เดลินิวส์ 9/9/2542
ขู่'ไชยบูลย์'เบี้ยวตร. ถอนประกันถอดจีวร!
ทนายวัดฉาวคำรามลั่น ระบุสาวกปลาไหลไชยบูลย์อาจยกพลบุกศาลหากสื่อเสนอข่าวด้านลบรุนแรง อ้างพนักงานสอบสวนออกหมายจับ 2 สาวกรอบใหม่แก้เกี้ยว หวังแค่สอบปากคำเท่านั้น เผยผู้ต้องหาเตรียมมอบตัวสู้คดีแล้ว ผกก.3ป.สวนทันควัน ไม่ผิดจริงไม่ออกหมายจับแน่ พนัก งานสอบสวนยันสำนวนเสนออัยการบ่ายสองวันที่ 9 ก.ย.แน่นอน "ไชยบูลย์-ถาวร" ต้องรายงานตัวไม่งั้นถอนประกัน ถอดจีวรทันที กมธ.ศาสนาออกหนังสือโต้กลุ่มอีแอบ ย้ำร่างพ.ร.บ.อุปถัมภ์ฯยังไม่เสร็จ แค่ตั้งคณะกก.ยกร่างฯเท่านั้น
ที่กระทรวงศึกษาธิการ เมื่อวันที่ 8 ก.ย. นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิ การ เปิดเผยว่ากรมการศาสนาทำรายงานกรณีนายมาณพ พลไพรินทร์ ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ กรมการศาสนาที่มีข่าวได้รับการติดต่อ จากวัดพระธรรมกายให้ล้มคดีโดยเรียกเงิน 1.5 ล้านบาทมาให้แล้ว โดยนายมาณพปฏิเสธอย่างสิ้นเชิงไม่เคยเรียกร้องเงินวัด และจะต้องมีการประสานงาน ไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อขอรายละเอียดเกี่ยวกับเทปที่กล่าวอ้างกันถึง เมื่อได้ข้อมูลชัดอาจจะตั้งคณะกรรมการสืบหาข้อเท็จจริง และจะให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย โดยเฉพาะผู้ถูกกล่าวหาที่เป็นข้าราชการ ไม่เช่นนั้นอาจทำให้เกิดความเสียขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่
ส่วนที่กองปราบปราม เวลา 14.00 น. นายสนธยา โพธิ์แดง ทนายความวัดพระธรรมกายเข้าพบพ.ต.อ.ฉัตรกนก เขียวแสงส่อง ผกก.3ป. เพื่อขอทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกรณีพนักงานสอบสวนการออกหมายจับกุมนายมัยฤทธิ์ ปิตวนิค และนายเทิดศักดิ์ ศรีนพรัตน์ 2 ผู้ต้องหาในคดีปลอมแปลงเอกสาร จากนั้นนายสนธยากล่าวว่า นายมัยฤทธิ์ติดต่อมาแล้วขอมอบตัวสู้คดี ส่วนนายเทิดชาติยังไม่ได้ติดต่อมา แต่ผู้ต้องหาทั้งคู่ยังอยู่ในประเทศไทย
นายสนธยากล่าวว่า ทั้งหมดเป็นเทคนิคกฎหมายที่ใครมาให้ปากคำจะถูกแจ้งข้อหา ส่วนในวันที่ 9 ก.ย. นายไชยบูลย์ สุทธิผล เจ้าสำนักธรรมกายกับนายถาวร พรหมถาวร สาวกสนิทจะมาพบพนักงานสอบสวนหรือไม่นั้น ทางพนักงาน สอบสวนเองยังไม่ยืนยันจะส่งสำนวนในวันดังกล่าวทันหรือไม่ บอกแต่ว่าจะเร่งเรื่อง ส่วนการจะมาที่กองปราบปรามหรือศาลอาญา ต้องรอความชัดเจนจะนัดที่ไหน แต่ยืนยันว่ายินดีปฏิบัติตามกฎหมาย
ถ้าสื่อมวลชนไม่ตีข่าวมากนัก ก็ไม่ติดขัด แต่ไม่แน่ใจญาติโยมจะเดินทางมาให้กำลังใจหรือไม่ ขึ้นอยู่กับจะเสนอข่าวรุนแรงหรือเปล่า อาจจะมาเหมือนกับที่มอบตัวครั้งก่อน แต่จะกลับไปรายงานให้ทราบ และอาจไม่สบายก็ได้
ด้านพ.ต.อ.ฉัตรกนกกล่าวว่า ได้รับแจ้งจากผู้ต้องหา 2 รายล่าสุดว่ายินดีมอบตัว โดยจะกำหนดวันเวลาอีกครั้ง ซึ่งอาจก่อนหรือหลังวันที่พนักงานสอบสวนส่งสำนวนคดีนายไชยบูลย์และนายถาวรให้อัยการ ส่วนจะให้ประกันหรือไม่ต้องพิจารณาตามกฎหมายผู้ต้องหามีพฤติกรรมหลบหนีหรือข่มขู่พยานหรือไม่ และการออกหมายจับ ไม่ใช่เทคนิคทางกฎหมายในการทำลายน้ำหนักพยานเหมือนกับที่นายสนธยาอ้าง เพราะมีการกระทำผิดก็ต้องแจ้งความดำเนินคดี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พนักงานสอบสวนได้ประชุมกันเพื่อพิจารณาสำนวนมีความสมบูรณ์เพียงพอจะส่งอัยการในวันที่ 9 ก.ย.หรือไม่ ถ้าไม่สมบูรณ์ต้องเลื่อนเวลาออกไปอีกประมาณ 10 วัน แต่นายไชยบูลย์และนายถาวร ต้องมาพบพนักงานสอบสวนก่อน ถ้าไม่มาจะฟ้องร้องทางแพ่งยึดเงินประกันตัวทั้งคู่รวม 4 ล้านบาท และจับกุมดำเนินคดีเลย หมายความว่าจะมีการจับนายไชยบูลย์ถอดจีวร
