page4

เดลินิวส์ 16/9/2542

ตืองงมติมหาเถรฯยื้อปัญหา

สมศักดิ์"มึนมหเถรฯ ให้ทำความเห็นปัญหายกฟ้อง"ไชยบูลย์"ตามกฎนิคหกรรมเสนอ ระบุเคยมีมติแล้วชาวบ้านฟ้องได้ทำไมต้องให้ทำเรื่องอีก จะถ่ายเอกสารมติเดิมไปเตือนความจำ งานนี้ทำให้ช้าแบบไม่มีสาเหตุ อัยการนัดประชุมถกคดี ระบุข้องใจพฤติกรรมพระปลอมทำไมไปซื้อที่ แถมไม่ยอมยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมอีก กองปราบฯ หาช่องเอากฎหมายฟอกเงินฟัน

เมื่อวันที่ 15 ก.ย. นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า นายพิภพ กาญจนะ อธิบดีกรมการศาสนา รายงาน มติมหาเถรสมาคม (มส.) เมื่อวันที่ 14 ก.ย.ที่ผ่านมาว่าต้องการให้กระทรวงทำความเห็นประกอบการพิจารณากรณีนายมาณพ พลไพรินทร์ ผู้เชี่ยวชาญกรมการศาสนา และนายสมพร เทพสิทธา ประธานยุวพุทธิกสมาคมแห่งชาติ ทำหนังสือ คัดค้านกรณีที่พระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 ยกฟ้องนายไชยบูลย์ สุทธิผล เจ้าสำนักธรรมกาย ข้อกล่าวหาตามกฎนิคหกรรม โดยอ้างคฤหัสถ์ไม่สามารถฟ้องได้

"ไม่เข้าใจทำไมถึงถามความเห็นมาอีก เพราะมติมหาเถรฯ เมื่อวันที่ 16 ส.ค. ชัดเจนว่าคฤหัสถ์ฟ้องได้ แสดงว่าคำคัดค้าน ทั้งของนายมาณพและนายสมพรถูกต้อง ต้องหารือกับนายวิชัย ตันศิริ รมช.ศึกษาธิการว่าจะต้องทำความเห็นหรือไม่ อาจเป็นไปได้ว่าจะถ่ายมติมหาเถรฯวันที่ 16 ส.ค. ส่งไปให้แทน ไม่เข้าใจทำไมมติชัดเจนแล้วต้องส่งความเห็นอีก ทั้งที่ไม่ควรทำจะทำให้เรื่องล่าช้า ใช้ดุลพินิจได้เลย จะทำให้จบไวขึ้น"

นอกจากนั้นพระพรหมโมลีได้ทำหนังสือชี้แจงไปยังสมเด็จพระมหาธีราจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนกลางแล้ว และสมเด็จพระมหาธีราจารย์ ให้กลับไปทำรายงานขึ้นมาใหม่ให้ชัดเจน เพราะมีบางประเด็นไม่ชัด และให้ส่งกลับมาภายใน 7 วัน โดยนายสมศักดิ์ กล่าวว่า มอบให้นายพิภพติดตามอย่างใกล้ชิด

สำหรับกรณีที่มีกระแสข่าวว่านายวิเชียร วิริยประสิทธิ์ อธิบดีกรมอัยการ ฝ่ายคดีอาญา ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะดำเนินคดีกับนายไชยบูลย์เป็นลูกศิษย์พระธรรมราชานุวัตร หรือหลวงเตี่ย ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) ซึ่งออกมาปกป้องธรรมกายอย่างออกนอก หน้าทำให้เกรงว่า จะเกิดความไม่เป็นธรรม นายสมศักด์ กล่าวว่า ไม่อยากมองว่าใครเป็นลูกศิษย์ใคร จะทำให้เสียความเป็นกลาง เชื่อว่าไม่ว่าใครที่มีสถานะใดทางสังคมจะให้เกียรติสังคมด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่าได้มีโทรศัพท์มาแจ้ง พล.ต.ท.วาสนา เพิ่มลาภ ผบช.สง.ก.ตร. หัวหน้าชุดสอบสวนคดีธรรมกายว่านายวิชียร เป็นลูกศิษย์ของหลวงเตี่ย แต่ พล.ต.ท.วาสนา ไม่หนักใจเพราะรู้จักนายวิเชียรว่าเป็นคนตรงไปตรงมา และเป็นคนดี ขณะเดียวกันมีผู้ใกล้ชิดนายวิเชียรยืนยันว่านายวิเชียรเคยเป็นเด็กวัดโพธิ์จริง และหลายคนกลัวว่าจะมีคำขอ จะทำให้คดีนี้ลำบากเพราะพระกับลูกศิษย์ใกล้ชิดแยกกันไม่ออก แต่นายวิเชียรเป็นคนตงฉิน ตรงไปตรงมา แม้ว่าในวันที่ 9 ก.ย. ที่นายไชยบูลย์มามอบตัวที่สำนักงานอัยการสูงสุด สาวกธรรมกายพูดกันว่าคดีนี้หลุดแน่ ๆ เพราะได้บารมีพระบางรูปช่วย แต่ต้องเชื่อในกระบวนการยุติธรรม

