เดลินิวส์ 14/9/2542
40 สาวก'ธรรมกาย'สั่งห้ามหนีไปนอก 'ไชยบูลย์'อ่วมแน่จะเจออีก 20 ข้อหา
"วาสนา"หมายหัว 40 สาวกธรรมกาย ถูกดำเนินคดีประสาน ตม.ห้ามออก นอกประเทศ คิวล่าสุดเตรียม ออกหมายจับ 4 สีกาสนิทกับ 2 ศิษย์ชื่อดังคนรู้จักทั้งเมือง หนังยาวแน่ "ไชยบูลย์" เจออีก 20 ข้อหา สอบกันเหงื่อตก แฉเงินวัด 1 หมื่นล้านล่องหนหาที่ไปไม่ชัด แกะรอยสีกาสนิทปูที่นอนให้พระปลอมมีเงินเข้าบัญชีกว่า 100 ล้าน แถมถือครองที่ดินอีกมหาศาลอย่างน่าสงสัย ตระกูล "กัลยาณมิตร" รวมตัวเล่นงาน วัดฉาวเอาชื่อสกุลไปหากิน
เมื่อวันที่ 13 ก.ย. ที่ผ่านมา เวลา 14.00 น. พล.ต.ท.วาสนา เพิ่มลาภ ผบช.สง.ก.ตร. ในฐานะหัวหน้า ชุดสอบสวนคดีธรรมกาย เรียกประชุมพนักงานสอบสวนทั้งหมด อาทิ พล.ต.ต.ปานศิริ ประภาวัตร ผช.ผบช.สง.กตร., พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ผกก.1ป., พ.ต.อ.ฉัตรกนก เขียวแสงส่อง ผกก.3ป., พ.ต.อ.สมพงษ์ คงเพชรศักดิ์ ผบก.ป. เป็นต้นโดยใช้เวลาประชุมนานกว่า 3ชั่วโมง
พล.ต.ท.วาสนาเปิดเผยว่า พนักงานสอบ สวนพิจารณากรณีอื่น ๆ อีกหลายกรณีหลังจากมีการแจ้งความ กับอัยการสูงสุดในคดีเป็นเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์,เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่มิชอบไปแล้ว แต่ยังมีเหตุการณ์ ที่ทางวัดโอนเงินเข้าบัญชีของบุคคลและนิติบุคคลต่าง ๆ หลายครั้ง แต่ละกรณีก็ต่างกรรมต่างวาระ ประกอบกับ คณะรัฐมนตรี มีมติว่าในการสอบสวนหากพบความผิดฐานหนึ่งฐานใดพนักงานสอบสวน ต้อง ดำเนินคดีให้หมดทุกข้อกล่าวหาความผิด เว้นแต่เสียว่าไม่อยู่ในอำนาจก็แจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดการ
การทำงาน จะแบ่งพนักงานสอบสวนตามความถนัด เพื่อให้มีความสมบูรณ์ตามหลักฐาน และจะใช้เวลาทำงานประมาณ 1 เดือน ยกเว้นบางคนที่พยายามให้เสร็จใน 2 สัปดาห์ อยู่ในข่าย 2-3 รายมีนายไชยบูลย์รวมอยู่ด้วย ส่วนจะออกหมายจับหรือไม่ไม่เปิดเผย ข้ออยู่กับข้อเท็จจริง
บุคคลทั้งหมดที่อยู่ในข่ายถูกดำเนินการมีประมาณ 40 คน และมีพระรวมอยู่ด้วย และได้มีการ ประสานงานกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองป้องกันการหลบหนีไว้แล้ว และต้องปิดเรื่อง จนกว่า จะออกหมายจับเพราะเกรงว่าจะหนีออกนอกประเทศก่อน และหากใครได้รับหมายเรียกขอให้มาให้ถ้อยคำ ถ้ามีหลักฐานยุติได้ว่าไม่เกี่ยวข้องทุกอย่างจะได้ยุติ ใครทำอะไรก็ย่อมรู้แก่ใจตัวเอง