วันเดียวกันนี้พนักงานสอบสวนยังได้รับผลการตรวจสอบลายมือชื่อจากกองพิสูจน์หลักฐานว่า ลายเซนต์ในเช็คเงินสด และสำเนาการโอนเงินเพื่อซื้อที่ดินจังหวัดต่างๆ เป็นลายเซนต์ของนายไชยบูลย์ที่จ่ายเงินไปยังนางสงบ ปัญญาตรง สีกาใกล้ชิด และบุคคลอื่น นอกจากนี้ยังพบลายเซนต์ของนายมัยฤทธิ์ที่โอนเงินไปยังนางสงบ และบุคคลอื่นด้วยทุกครั้งเช่นกัน
ขณะเดียวกันที่รัฐสภา นายอำนวย สุวรรณคีรี ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปและวัฒนธรรมแถลงหลังการประชุมคณะกมธ.เสร็จสิ้นว่า ได้เชิญนายสุทธิวงศ์ ตันตยาพิศาลสุทธิ์ รองอธิบดีกรมการศาสนา เข้าชี้แจงและตอบข้อซักถามกรณีความคืบหน้าในการยกร่างพ.ร.บ. อุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา ซึ่งได้รับทราบว่าขณะนี้ได้ตั้งคณะกรรมการยกร่างฯขึ้นมาแล้ว
คณะกมธ.ได้ขอให้กรมการศาสนาช่วยชี้แจงไปยังวัดต่างๆทั่วประเทศด้วย เนื่องจากก่อนหน้านี้มีผู้ไม่หวังดี ออกมาเผยแพร่ข่าวในลักษณะบิดเบือนว่า เป็นการเปิดโอกาสให้ฆราวาสเข้ามาปกครองสงฆ์ ทั้งที่ความจริงร่างกฎหมายฉบับนี้ยังอยู่แค่ขั้นตอนของการยกร่าง นอกจากนี้ ยังขอให้กรมการศาสนาช่วยรวบรวม ข้อมูลหลักฐานทั้งหมดที่ถูกบิดเบือนและประสานงานกับตำรวจมห้ติดตามพฤติกรรมบุคคลเหล่านี้
ส่วนการที่วัดพระธรรมกายส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยว่า ถูกองค์กรของรัฐรอน สิทธิเสรีภาพตามมาตรา 38 ในรัฐธรรมนูญนั้น นายอำนวย กล่าวว่า คณะกมธ.หารือกันแล้ว และได้ออกหนังสือชี้แจง เรื่องเสรีภาพในการนับถือศาสนากับกรณีของวัดพระธรรมกายเพื่อให้ประชาชนทั่วประเทศเข้าใจข้อเท็จจริง เพราะในมาตรา 38 นั้นมีข้อความระบุไว้ว่าเสรีภาพในการนับถือต้องไม่เป็นปฏิปักษ์ต่อหน้าที่พลเมือง และไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยของสังคม มาตรานี้ย่อมจำกัดสิทธิในตัวเช่น บุคคลไม่สามารถ จะพูดหรือชักชวนให้ใครฆ่าตัวตายตามตนหรือหว่านล้อมให้บุคคลอื่นลุ่มหลงบริจาคทรัพย์สินจนหมดตัว
นายอำนวยกล่าวด้วยว่า ในมาตรา 73 ของรัฐธรรมนูญยังกำหนดให้รัฐต้องอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา และศาสนาอื่นซึ่งมีคนไทยนับถือเป็นปึกแผ่น ในการคุ้มครองที่ว่านี้รัฐย่อมคุ้มครองการกระทำอันจะก่อให้เกิดลัทธิผิดเพี้ยน อันเป็นผลกระทบ ต่อความมั่นคงของศาสนาเหล่านั้น ดังนั้นในกรณีที่วัดพระธรรมกายพยายามที่จะตั้งนิกายสงฆ์ขึ้นมาใหม่นั้น ทำไม่ได้
ทางออกของวัดพระธรรมกายคือต้องซื่อตรงต่อตนเอง ในเมื่อหลักธรรมของตัวต่างจากศาสนาบัญญัติของเถรวาท ที่ดำรงมาช้านาน ชาวธรรมกายควรออกจากศาสนาพุทธ และตั้งลัทธิของตัวเองขึ้นมา อีกทั้งบรรดาทรัพย์สินที่เกิดก่อนการตั้งลัทธิใหม่ทั้งวัดและมูลนิธิธรรมกาย จึงสมควรคืนให้คณะสงฆ์ด้วย