ที่สำนักงานอัยการสูงสุด นายอำพล เหมาคม อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 5 เปิดเผยว่าในวันที่ 17 ก.ย.นี้ เวลา 09.00 น. นายวิเชียร หัวหน้าคณะทำงาน อัยการจะเรียกคณะทำงานและ ชุดพนักงานสอบสวนเข้าร่วมประชุมโดยให้พนักงานสอบสวน สรุปความเป็นมาของคดี ถ้าเป็นไปได้จะให้นายมาณพและนายเริงฤทธิ์ เบ้านุวงศ์�หัวหน้าฝ่ายสังฆการ มาอธิบายขั้นตอนต่าง ๆ เกี่ยวกับพิธีการทางศาสนาหรือหลักปฏิบัติทั่วไป

ส่วนการที่นายไชยบูลย์ยืนยันจะให้การในชั้นศาล และคำให้การบางส่วนไม่ชัด ทำให้อัยการมอง ถึงพฤติการณ์ได้ ยากว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรนั้น นายอำพล กล่าวว่า ขณะนี้ผู้ต้องหาไม่ได้ยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมเข้ามา ซึ่งเป็นไปได้ว่าการยื่นหนังสือต้องแสดงข้อเท็จจริงทั้งหมดในหนังสือ และสงสัยทำไมนายไชยบูลย์ไม่ทำอะไรตรงไปตรงมา ทำไมทำอย่างนั้นอย่างนี้ตามที่ถูกกล่าวหา อยากรู้เหตุผล โดยเฉพาะการซื้อที่ดิน ถ้าอธิบายชัดเจนอัยการก็จะนำไปพิจารณาสั่งคดี ทางกฎหมายเรียกว่ากรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา

ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.พระนครศรีอยุธยาว่า วัดพระธรรมกายส่งพระ 2 รูปเข้าไปแจกเอกสาร และชักชวนนักศึกษาเข้าวัด รวมถึงคอยตอบโต้ข้อกล่าวหาของวัดด้วย สร้างความไม่พอใจให้กับชาวบ้านที่พบเห็นอย่างมาก

ที่กองปราบปราม เวลา 11.00 น. พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง ผกก. 1 ป. และคณะทำงานด้านการเงินคดีธรรมกาย เชิญพ.ต.อ.พีรพันธุ์ เปรมภูติ รองผู้บังคับการกองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และพ.ต.อ.สีหนาถ ประยูรรัตน์ ผกก. ฝ่ายอำนวยการกองบังคับการปราบปรามยาเสพติด 2 ที่เคยร่วมกันยกร่างกฎหมายฟอกเงินมาให้ความรู้แก่ทีมงานสอบสวน โดยการหารือครั้งนี้ ได้มีการพิจารณาข้อกฎหมายในประเด็นว่า กฎหมายฟอกเงินประกาศใช้เมื่อวันที่ 20 ส.ค.นั้น มีผลย้อนหลังมาเล่นงานกรณีธรรมกายได้หรือไม่

ผลจากการหารือก็คือหากมีความผิดกรณีฉ้อโกงประชาชน ก็สามารถนำกฎหมายฉ้อโกงประชาชนที่ใช้ตั้งแต่ปี 2534 มาเล่นงานได้ และถ้าได้ทรัพย์สินมาหลังวันที่ 20 ส.ค. ที่กฎหมายฟอกเงินบังคับใช้ก็เข้าข่ายที่ต้องพิจารณาว่าครบองค์ ประกอบความผิดตามมูลฐานหรือไม่ด้วย ส่วนกรณีการนำเงินบริจาคของวัดมาทำธุรกิจส่วนตัว เช่นการทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เข้าข่ายความผิดอาญาอยู่แล้ว และน่าจะเข้าข่ายกฎหมายฟอกเงิน

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่าในการประชุมผู้บริหารมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) ซึ่งเป็น 1 ใน 2 มหาวิทยาลัยสงฆ์ของเมืองไทย ได้มีการชี้แจงกรณีวัดพระธรรมกายจะให้เงิน สนับสนุนหนังสือพุทธจักร และจะให้ถอดบทความของพระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตโต) ออกจากหนังสือ โดยพระมหาต่วน สิริธัมโม รอง อธิการบดี ชี้แจงว่ามีการเสนอเงินให้จริง แต่ไม่ตกลง และมีผู้บริหารบางคนต้องการถอดบทความ ทำให้คณะผู้บริหารวิจารณ์นอกรอบว่าหากทำแบบนี้ถือว่าเนรคุณ เพราะพระธรรมปิฎกเคยเป็นองค์อธิการบดีของ มจร. ด้วย

นอกจากนั้นในวันที่ 6-7 พ.ย.นี้ จะมีการเตรียมงานฉลองพระไตรปิฎกฉบับภาษาไทย และมีการส่งคนมาประสานงานกับศิษย์เก่า มจร. ไม่ให้เคลื่อนไหวกรณีธรรมกาย ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้สมาคมมาก และก็ยิ่งไม่พอใจที่ไม่เชิญพระธรรมปิฎกอดีตอธิการบดี และเป็นผู้ริเริ่มทำพระไตรปิฎกฉบับภาษาไทยมางาน แต่ไปเชิญหลวงเตี่ย วัดโพธิ์ และพระธรรมกิตติวงศ์ เจ้า อาวาสวัดราชโอรส ซึ่งให้การสนับสนุนธรรมกายมาเป็นประธานเทศนาให้โอวาทแสดงให้เห็นว่าพระผู้บริหารบางรูปของ มจร. เอนเอียงเข้าหาธรรมกายแล้ว.