เดลินิวส์ 13/9/2542
อ้างสิทธิมนุษยชนซี 10ยันพระสงฆ์มีเมียได้ ด้าน'ไชยบูลย์' คิดตั้งลัทธิใหม่
บ้ากันใหญ่!! เสวนากฎหมายสงฆ์ รองเลขาธิการวุฒิสภามาแปลก สตรีใด ได้พระเป็นผัวประเสริฐ เหมือนมีพระในบ้าน อดีตพระวัดฉาวระบุชัดปลาไหล"ไชยบูลย์"มีแนวคิดตั้งลัทธิใหม่ คิดสูตรสำเร็จเองชื่อ"วงธาตุกรรม"วางตัวเป็นศูนย์อำนาจใหญ่ บรรยากาศวัดพระธรรมกายเงียบเหงา ปล่อย ข่าว"ไชยบูลย์"ป่วย "ผ่อง เล่งอี้"ยืนยัน รวบรวมรายชื่อ ไม่มีการบังคับ ถือเป็นสิทธิ์แต่ละคน มั่นใจได้ตรงตามเป้า ชาวบ้านเมืองเก่าอยุธยาโวย เจอเล่ห์กัลยาณมิตรหลอกลงชื่อพร้อมถ่ายบัตรประจำตัว ประชาชนอ้างยื่นศาลรัฐธรรมนูญ แต่ไปโผล่ขับไล่"สมศักดิ์"แทน ตำรวจสรุปคดีฉ้อโกงวันจันทร์นี้
ที่วัดพระธรรมกาย อ.คลองหลวง ปทุมธานี เมื่อเวลา 8.00 น. วันที่ 12 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีญาติโยมและผู้ศรัทธาธรรมกายเดินทางมาปฏิบัติธรรม และร่วมพิธีกรรมต่างๆของวัดพระธรรมกายตามปกติราว 3,000 คน โดยในครั้งนี้นายไชยบูลย์ สุทธิผล เจ้าลัทธิธรรมกายไม่ได้ลงมาร่วมพิธีเหมือนเช่นที่ผ่านมา แต่มอบหมายให้พระฉัตร ตันชโย เป็นผู้มาแสดง เทศนาแทน ขณะที่พระภาวนาวิริยคุณหรือพระเผด็จ ทัตตชีโว รองเจ้าอาวาสฯก็เพียงลงมาร่วมในพิธีสวดมนต์เท่านั้น ไม่ได้กล่าวอย่างไรต่อญาติโยม
ส่วนพิธีกรรมในช่วงบ่าย ก็ยังคงเป็นพิธีหล่อพระธรรมกายประจำตัวเช่นเดิม โดยมีพระครูปลัดภูเบศร์ ฌานาภิญโญ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสฯเป็นประธานในพิธี ซึ่งบรรดาญาติโยมที่เดินทางมาวัดในครั้งนี้ยังคงคาดหวังว่า นายไชยบูลย์จะปรากฎกายและเทศนาด้วย แต่ทุกคนก็ต้องผิดหวัง โดยเจ้าหน้าที่วัดแจ้งว่านายไชยบูลย์ป่วย
สำหรับบรรยากาศทั่วไปนั้นเป็นไปด้วยความเงียบเหงา แต่ทางวัดก็ได้มีการปรับเปลี่ยนการเรี่ยไรใหม่ คือมีการนำรูปหล่อหลวงพ่อสด รุ่นมารสยบและพบสมบัติมาตั้งบนกล่องบริจาค และนบุสบกรูปทรงเดียวกับมหาธรรมกายเจดีย์มาครอบไว้ กล่องบริจาคเงินนั้นมีช่องบริจาค 4 ช่อง ปรากฎว่ามีญาติโยมสนใจร่วมบริจาคเป็นจำนวนมาก ญาติโยมรายหนึ่งบอกว่า เพื่อสมทบทุนกองทุนช่วยพระเณร
ขณะเดียวกันนายวิระศักดิ์ ฮาดดา หัวหน้าสำนักงานมูลนิธิธรรมกายได้เปิดเผยถึงกรณีการยื่นคำร้อง ต่อศาลรัฐธรรมนูญของวัดพระธรรมกายตกไปว่า ขณะนี้กำลังรวบรวมรายชื่อประชาชนเพื่อเสนอต่อรัฐสภา เพื่อให้เสนอต่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตีความ ส่วนเรื่องความคืบหน้าของคดีนั้น ได้มอบหมายให้นายสนธยา โพธิ์แดง ทนายของวัดเป็นผู้ดำเนินการ