ต่อมาเมื่อเวลา 19.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานจากกองปราบปรามว่า พล.ต.ท.วาสนา เพิ่มลาภ ผบช.สง. ก.ตร. ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีวัดพระธรรมกายได้เดินทางมาร่วมหารือกับพนักงานสอบสวน เพื่อตรวจสอบและสรุปสำนวนคดีวัดพระธรรมกาย โดยเปิดเผยว่า ในช่วงเช้าวันที่ 9 ก.ย.จะได้นำสำนวนคดีส่งไปยังกองบังคับคดี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จากนั้นก็จะได้นำสำนวนไปขออนุมัติพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ผู้ปบัญชาการตำรวจแห่งชาติเพื่อพิจารณาอีกครั้ง และจะนำสำนวนทั้งหมดไปส่งให้นายวิเชียร วิริยะประสิทธิ์ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีอาญา สำนักงานอัยการสูงสุดต่อไป
พล.ต.ท.วาสนากล่าวว่า สำหรับการนัดนายไชยบูลย์และนายถาวรมาส่งตัวที่อัยการนั้น อาจจะต้องเลื่อนจากช่วงเช้าไปแต่คาดว่าจะไม่เกินเที่ยง เบื้องต้นได้รับการติดต่อจากผู้ต้องหาทั้ง 2 แล้วว่าพร้อมที่จะเดินทางไปตามนัดหมาย โดยนัดให้ไปพบที่สำนักงานอัยการ ถนนรัชดาภิเษก ไม่ต้องมาพบกับพนักงานสอบสวนที่กองปราบฯแต่อย่างใด สำนวนคดีนั้นมีความหนาประมาณ 3,500 หน้า เนื่องจากมีเอกสารหลักฐานอื่นๆประกอบเป็นจำนวนมาก คดีนี้ถือว่ามีสำนวนมากที่สุดคดีหนึ่งเท่าที่เคยทำมา
ต่อข้อถามที่ว่า พนักงานสอบสวนได้คัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหาในชั้นอัยการหรือไม่ พล.ต.ท.วาสนากล่าวว่า ไม่ม ีเหตุผลใด ที่จะต้องไปคัดค้าน การประกันตัว เพราะผู้ต้องหาเองก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะหลบหนี และเมื่อส่งตัวให้อัยการแล้ว ผู้ต้องหาคงจะต้องยื่นประกันต่อ ส่วนที่ว่า ผู้ต้องหาไม่เดินทางมาตามนัดหมายก็ต้องดูเหตุผลประกอบด้วย แต่ไม่ถึงขั้นถอนประกันทันที หากว่าอัยการไม่ให้ประกันตัวก็คงต้องควบคุมตัว แต่จะดำเนินการอย่างไรอัยการคงมีวิธีจัดการเอง ก่อนที่จะเข้าที่คุมขัง สำหรับเรื่องการรักษาความปลอดภัยนั้นยังไม่ได้มีการประสานกัน แต่เชื่อว่าจะไม่มีเหตุวุ่นวายอย่างแน่นอน
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า การดำเนินการขยายผลการสอบสวนของพนักงานสอบสวนเริ่มพบอุปสรรคมากขึ้น โดยเฉพาะการขอบัญชีเงินฝาก ของสีกาผู้ใกล้ชิดนายไชยบูลย์คนหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญเกี่ยวกับธุรกิจและการเงินของวัด เนื่องจากได้ขอความร่วมมือไปยัง ธนาคารแห่งหนึ่งแล้ว แต่จนบัดนี้ก็ยังไม่ได้รับเอกสารหลักฐานตามที่ขอไป ทำให้เห็นว่ามีความพยายามที่จะช่วยเหลือ ปกปิดเอกสารสำคัญชิ้นนี้ อย่างไรก็ตามทางพนักงานสอบสวนอาจจะต้องใช้ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 169 ดำเนินการกับผู้บริหารธนาคารดังกล่าว เนื่องจากไม่ให้ความ่รวมมือเจ้าพนักงาน มีระวางโทษจำคุกถึง 3 เดือนและปรับไม่เกิน 500 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เพื่อให้ธนาคารดังกล่าวเร่งส่งเอกสารหลักฐานให้แก่พนักงานสอบสวนโดยเร็ว
ภายหลังการหารือเพื่อสรุปสำนวนของพนักงานสอบสวนครั้งสุดท้าย พล.ต.ท.วาสนากล่าวว่า ที่ประชุมพนักงานสอบสวน เห็นพ้อต้องกันว่าให้นัดกับผู้ต้องหาให้ไปเจอกันที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถนนรัชดาภิเษก ในเวลา 14.00 น. นอกจากนี้ยังไดั้มีการประสาน ไปยังกองบัญชาการตำรวจนครบาลให้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ ตำรวจส่วนหนึ่งมาดูแลรักษาความเรียบร้อยและความปลอดภัยด้วย