล่อยไว้จะเกิดความเสียหายต่อพระพุทธศาสนาโดยรวม
ในการประชุมครั้งต่อไปจะได้มีการเชิญเลขาธิการนายกฯ ตัวแทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักข่าวกรองแห่งชาติมาชี้แจงว่า ได้ดำเนินการกรณีวัดพระธรรมกายไปถึงไหนและจะสอบสวนเอกสารเถื่อนนี้อย่างไร รัฐบาลมีมาตรการที่จะป้องกันเรื่องนี้อย่างไรซึ่งจะต้องมีทิศทางที่ชัดเจน วัดพระธรรมกายเคลื่อนไหวปกป้องตนเองมาตลอด ควรยุติการเคลื่อนไหว เราไม่อยากให้พระธรรมปิฎกโดดเดี่ยว รัฐบาลต้องเร่งจัดการเรื่องนี้โดยเร็ว
นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยว่า นายพิภพ กาญจนะ อธิบดีกรมการศาสนา ได้มารายงานว่าพระพรหมโมลี ได้ทำรายงานเป็นลาย ลักษณ์อักษรถึงสมเด็จ พระมหาธีราจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนกลางแล้ว ซึ่งได้พิจารณาในรายละเอียดและส่งให้กรมการศาสนา นำเรื่องนี้เข้าพิจารณาในที่ประชุมหาเถรฯ ส่วนที่สรุปว่าพระพรหมโมลีบกพร่องต่อหน้าที่นั้นนายพิภพไม่ได้รายงาน ซึ่งก็ได้สอบถามไปแต่ขอไม่บอกคำตอบ
นายวิชัย ตันศิริ รมช.ศึกษาฯกล่าวภายหลังเข้านมัสการพระธรรมปิฎก (ประยุทธ ปยุตฺโต) เจ้าอาวาสวัดญาณเวศกวันว่า เรื่องดังกล่าวเป็นการให้ร้ายพระธรรมปิฎก และจะสั่งการให้เจ้าพนักงานการพิมพ์ตรวจสอบแหล่งที่มาของเอกสารที่ออกมาโจมตีครั้งนี้ และหากพบว่าเป็นการดำเนินการ เพื่อใส่ร้ายป้ายสีก็จะเตือน หนังสือพิมพ์ฉบับดังกล่าว หากไม่ยอมยุติจะขอต่อศาลสั่งปิดหนังสือพิมพ์ฉบับดังกล่าว หากพบว่าเป็นเพียงเอกสารใบปลิว จะให้เจ้าหน้าที่จับตาพฤติกรรม ของบุคคลกลุ่มนี้เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไปด้วย สำหรับเรื่องที่จะให้พนักงานสอบสวนดำเนินการสอบพระธรรมปิฎกตามหนังสือร้องขอนั้น ได้สั่งการให้กรมการศาสนาไปดำเนินการเรื่องนี้โดยด่วนแล้ว และให้ตรวจสอบด้วยว่าการใส่ร้ายป้ายสีครั้งนี้มีเบื้องหน้าเบื้องหลังอย่างไร
ส่วนที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 11.00 น. นายโชติ ทองย้อย ชาวบ้านต.เกาะยาวน้อย พังงา ได้มายื่นหนังสือเปิดผนึกถึงพล.ต.ท.วาสนา เพิ่มลาภ ผบช.สง.ก.ตร. ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีวัดพระธรรมกาย กรณีมูลนิธิธรรมกายบุกรุกป่าสงวนและทำลายทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล พร้อมนำหลักฐานอาทิ ภาพถ่ายและวีดิโอเทปการรุกป่า หนังสือมอบอำนาจให้ซื้อที่ดินและโอนที่ดินของนายเพชร แก่นทรัพย์ หนังสือตอบกลับจากกรมป่าไม้เลขที่ 1529.6/29778 และหนังสือเลขที่ 3111/6183 ของสนง.เลขานุการรมว.เกษตรฯ หนังสือบัญชีมูลนิธิให้อำนาจจัดตั้งและเปลี่ยนแปลงมูลนิธิ ภาพเขื่อนกั้นดินด้วยปะการังและรูปถ่ายถังน้ำ