ต่อมาเวลา 15.00 น. ที่บริเวณปากทางออกวัดพระธรรมกาย ขณะที่รปภ.ชุดองค์การทหารผ่านศึกกำ ลังปฏิบัติหน้าที่ ปรากฎว่ามีรถยนต์นั่งส่วนบุคคลยี่ห้อฮอนด้ารุ่นซีวิคสีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน 9 ฮ 6744 กทม. ภายในรถ มีชายแต่งชุดสีกากีขับขี่มาด้วยความเร็วสูง โดยมีผู้หญิง 4 คนสวมชุดขาวโดยสารมาในรถ ได้พุ่งเข้าชนแผงเหล็กกั้น ทำให้เจ้าหน้าที่รปภ.ขี่จักรยานยนตร์ตามไปในทันทีแต่ไม่ทัน โดยรถคันดังกล่าวนั้นได้ขโมยยางอะไหล่รถยนต์ปิคอัพไป ซึ่งเจ้าหน้าที่พยายามที่จะปิดข่าวนี้เนื่องจากเกรงว่าจะก่อความเสียให้แก่วัด
นายผ่อง เล่งอี้ อดีตอธิบดีกรมป่าไม้เปิดเผยว่า เหตุที่นายไชยบูลย์ไม่ได้ลงมาแสดงเทศนาในครั้งนี้ก็ไม่ได้เจ็บป่วยอะไร และไม่เกี่ยวกับเรื่องการเดินทางไปมอบตัวกับอัยการ แต่ต้องการเปิดโอกาสให้แก่พระลูกวัดรูปอื่นๆขั้นมาเทศน์บ้าง ซึ่งเรื่องนี้ก็สามารถฝึกหัดและสอนกันได้ ขอยืนยันว่านายไชยบูลย์สบายดีทุกอย่าง เรื่องคดีก็เป็นหน้าที่ของอัยการที่จะพิจารณาไม่อยากวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้
นายผ่อง กล่าวถึงข่าวที่ระบุว่าพนักงานสอบสวนเตรียมออกหมายจับอดีตอธิบดีคนหนึ่งอย่างมีอารมณ์ว่า ช่วยถามพนักงานสอบสวนให้ชัดเจนด้วยว่าเป็นใคร ระบุชื่อมาด้วย จะได้ชี้แจงได้อย่างชัดเจน ข่าวลักษณะนี้หากพูดไปก็เหมือนยอมรับกินปูนร้อนท้อง ส่วนกรณีการรวบรวมรายชื่อญาติโยมนั้น ใครจะทำก็ถือเป็นสิทธิ์ที่จะกระทำได้ แต่จะไม่มีการบังคับอย่างแน่นอนเป็นสิทธิ์ของแต่ละคน รายชื่อนั้นก็เพิ่มมากขึ้นทุกวินาที มีหลายหมื่นคนไม่ต่ำกว่านี้แน่นอน
ในวันเดียวกันผู้สื่อข่าว "เดลินิวส์" ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนจำนวนมากในจังหวัดพระนครศรี อยุธยา และบริเวณโรงงานย่านบางพลี การเคหะบางพลีและสวนสุขภาพว่า มีเจ้าหน้าที่มูลนิธิธรรมกาย และเหล่ากัลยาณมิตรของวัดพระธรรมกายได้ไปติดต่อกับชาวบ้านในบริเวณดังกล่าว เพื่อขอถ่ายบัตรประชาชนและขอให้ร่วมลงชื่อเพื่อยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยในเรื่ององค์กรรัฐรอนสิทธิ์ และเพื่อรวบรวมรายชื่อตามมาตรา 304 ของรัฐธรรมนูญเพื่อถอดถอนนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และนายวิชัย ตันศิริ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการให้พ้นจากตำแหน่ง
ผู้ร้องเรียนรายหนึ่งกล่าวว่า การขอความร่วมมือจากเหล่ากัลยาณมิตรครั้งนี้ ไม่ได้มีการอธิบาย ถึงวัตถุ ประสงค์ที่ชัดเจนแก่ชาวบ้าน อ้างแต่เพียงว่าเพื่อรวบรวมรายชื่อยื่นศาลรัฐธรรมนูญเท่านั้น ทำให้ข้าราชการครูบางคนหลงเชื่อและมอบบัตรประจำตัวข้าราชการและยอมลงชื่อร่วม เพื่อต้องการให้กรณีปัญหาวัดพระธรรมกายยุติลงโดยเร็ว เพราะเกรงว่าหากปล่อย ให้ยืดเยื้อต่อไปจะเกิดผลเสียหายต่อพระพุทธศาสนา ซึ่งอาจจะเกิดผลกระทบต่อผู้ร่วมลงชื่อในอนาคต จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ บ้านเมืองทำการตรวจสอบพฤติกรรมของเหล่ากัลยาณมิตร วัดพระธรรมกายและเจ้าหน้าที่มูลนิธิธรรมกายด้วย เนื่องจากพฤติกรรมดังกล่าวมีเจตนาหลอกลวงให้ชาวบ้านหลงเชื่อได้