ส่วนนายมัยฤทธิ์ ปิตวนิชและนายเทิดศักดิ์ ศรีนพรัตน์ 2 ผู้ต้องหาล่าสุดจะมามอบตัวในวันที่ 14 ก.ย. เวลา 10.00 น. โดยพนักงานสอบสวนตั้งวงเงินหลักทรัพย์ประกันตัวไว้รายละ 2 ล้านบาท
รายงานข่าวเปิดเผยว่า พนักงานสอบสวนได้กล่าวถึงผู้เกี่ยวข้องในคดีที่จะออกหมายจับคราวต่อไปเช่นสีกาน.,สีกา.อ.,สีกาป. ,อดีต ข้าราชการระดับสูง,และนายม. และยังมีพระอยู่ในข่ายอีก 4 รูป เป็นพระนักกฎหมายและดูแลด้านเงิน และจะต้อง ตรวจสอบว่ามีเงินได้มาอย่างไร เท่าที่ตรวจสอบวัดมีเงินถึง 1 หมื่นล้านบาท เข้ามา แต่ขณะนี้ทำไมเหลือแค่ 500 ล้านบาท และการ ตรวจสอบสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ ในวัดพบว่ามีมูลค่าประมาณ 5 พันล้านบาท จึงน่ามีเงินเหลือมากกว่านี้ ต้องตอบคำถามให้ได้เงินหายไปไหน
นอกจากนั้นพนักงานสอบสวนยังพบสีกาใกล้ชิดซึ่งปูที่นอนให้กับนายไชยบูลย์มีเงินเข้าบัญชีไม่ต่ำกว่า 100 ล้าน และเป็นเงินวัด สีกาคนนี้ยังมีที่ดินถึง 53 แปลง ทั้งที่ประวัติและการทำงานรวมทั้งพื้นฐานครอบครัวไม่น่ารวยขนาดนี้
ที่ประชุมยังมีคดีความไม่ชอบมาพากลของวัดอีกกว่า 20 คดี ยกตัวอย่างสีกาสนิทมีเงินเข้าบัญชี 500 ล้านบาท แต่ไม่สามารถตอบคำถามที่มาของเงินได้ทั้งหมด และสะสางได้เพียง 80 ล้านบาท ที่เหลือไม่ทราบที่มา รวมถึงยังมีกรณีนำเงินมูลนิธิไปเล่นแร่แปรธาตุในลักษณะต่าง ๆ โดยกรมทรัพยากร ธรณียืนยันแล้ว ที่ดินนายไชยบูลย์ที่พิจิตรและเพชรบูรณ์พบมีแร่ทองคำจริง และยืนยันการซื้อที่ดินของนายไชยบูลย์เพื่อทำเหมืองทอง
นายสมมาตร กัลยาณมิตร ทายาทตระกูล "กัลยาณมิตร" เปิดเผยว่าขณะนี้ ญาติพี่น้องในตระกูล กำลังรวม ตัวเพื่อยื่นฟ้องวัดพระธรรมกาย ที่นำนามสกุลของตน และญาติมิตรไปใช้ตั้งชื่อโครงการ "บ้านกัลยาณมิตร" และทำให้เดือดร้อนกันมาก
"อย่างบ้านผมอยู่ที่บางพลี เคยเขียนป้ายว่าบ้านกัลยาณมิตร ซึ่งหมายถึงนามสกุลของพวกเรา แต่ปรากฎว่าวัดนี้มาทำโครงการบ้านกัลยาณ มิตร ทำให้ผมต้องเอาป้ายบ้านลง เพราะเราไม่ใช่พวกธรรมกาย และเดือดร้อนกันไปหมดทั้งตระกูล ทำให้ญาติพี่น้องเตรียมรวมตัวกันเล่นงาน"
นายสมมาตรกล่าวอีกว่าตนไม่ศรัทธาวัดนี้และลูกเขยถุกยังเคยถูกดึงเข้าไปในวัดเพื่อทำธุรกิจรถตู้ แต่สุดท้ายก็ถูกหลอก
อนึ่งสำหรับตระกูล กัลยาณมิตรเป็นตระกูล เก่า ต้นตระกูลคือเจ้าพระยากัลยาณมิตร และมีลูกหลานสืบสกุลโดยคนสำคัญ ๆ อาทิ นายฉลอง กัลยาณมิตร อดีตอธิบดีกรมการปกครอง
นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รมว.ศึกษา ธิการ กล่าวว่ากระทรวงรอรายงานของพระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 ที่จะเสนอต่อสมเด็จพระมหาธีราจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนกลาง ถึงเหตุผลที่ไม่รับคำฟ้องนายไชยบูลย์ ตามกฎนิหคกรรม และขณะนี้ยังแต่งตั้งคณะทำงานปรับปรุงกฎมหาเถรสมาคมฉบับที่ 11 ว่าด้วยการลงนิคหกรรมให้สมบูรณ์ขึ้น โดยกำหนดเงื่อนเวลาขึ้นมา และจะเสนอเข้ามหาเถรฯอีกครั้งประเด็นไหนที่มหาเถรฯไม่เห็นด้วยก็จะต้องเข้าไปชี้แจง
ที่สำนักงานอัยการสูงสุด นายวิเชียร วิริยะ ประสิทธิ์ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีอาญา ในฐานะ หัวหน้าคณะ ทำงานอัยการคดีฟ้องนายไชยบูลย์ และนายถาวร พรหมถาวร สาวกคนสนิท ที่ถูกกองปราบปรามกล่าวโทษ 3 คดี เปิดเผยว่า ตนส่งสำนวนสรุปรายงานการสอบสวนให้คณะทำงานที่เป็นอัยการ 9 คนไปศึกษาก่อนเพื่อความละเอียด และจะเรียกประชุมกันอาจเป็นในสัปดาห์นี้ เพื่อตรวจสอบพยานเอกสารทั้งหมดซึ่งหนาประมาณ 6,000 หน้า คาดว่า ต้องใช้เวลาพอสมควร หากผู้ต้องหาทั้ง 2 คน เห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม สามารถยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมมายังตน หรือนายสุชาติ ไตรประสิทธิ์ อัยการสูงสุดได้ ส่วน พนักงานสอบสวนหากรวบรวมพยานหลักฐานข้อหาอื่น ๆ เสร็จก็สามารถ ส่งสำนวนสอบสวนพร้อมความเห็นควรสั่งฟ้องให้กับคณะทำงานอัยการพิจารณาได้เช่นกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายมาโนชญ์ วิชัยกุล ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ และเลขานุการรัฐมนตรี ว่าการ กระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนายวงศ์วิบูลย์ กิจวิบูลย์ ปลัดจังหวัด นายวิมล รัตนแฉล้ม กำนัน ต.มะม่วงสองต้น อ.เมืองนครศรีธรรมราช และชาวบ้านอีกจำนวนหนึ่ง ได้แสดงความไม่เห็นด้วยที่พระครูโฆสิตปริยัติยาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดสระเรียง จะทำการ เช่าที่วัดร้างจากศึกษาธิการอำเภอเพื่อดำเนินการก่อสร้างสาขาวัดพระธรรมกาย ทั้งนี้เนื่องจากทุกฝ่ายเห็นว่านายไชยบูลย์ เจ้าลัทธิธรรมกายยังอยู่ระหว่างการดำเินนคดีอาญาจึงไม่สมควรที่จะดำเนินการในเรื่องดังกล่าว แม้ว่าการเปิดสาขาจะไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินคดีแต่กระทบต่อความมั่นคงได้.