นายโชติกล่าวว่า มูลนิธิธรรมกายได้กว้านซื้อที่ดินในเขตหมู่ 4 ต.เกาะยาวน้อย จำนวนกว่า 700 ไร่ ก่อสร้างเป็นรีสอร์ทหลายแห่ง โดยบุกรุกพื้นที่ป่าสงวน ที่อยู่ใกล้กับที่ดินที่จัดซื้อ ชาวบ้านเห็นว่าเจ้าหน้าที่มูลนิธิยืนยันว่าที่ดินส่วนใหญ่ได้รับบริจาคจากผู้ศรัทธาให้นายไชยบูลย์ สุทธิผล เจ้าลัทธิธรรมกาย ซึ่งในความเป็นจริงแล้วไม่ใช่แต่ได้มาด้วยการซื้อโดยนายเพชรและนายถาวร พรหมถาวร คนสนิทนายไชยบูลย์ โดยมีนายราชันย์ นายาวเป็นนายหน้า นอกจากนี้ยังมีการทำลายปะการังจากทะเลด้วยการใช้แม็คโครขุด เพื่อตกแต่งสถานที่และทำเขื่อนกั้นน้ำ โดยที่ไม่มีการห้ามปราม ชาวบ้านจึงให้มาร้องเรียน เพราะได้รับความเดือดร้อน ขาดแคลนน้ำใช้ เพราะทางมูลนิธิดูดน้ำไปเก็บไว้ในแท๊งค์ใหญ่ พร้อมทั้งขุดสระกักตุนน้ำทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน
พล.ต.ท.วาสนากล่าวหลังรับหนังสือว่า จะส่งเรื่องให้พล.ต.ต.อัศวิน ขวัญเมือง ผบก.ป.รับไปสอบสวนโดยให้ลงไปตรวจสอบพื้นที่เพื่อหาข้อเท็จจริง รวมทั้งประสานกับปรมป่าไม้ด้วย อย่างไรก็ดีเรื่องนี้น่าสนใจเพราะมูลนิธิมีเงินรายได้เพียง 1 ล้านบาทเศษเท่านั้น นำเงินจากไหนมากว้านซื้อที่ดิน อาจจะมีส่วนที่นำมาจากวัดก็ได้
มีรายงานข่าวระบุว่า พนักงานสอบสวนได้มีหนังสือไปถึงอธิบดีกรมการศาสนาเพื่อให้ตรวจสอบเกี่ยวกับกรณีที่วัดพระธรรมกาย ทำเรื่องของเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่ผู้บริจาคเงินให้แก่วัดด้วย
ทางด้าน พ.ต.ท.จรุงวิทย์ ภุมมา รอง ผกก.3 ป. เปิดเผยว่า ในวันที่ 23 ก.ย. พนักงานสอบสวนได้นัดหมาย นายมัยฤทธิ์ ปิตะวนิก และ นายเทอดชาติ ศรีนพรัตน์ สองผู้ต้องหาที่พนักงานสอบสวนออกหมายจับในข้อหาเป็นผู้สนับสนุนให้มีการยักยอกทรัพย์ และปลอมแปลงเอกสารของทางราชการ มาพบพนักงานสอบสวนเพื่อสอบปากคำเพิ่มเติมในบางประเด็นให้แล้วเสร็จ ทั้งนี้พนักงานสอบสวนยังไม่สามารถส่งตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คนให้อัยการได้เนื่องจากต้องรวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ ให้ครบถ้วนเสียก่อน อย่างไรก็ตามพนักงานอัยการได้นัดหมาย พนักงานสอบสวนพร้อม ผู้ต้องหาทั้งหมดมารับฟังคำวินิจฉัยว่าจะสั่งฟ้องคดีดังกล่าวหรือไม่ในวันที่ 4 ต.ค.นี้เวลา 10.00 น.ที่สำนักงานอัยการสูงสุด
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า วันนี้พนักงานสอบสวนได้นำเอกสารต่าง ๆ อาทิ เช็คและเอกสารของวัดพระธรรมกายที่ 2 ผู้ต้องหาได้ลงลายมือชื่อไว้ ให้กองพิสูจน์หลักฐานเพื่อยืนยันอีกครั้ง หลังจากที่ได้นำส่งไปแล้วส่วนหนึ่ง โดยจะนำมาประกอบสำนวนให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้น นอกจากนี้พนักงานสอบสวนได้เดินทางไปยังกรมป่าไม้เพื่อตรวจสอบเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับวัดพระธรรมกาย รวมทั้งทำหนังสือไปยังกรมศาสนาเพื่อตรวจสอบเรื่องการขอเครื่องราชฯของทางวัดพระธรรมกายอีกด้วย