วันเดียวกัน ที่วัดสามพระยาได้มีการจัดเสวนาเรื่อง "พ.ร.บ.สงฆ์ใหม่ พิฆาตสงฆ์ไทยหรือไม่" โดยมีพระสังฆาธิการระดับเจ้าอาวาสลงมาจนถึงผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดต่างๆในกรุงเทพฯเข้าร่วมกว่า 300 รูป วิทยากรประกอบด้วยนายคณิน บุญสุวรรณ อดีตส.ส.ร. นายบุญทัน ดอกไทยสง อาจารย์ประจำคณะรัฐประศาสนศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์(นิด้า) และนายจำนงค์ สวมประคำ รองเลขาธิการวุฒิสภา ผู้เข้าร่วมเสวนาส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับร่างพ.ร.บ.สงฆ์ฉบับใหม่ โดยระบุว่าเป็นการให้อำนาจนักการเมืองปกครองคณะสงฆ์ และประเด็นที่จะให้มีการตรวจสอบประวัติผู้ที่จะบวชเป็นพระก่อนนั้นเป็นการทำให้พระสงฆ์ลดลง ในที่สุดวัดจะร้างแล้วรัฐก็จะเข้ามายึดสมบัติ เป็นการทำลายพุทธศาสนา
ในการเสวนานายจำนงค์กล่าวโจมตีร่างพ.ร.บ.สงฆ์ฉบับใหม่ว่า บทลงโทษในร่างพ.ร.บ.สงฆ์ฉบับใหม่ ที่ระบุว่าผู้ใดเสพเมถุนในขณะเป็นพระ รวมทั้งผู้ร่วมเสพเมถุน ต้องมีโทษจำคุกตั้งแต่ 5-10 ปีนั้น เป็นเรื่องที่ขัดกับหลักสิทธิมนุษยชนมากที่สุด พระพุทธเจ้าไม่ได้ห้ามไม่ให้เกิดฉันทะต่อกัน ผู้หญิงคนไหนได้พระไปเป็นสามีประเสริฐที่สุด เหมือนมีพระอยู่ในบ้าน ลูกที่เกิดมาก็เป็นลูกที่ประเสริฐ แม้จะเกิดตอนที่พ่อเป็นพระก็ตาม ดังนั้นหากพระรูปใดมาถึงขั้นนั้นก็ขอให้สึกเสียก่อนแล้วไปครองเรือน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อนายจำนงค์พูดมาถึงตรงนี้ผู้เข้าร่วมฟังการเสวนาที่เป็นผู้หญิงหลายคนต่างไม่พอใจ เดินออกจากสถานที่จัดเสวนา พร้อมทั้งระบุว่า "ข้าราชการซี 10 มาพูดเช่นนี้ต่อหน้าพระได้อย่างไร"
พระราชปริยัติบดี รองเจ้าคณะภาค 1 เจ้าอาวาสวัดสามพระยา กล่าวปิดงานเสวนาว่า ขอให้เจ้าอาวาสวัดในกรุงเทพฯ 400 กว่าวัดไปบอกญาติโยมว่าขณะนี้ฝ่ายรัฐกำลังริดรอนศาสนธรรม ศาสนวัตถุ ศาสนบุคคล และศาสนสมบัติให้หมดไป เป็นเหตุให้พุทธศาสนาสูญสลายไปจากเมืองไทย ถ้าเอาคนประเภทนี้บริหารประเทศพุทธศาสนาจะอยู่ได้หรือ ถ้าเลือกตั้งใหม่ขอให้เลือกส.ส.ที่รักพุทธศาสนา เลือกส.ส.ที่มีศีล 5 มาปกครองประ เทศ ช่วยร่างกฎหมายอุปถัมภ์คุ้มครองพระพุทธศาสนา
ทางด้านพระธรรมราชานุวัตร หรือหลวงเตี่ย รองเจ้าอาวาสวัดพระเชตุพน ซึ่งมาร่วมฟังการเสวนาครั้งนี้ด้วย ปฏิเสธจะให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเกี่ยวกับกรณีวัดพระธรรมกาย โดยกล่าวแต่เพียงว่าปัญหาของเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายจะจบหรือไม่อยู่ที่สื่อมวลชน
แหล่งข่าวจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติเปิดเผยว่า จากการสอบปากคำพยานที่เป็นอดีตพระลูกวัดของวัดพระธรรมกายนั้น ได้พบเห็นสิ่งผิดปกติหลายประการในเรื่องของคำสอนและแนวทางการสอน โดยพบว่ามีลักษณะเป็นคำสอนในลัทธิมากกว่าคำสอนในพระพุทธศาสนา โดยคำสอน ดังกล่าว นี้สาวกวัดพระธรรมกายจะเรียกว่า วงธาตุกรรมของไชยบูลย์ ซึ่งเป็นแนวทางที่นายไชยบูลย์ สุทธิผล เจ้าลัทธิธรรมกายคิดขึ้นมาเอง
"แนวทางนี้พยานได้อธิบายให้เห็นเป็นแผนภูมิรูปภาพ มีวงกลมเป็นศูนย์กลางแล้วมีรูปสี่เหลี่ยมคางหมูรอบวงกลมจำนวน 4 รูป มีนายไชยบูลย์อยู่ตรงกลาง ซึ่งหมายถึงว่าเป็นศูนย์อำนาจสูงสุด"
สำหรับรูปสี่เหลี่ยมคางหมูนั้นสามารถอธิบายได้ว่า รูปแรกเรียกว่า ฝ่ายพิราบ จะอยู่ด้านหน้าของวงกลมด้านขวามือ หมายถึงมือขวาของนายไชยบูลย์ ได้แก่พระผู้ที่ทำหน้าที่นั่งสมาธิปราบมาร 10 รูป มีอำนาจลดหลั่นกันตามลำดับ ซึ่งในจำนวนนี้ มีบุตรชายของอดีตข้าราชการชั้นผู้ใหญ่คนหนึ่งรวมอยู่ด้วย โดยได้เป็นพระฝ่ายปราบมารอันดับ 2 ทำให้อดีตข้าราชการคนนี้เชื่อว่าบุตรชายของตนเองเป็นผู้มีบุญ
รูปที่ 2 นั้นเรียกว่า ฝ่ายโปรด จะอยู่ด้านหน้าของวงกลมด้านซ้ายมือ เป็นพระผู้ทำหน้าที่เผยแพร่คำสอนและเทศนา โดยฝ่ายนี้มีพระภาวนาวิริยคุณหรือพระเผด็จ ทัตตชีโว เป็นพระอันดับ 1 จากที่มีอยู่ทั้งสิ้น 8-10 รูป ส่วนรูปที่ 3 นั้นเรียกว่า ฝ่ายปฏิสังขรณ์ จะอยู่ด้านหลังของวงกลมด้านซ้ายมือ ได้แก่พระผู้ทำหน้าที่ทำนุ บำรุงและซ่อมแซม รูปสุดท้ายนั้น เรียกว่าฝ่ายกองเสบียง อยู่ด้านหลังของวงกลมด้านขวามือ ได้แก่พวกเศรษฐีที่สนับสนุนให้เงินวัดและหาเงินให้แก่วัด
แหล่งข่าวกล่าวต่อไปว่า หลักการของคำสอนดังกล่าวนั้นพยานอธิบายว่า เป็นเหตุให้พระชั้นในต่างแข่งขันกันทำความดีความชอบ เพื่อที่นายไชยบูลย์จะได้โปรดปรานพิจารณาเข้ามาอยู่ในวงธาตุกรรมนี้ และเมื่อเข้ามาอยู่แล้วก็ต้องทำความดีเพื่อเลื่อนขั้นขึ้นไปอีก ขณะเดียวกันหากทำให้นายไชยบูลย์ไม่พอใจก็จะถูกปลดโดยทันที ถึงแม้ว่าจะไม่มีการกำหนดตำแหน่งในวงธาตุกรรมชัดเจน แต่ทั้งพระและสาวกของวัดพระธรรมกายจะทราบดีว่าใครอยู่ในลำดับไหนตำแหน่งไหน
ส่วนที่กองปราบปรามฯ มีรายงานข่าวแจ้งว่า พนักงานสอบสวนเตรียม ที่จะมีการประชุมหารือสรุปคดีฉ้อโกงประชาชนในวันจันทร์ที่ 13 ก.ย.นี้ หลังจาก ได้พยาน หลักฐานเพียงพอ โดยระบุว่าต้นทุนการผลิตแค่ 200-250 บาท แต่ให้ประชาชนเช่าถึงองค์ละ 10,000-30,000 บาท รวมทั้งในเรื่องของธาตุที่นำมาเป็นวัตถุดิบในการผลิตก็มีการโฆษณาเกินความจริงด้วย หลังจากสรุปผลแล้วก็จะดำเนินการแจ้งคดีนายไชยบูลย์เพิ่มเติมโดยทันที ซึ่งตำรวจเชื่อมั่นว่าหลักฐานชัดเจน